ทีมลูกหนังที่มีเพลย์เมกเกอร์ชั้นดีอยู่ในทีมส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จมากมาย แน่นอนว่าในวงการลูกหนังผู้เล่นตำแหน่งนี้มีความสำคัญกับทีมมากๆ แม้หลายๆ สโมสรจะไม่ค่อยให้ความสำคัญโดยมักจะเล่นฟุตบอลในสไตล์โยนยาว หรือใช้ผู้เล่นตำแหน่งปีกเป็นตัวเดินเกม


            กระนั้นหากพิจารณาทีมที่ประสบความสำเร็จในลีกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด, เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน หรือแม้แต่ลิเวอร์พูล ก็มีจอมทัพชั้นดีอยู่ในทีม ฉะนั้นผู้เล่นในตำแหน่งนี้ยังคงมีค่า และมีความสำคัญมากๆ เพราะชัยชนะของทีมจะเกิดขึ้นได้จากมันสมองในการขับเคลื่อนของนักเตะเพลย์เมกเกอร์เป็นส่วนใหญ่

10.  ริคาร์โด้ กาก้า (บราซิล และเรอัล มาดริด)
           สำหรับดาวเตะเลือดแซมบ้ารายนี้ ประสบความสำเร็จอย่างสูงสมัยที่โลดแล่นให้กับ เอซี มิลาน ซึ่ง ณ ที่แห่งนั้นเจ้าตัวพัฒนาฝีเท้าจนก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกเลยทีเดียว เป็นที่รู้กันดีว่า กาก้า คือนักเตะที่ทักษะในการผ่านบอลได้อย่างเฉียบคม, มีลีลาการเล่นที่คล่องแคล้ว รวมทั้งมีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่ง และความรวดเร็ว แน่นอนว่าฟอร์มการเล่นของเขาในช่วงที่สวมชุด "ปีศาจแดง-ดำ" สุดยอดเกินห้ามใจจริงๆ และไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้รับการยกย่องให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของโลกประจำปี 2007

           อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บกระชากฟอร์มการเล่นที่สุดยอดของ กาก้า ไป แต่เมื่อหายเจ็บเจ้าตัวก็ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นเอาไว้ได้ แต่อาจจะไม่สุดยอดเหมือนแต่ก่อน กระนั้นสิ่งที่น่าเจ็บปวดที่สุดคงหนีไม่พ้นการที่ ดาวเตะเลือดบราซิเลียน ย้ายมาอยู่กับ เรอัล มาดริด แต่ไม่สามารถงัดฟอร์มเทพออกมาได้ แถมยังต้องตกเป็นเพียงยางอะไหล่เท่านั้น และมีข่าวโดนเขี่ยทิ้งมาตลอดช่วงซัมเมอร์นี้

 9. สตีเว่น เจอร์ราร์ด (ลิเวอร์พูล และทีมชาติอังกฤษ)
           ถ้าเอ่ยถึงนักเตะที่เต็มไปด้วยพละกำลังและวิ่งไม่มีหยุดต้องมีชื่อของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ห้องเครื่อง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โดยตลอดชีวิตพ่อค้าแข้งจนถึงปัจจุบันเจ้าตัวทุ่มเทอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์เพียงแห่งเดียว และกลายเป็นนักเตะขวัญใจเบอร์ 1 ของสาวก "เดอะ ค็อป" ในปัจจุบัน "สตีวี่จี" มีเท้าที่ทรงพลังและมักจะแสดงให้เห็นบ่อยครั้งในการยิงไกลนอกกรอบเขตโทษ

            ขณะเดียวกัน เจอร์ราร์ด ยังมีลูกเปิดบอลที่แม่นยำอีกต่างหาก แน่นอนว่าความยอดเยี่ยมของเจ้าตัวไม่ได้แสดงให้เห็นกับ ลิเวอร์พูล เท่านั้น กับทีมชาติอังกฤษ เขาก็โชว์ผลงานขั้นเทพอยู่เป็นประจำ ที่สำคัญในเรื่องความเป็นผู้นำ เจอร์ราร์ด ไม่เป็นสองรองใคร ไม่งั้นคงไม่ได้รับเกียรติให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติในเวลานี้

8. บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ (บาเยิร์น มิวนิค และทีมชาติเยอรมนี)  
           ชไวน์สไตเกอร์ เป็นนักเตะที่ลงสนามช่วยทัพ "เสือใต้" กับทีมชาติเยอรมนีเป็นประจำในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา และตอนนี้เจ้าตัวกำลังอยู่ในช่วงพีคสุดๆ ในอาชีพพ่อค้าแข้ง ใครเป็นแฟนตัวยงของ บาเยิร์น คงได้เห็นแล้วว่านักเตะรายนี้มีทักษะในการอ่านเกม รวมทั้งการยิงไกลที่แม่นนำ สำหรับในตอนนี้ "ชไวนี่" ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีความเป็นผู้นำสูง และเป็นความหวังของคนทั้งชาติในการนำทัพ "อินทรีเหล็ก" ประสบความสำเร็จในระดับชาติ

