เหลือเชื่อจริงๆ "เรือใบสีฟ้า" เสียสองจุดโทษ แถมโดนใบแดงน่าจะพ่ายอยู่แล้วแต่มาได้ ลีรอย ซาเน่ ยิงตีเสมอจากฟรีคิกอันสุดสวย ก่อนที่ ราฮีม สเตอร์ลิง จะซัดชัยนาทีสุดท้ายให้ทีมบุกไปคว้าชัยชนิดสุดดราม่า 3-2 กุมความได้เปรียบก่อนเกมแรก ขณะที่ "เป๊ป" กุนซือเรือใบเซ็งไม่น้อยเพราะเกมหน้าทั้ง แฟร์นันดินโญ่ และนิโคลาส โอตาเมนดี้ ต่างติดโทษแบนห้ามลง ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมนัดแรก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา

สนาม : เวลตินส์ อารีน่า

        เจ้าถิ่นของ โดเมนิโก้ เตเดสโก้ จัด มาร์ค อูธ เป็นทีเด็ดในแดนหน้ายืนล่าตาข่ายกับดาวรุ่งอย่าง ฮัมซ่า เมนดีล โดยมี นาบิล เบนทาเล็บ และเวสตัน แม็คเคนนี่ ห้องเครื่องเนื้อหอมปั้นเกมแดนกลาง

        ส่วนทีมเยือนของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เกมนี้จัดหน้าสามยังคงเป็น ราฮีม สเตอร์ลิง, เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน'' และ แบร์นาโด้ ซิลวา ขณะที่ ลีรอย ซาเน่ เกมนี้มีชื่อเป็นสำรองให้ "เรือใบสีฟ้า" ได้กลับมาเยือนถิ่นเก่าสโมสรแรกในชีวิตเป็นครั้งแรก นับแต่ย้ายออกไปเมื่อปี 2016

        เกมเปิดฉากมาเป็น "เรือใบ" ของเป๊ป ที่บุกหนักเข้าใส่เลย นาทีที่ 6 ซิลบา เล่นฟรีคิกสั้นกับ ซิลวา ก่อนที่ปีกโปรตุกีสจะแทงขึ้นซ้ายให้ จอมเก๋าซิลบาครอสบอลเข้าไปให้ กุน อเกวโร่ ขึ้นโขกบอลแต่ดีที่ ฟาห์รมันน์ ยังไวเหินปัดบอลก่อนจะเสียบใต้คาน

        นาที 16 ทีมเยือนยังได้เสียวได้ลุ้นมากกว่า คราวนี้ เดอ บรอยน์ เล่นกับซิลบา ก่อนจะวิ่งไปรับบอลแล้วตะบันด้วยซ้ายนอกกรอบบอลพุ่งไปเข้าซองของ ราล์ฟ ฟาห์รมันน์ 

        อีกสองนาทีต่อมา แมนฯซิตี้ พังประตูออกนำจนได้ จากความผิดพลาดของแนวรับเจ้าถิ่น ฟาห์รมันน์ นายด่านชาลเก้ พยายามเล่นบอลสั้นกับ ซาลิฟ ซาเน่ หน้าปากประตูแต่โดน ดาบิด ซิลบา พุ่งมาแย่งบอลเข้าไปในกรอบแล้วปาดมาให้ อเกวโร่ กุน แปด้วยขวาเข้าไปโล่งๆ ให้ "เรือใบ" ขึ้นนำ 1-0 แม้ว่าฝั่งเจ้าถิ่นจะรุมประท้วงให้ผู้ตัดสินใช้ VAR หลังพวกเขาโดน เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ เข้าฟาวล์ก่อนหน้านั้นแต่ก็ไม่เป็นผลเชิ้ตดำชาวสเปนชี้ให้เขี่ยจากกลางสนาม 

       นาที 24 น่าจะเป็นจังหวะได้ลุ้นหนแรกของเจ้าถิ่น ชาลเก้ หลั มาร์ค อูธ ได้บอลนอกกรอบก่อนจะเลี้ยงเข้าไปซัดกว่า 20 หลา แต่บอลพุ่งเฉียดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย

      นาที 32 เจ้าถิ่นมาเสียแฮนด์บอลจาก ดาเนี่ยล คาลิกูรี่ ก่อนที่เควิน เดอ บรอยน์ จะซัดฟรีคิกไกลกว่า 30 หลาแต่บอลยังพุ่งไปตรง ราล์ฟ ฟาห์รมันน์ รับไว้ไม่พลาด

     อีกสองนาทีต่อมา การ์ลอส เดล เซร์โร่ ผู้ตัดสินชาวสเปนต้องทำงานหนักอีกครั้ง หลัง ดาเนี่ยล คาลิกูรี่ อัดบอลไปแฉลบ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ออกหลังไป ซึ่งจังหวะนี้แข้งเจ้าถิ่นโวยว่าเป็นแฮนด์บอล และหลังเชิ้ตดำชาวกระทิงดุได้คุยกับทีมห้องวีดีโอ VAR ซึ่งภาพช้าฟ้องว่าไปโดนแขนโอตาเมนดี้จริง ก่อนจะชี้ให้จุดโทษแก่ราชันสีน้ำเงิน แถมแจกใบเหลืองให้โอตาเมนดี้ซึ่งจะทำให้สะสมใบเหลืองครบ2ใบติดโทษแบนเกมที่จะกลับไปเล่นในบ้าน  และเป็น นาบิล เบนทาเล็บ ห้องเครื่องของทีมวิ่งมาซัดบอลผ่านตัว เอแดร์ซอน เข้าไป ชาลเก้ ไล่ตีเสมอเรือใบ 1-1

     เกมเริ่มเล่นกันหนักขึ้น นาที 41 มาร์ค อูธ วิ่งไปเข้าหนักใส่กุนโดกันจน ผู้ตัดสินต้องวิ่งปรี่เข้ามาแจกใบเหลือง

     นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก กลายเป็นแฟนของราชันสีน้ำเงินได้เฮกันลั่นต่อเนื่องอีก เมื่อเชิ้ตดำชาวสเปนมาเป่าให้พวกเขาได้จุดโทษ จากจังหวะฟรีคิกที่ ชาลเก้ โยนเข้าไปในกรอบ แฟร์นันดินโญ่ ใช้มือไปดึง ซาลิฟ ซาเน่ จนล้มลงในกรอบ แถมตัวรรับบราซิเลี่ยนโดนเหลืองอีกรายซึ่งจะส่งผลให้เจ้าตัวติดโทษแบนอีกคนในเกมหน้า  ก่อนที่จังหวะต่อมา นาบิล เบนทาเล็บ ดาวเตะแอลจีเรยที่ซัดจุดโทษระยะ 12 หลาเข้าไปไม่พลาด เป็นลูกที่สองในเกมนี้ และให้ ชาลเก้ แซงนำแมนฯซิตี้ 2-1

     ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก "เรือใบ" เกือบมาได้ลูกตีเสมอ เมือ เดอ บรอยน์ ดีดบอลไปให้ แบร์นาโด้ ซิลวา ได้วิ่งมาหวดด้วยซ้ายบอลพุ่งเฉียดคานบนออกไปแบบหวุดหวิด

     จบครึ่งแรก เจ้าถิ่น ชาลเก้ พลิกสถานการณ์จากตามหลังกลับมาแซงขึ้นนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1

      เล่นต่อในครึ่งหลัง ซิตี้โหมบุกอย่างหนักหลังสกอร์ตามหลังอยู่ นาที 51 อเกวโร่ "กุน" ได้หวดนอกรอบบอลพุ่งโค้งหนีเสาออกไปแบบได้ลุ้น อีกสี่นาทีต่อมา อิลคาย กุนโดกัน ได้สับไกด้วยซ้ายบอลหลุดกรอบออกไปแบบได้เสียว

     เกมผ่านไปครบหนึ่งชั่วโมง แม้ลูกทีมของ เป๊ป จะครองบอลเหนือกว่าเกือบ 70% แต่ยังหาโอกาสลุ้นยิงจะไล่ตีเสมอไม่ได้