7. ซามีร์ นาสรี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติฝรั่งเศส)
           นาสรี่ เป็นผู้เล่นที่มักจะโดนจับให้เล่นในตำแหน่งปีก แต่ความจริงแล้วเจ้าตัวชื่นชอบการเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางมากที่สุด ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาสามารถงัดฟอร์มขั้นเทพออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยเขามักจะโชว์ทักษะหลอกล่อคู่แข่งก่อนที่จะกระชากบอลเข้าไปยิงประตูหรือผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมกระซวกตาข่าย

           จะว่าไปแล้ว นาสรี่ เป็นผู้เล่นที่เก่งขึ้นมาได้แบบนี้ก็เพราะการปลุกปั้นของ อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมเพื่อนร่วมชาติ สมัยที่ค้าแข้งกับ "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล แต่ด้วยความทะเยอทะยานที่อยากประสบความสำเร็จซึ่ง "เดอะ กันเนอร์ส" ไม่สามารถมอบให้กับเขาได้ ส่งผลให้เจ้าตัวตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าย้ายมาอยู่กับ "เรือใบสีฟ้า" เมื่อเดือนสิงหาคม 2011 แถมความฝันที่จะได้แชมป์ลีกก็เป็นจริงซะด้วย

6. ลูก้า โมดริช (เรอัล มาดริด และทีมชาติโครเอเชีย)
           โมดริช ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในจอมทัพที่เก่งที่สุดในพรีเมียร์ลีก สมัยที่ค้าแข้งกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ โดยตอนนั้น แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ยังคงทำหน้าที่กุมบังเหียน และสามารถโน้มน้าวให้ดาวเตะร่างเล็กย้ายมาเล่นในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน ได้สำเร็จ ทำเอา เชลซี ที่สนใจ โมดริช อย่างมากถึงกับหน้าหงายเลยทีเดียว แน่นอนว่า โมดริช มีทักษะในการผ่านบอลที่เฉียบคมมากๆ และหลายต่อหลายประตูที่ "ไก่เดือยทอง" ทำได้มาจากการเปิดบอลจากปลายเท้าของเจ้าตัว  

            ฉะนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมสโมสรยักษ์ใหญ่ต่างก็อยากได้ โมดริช ไปร่วมทีม และตอนนี้ดาวเตะเลือดเซิร์บก็โบยบินไปสวมชุด เรอัล มาดริด เรียบร้อยแล้ว แม้จะยังไม่ค่อยมีโอกาสได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง เพราะในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว ต่างเต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ แต่หากนักเตะสามารถทำผลงานได้เหมือนตอนที่เล่นให้ สเปอร์ส แน่นอนว่าตำแหน่งตัวจริงของ "ราชันชุดขาว" ไม่ยากเกินเอื้อมชัวร์

5. ดาบิด ซิลบา (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติสเปน)
           ไม่มีอะไรต้องสงสัยว่าหนึ่งในนักเตะที่ โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้จัดการทีมชาวอิตาเลียนของ แมนฯ ซิตี้ ชื่นชอบนั่นก็คือ ซิลบา เขาเป็นนักเตะที่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับการเล่นในลีกเมืองผู้ดีพอสมควรนับตั้งแต่ที่ย้ายจาก บาเลนเซีย มาร่วมทีมเมื่อปี 2010 อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ ดาวเตะเลือดกระทิง กลายเป็นผู้เล่นขวัญใจของสาวก "เรือใบสีฟ้า" ไปเรียบร้อยแล้ว

            ซิลบา เป็นผู้เล่นที่มีรูปร่างผอมบางแต่เต็มไปด้วยทักษะที่ยอดเยี่ยม รวมทั้งมีความสามารถในการเลี้ยงบอลทะลุทะลวงแนวรับของคู่แข่ง ซึ่งสไตล์การเล่นของเขาเหมือนกับ ชาบี เอร์นานเดซ, ลิโอเนล เมสซี่ รวมทั้ง อันเดรส อิเนียสต้า 3 เทพแห่งบาร์เซโลน่า โดยความยอดเยี่ยมของ อดีตดาวเตะ "ไอ้ค้างคาว" บาเลนเซีย แสดงให้เห็นแล้วด้วยการนำ แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์ลีกเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา

4. เมซุต โอซิล (เรอัล มาดริด และทีมชาติเยอรมนี)
           เรอัล มาดริด ไม่รอช้ารีบกระชากลายเซ็นต์ของโอซิล ทันทีหลังจากที่เห็นเจ้าตัวโชว์ฟอร์มขั้นเทพให้กับ แวร์เดอร์ เบรเมน โดยเจ้าตัวเป็นนักเตะเชื้อสายตุรกีที่เกิดบนแผ่นดินเบียร์ และเลือกเล่นให้ทีมชาติเยอรมนี แน่นอนว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะทำให้เจ้าตัวมีโอกาสพัฒนาฝีเท้า รวมทั้งได้รับประสบการณ์ชั้นยอดกับการได้สวมเสื้อทัพ "อินทรีเหล็ก"