    นาที 65 ชาลเก้เปลี่ยนผู้เล่นส่ง กีโด บวร์กสตัลเลอร์ ลงมาเล่นแทน ฮัมซ่า เมนดีล  

    อีกสองนาทีต่อมา "เรือใบสีฟ้า" สถานการณ์แย่ลงไปอีกเมื่อต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน หลัง โอตาเมนดี้ มาโดนใบเหลืองที่สองเมื่อไปเข้าหวด บวร์กสตัลเลอร์จากด้านหลัง ทำให้ เป๊ป ต้องแก้เกมด้วยการส่ง แว็งซ็องต์ กอมปานี ลงมาเล่นแทน ดาบิด ซิลบา แทน

    แม้ตัวจะน้อยกว่าแต่ ซิตี้ ยังคงดาหน้าบุกหน้า นาที 74 เดอ บรอยน์ วิ่งมาอัดฟรีคิกกว่า 20 หลาหน้ากรอบของชาลเก้บอลแฉลบกำแพงพุ่งเฉียดเสาแรกออกไปแบบได้ลุ้น

    นาที 78 แมนฯซิตี้ ถอดเอา เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน'' ออกแล้วส่ง ลีรอย ซาเน่ ลงสนามแทน ซึ่งเป็นการรีเทิร์นกลับมาเยือนถิ่นเก่าหนแรกนับแต่ย้ายออกไปเมื่อปี 2016

   ช่วง 10 นาทีสุดท้าย อาคันตุกะเดินเครื่องเปิดเกมรุกใส่เต็มสูบ จนนาที 85 มาได้เฮสมใจเมื่อไล่ตีเสมอ 2-2 สำเร็จ จากฟรีคิกระยะกว่า 25 หลาหน้ากรอบกลางประตู และเป็น ลีรอย ซาเน่ ที่วิ่งมาปั่นด้วยซ้ายบอลพุ่งโค้งหนีกำแพงเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปชนิดที่ ราล์ฟ ฟาห์รมันน์ หมดสิทธิ์เซฟ แถมเป็นการยิงทีมเก่าซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้แสดงอาการดีใจแต่อย่างใด 

   ไม่เท่านั้น นาทีสุดท้าย แฟนเจ้าถิ่นต้องเงียบกันกริบเมื่อ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเข้าไปยิงผ่านตัวนายด่านเจ้าถิ่นเข้าประตูไปแบบเหลือเชื่อให้ ทีมเยือนพลิกแซงนำ 3-2

   ก่อนผู้ตัดสินจะเป่าจบเกม เป็นอันว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำเรืองสุดดราม่าด้วยการแซงมาคว้าชัยดับ ชาลเก้ 3-2 บุกมากุมความได้เปรียบก่อนเกมหน้าจะกลับไปเล่นที่บ้านของ "เรือใบสีฟ้า" วันที่ 12 มี.ค.นี้ 

        รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม     
    
        ชาลเก้ (5-3-2) : ราล์ฟ ฟาห์รมันน์ -ดาเนี่ยล คาลิกูรี่, เจฟฟรี่ย์ บรูม่า, ซาลิฟ ซาเน่, มาติย่า นาสตาซิช, บาสเตียน ออซซิปก้า - ซวต เซอร์ดาร์, นาบิล เบนทาเล็บ, เวสตัน แม็คเคนนี่ - มาร์ค อูธ, ฮัมซ่า เมนดีล

        เทรนเนอร์ : โดเมนิโก้ เตเดสโก้ 

        แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส - ไคล์ วอล์คเกอร์, แฟร์นันดินโญ่, นิโกลัส โอตาเมนดี้, เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ - เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน, ดาบิด ซิลบา - ราฮีม สเตอร์ลิง, เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน'', แบร์นาโด้ ซิลวา  

    เทรนเนอร์ : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า 

        ผู้ตัดสิน : การ์ลอส เดล เซร์โร่ (สเปน)