          โอซิล ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่เต็มไปด้วยเทคนิคขั้นเทพ โดยมีความสามารถในการวิ่งหาช่อง และทำประตูด้วยเท้าซ้ายอันทรงพลังของเขา  นอกจากนี้ เจ้าตัวยังมีชื่อเล่นน่ารักน่าชังว่า "นีโม" โดยเหตุผลที่เพื่อนๆ รวมทัพ เรอัล ตั้งชื่อนี้ให้ก็เพราะเจ้าตัวมีดวงตาใหญ่โตเหมือนกับปลาในหนังการ์ตูเรื่อง "ไฟน์ดิ้ง นีโม"

3. เวสลี่ย์ สไนเดอร์ (อินเตอร์ มิลาน และทีมชาติฮอลแลนด์)
          เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับการเล่นให้อินเตอร์ มิลาน โดยเฉพาะผลงานนำ "งูใหญ่" ผงาดคว้าทริปเบิ้ลแชมป์เมื่อซีซั่น 2009-10 ดาวเตะเลือดดัตช์ มีความสามารถในการผ่านบอล และยิงประตูได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้เจ้าตัวยังโชว์ความเก่งฉกาจในศึกฟุตบอลโลก 2010 ซึ่งช่วยให้ ฮอลแลนด์ คว้ารองแชมป์ พร้อมกับสวมบทดาวซัลโวสูงสุดร่วมประจำทัวร์นาเมนต์

          นอกจากความสามารถในการคุมเกมแล้ว สไนเดอร์ ยังมีความชำนาญในการปั่นลูกฟรีคิก ซึ่งเจ้าตัวมักแสดงให้เห็นมาตลอดตั้งแต่สมัยที่ค้าแข้งกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด และ อินเตอร์ มิลาน รวมทั้งทีมชาติฮอลแลนด์ ต้องบอกว่านี่เป็นหนึ่งในนักเตะที่ครบเครื่องต้มยำจริงๆ

2. ชาบี เอร์นานเดซ (บาร์เซโลน่า และทีมชาติสเปน)
          เกมรุกส่วนใหญ่ของ บาร์เซโลน่า ได้รับการรังสรรค์ปั้นแต่งจากฝีเท้าของ มิดฟิลด์ร่างเล็กนาม ชาบี เขาเป็นผู้เล่นที่ผ่านบอลสั้นได้เฉียบคมและรวดเร็ว ที่สำคัญ ชาบี คือแกนหลักในการเล่นบอลสไตล์ "ติกิ ตะกะ" โดยพื้นฐานสำคัญของการเล่นแบบนี้ก็คือการผ่านบอลไปตามช่อง และครองเกมแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งนี่เป็นวิธีการที่ถูกนำไปฝึกสอนบรรดานักเตะในศูนย์ฝึกลา มาเซีย

          ทั้งนี้ ชาบี ประสบความสำเร็จมากมายกับ "เจ้าบุญทุ่ม" รวมทั้งกับทีมชาติสเปน โดยเจ้าตัวเป็นหนึ่งในนักเตะไม่กี่คนที่สามารถคว้าแชมป์ได้หมดทั้งในระดับชาติและระดับสโมสร ส่วนรางวัลส่วนตัวต้องยอมรับว่า ดาวเตะมาดขรึม ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก เพราะถึงผลงานจะดี แต่ก็มี ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นกว่านั่นเอง

1.อันเดรส อิเนียสต้า (บาร์เซโลน่า และทีมชาติสเปน)
         สำหรับตอนนี้เพลย์เมกเกอร์ที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น อันเดรส อิเนียสต้า แน่นอนว่าการได้รับการยกย่องขนาดนี้ไม่เกินจริงเลย หากดูจากผลงานทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เมื่อเจ้าตัวกวาดแชมป์มาหมดเรียบวุธ แถมรางวัลส่วนตัวก็ยังได้ล่าสุดได้รับโหวตเป็นนักเตะยอดเยี่ยมยุโรป (ยูฟ่า) 2012 จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่ารางวัลฟีฟ่า บัลลง ดอร์ ครั้งนี้ใครสมควรที่จะได้ครอบครอง

 
         ผลงานของ อิเนียสต้า เมื่อประสานงานกับ ชาบี และ เมสซี่ ช่วยทำให้ บาร์ซ่า ผงาดครองความยิ่งใหญ่ในลีก และในยุโรป ยิ่งไปกว่านั้นสายตาที่เฉียบคมในการผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมซัดประตู รวมทั้งมักจะวิ่งหาช่องเพื่อทำประตูเอง ขณะเดียวกัน ยังมีฝีเท้าสุดฉมังในการยิงไกล ซึ่งหลายครั้งที่เจ้าตัวทำประตูตัดสินเกมจากนอกกรอบเขตโทษ