10 แข้งสุดแพงเกาะอังกฤษ

        การชิ่ง เรอัล มาดริด เพื่อย้ายมาร่วมก๊วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ อังเคล ดิ มาเรีย ปีกจอมพลิ้วทีมชาติอาร์เจนตินา เมื่อไม่กี่วันก่อน ถือว่าสร้างแรงสั่นสะเทือนไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะค่าตัวระดับ 59.7 ล้านปอนด์นั้น นอกจากสูงเป็นอันดับ 5 ของโลกแล้ว ยังถือเป็นสถิติแพงสุดในอังกฤษอีกด้วย ซึ่งก็แน่นอนว่า เหล่าสาวก ''เร้ด อาร์มี่'' คงตั้งความหวังในตัว ดิ มาเรีย ไว้สูงสุดๆ ในเมื่อสถานการณ์ของทีมยังดำดิ่งไม่เลิก
        อย่างไรก็ตาม ค่าตัวสูงๆ ก็ใช่ว่าจะการันตีความสำเร็จ เพราะที่ผ่านมาก็เห็นกันเยอะแล้วกับประเภทนักเตะค่าตัวแพงแต่กลับทำผลงานได้ไม่คุ้มค่าตัว และข้างล่างนี้คือ 10 อันดับนักเตะค่าตัวสูงสุดในประวัติศาสตร์วงการลูกหนังเมืองผู้ดี... มาดูกันสิว่า ใครโดนและไม่โดนกันบ้าง (ขอบคุณข้อมูลจาก independent.co.uk)

            10.  เอเลียกิม ม็องกาล่า - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ย้ายจาก เอฟซี ปอร์โต้ ด้วยค่าตัว 32 ล้านปอนด์ หรือราว 1,760 ล้านบาท ช่วงซัมเมอร์ปี 2014)
            ถือว่าแพงเกินจริงไม่น้อย และเป็นการเสริมทัพที่เสี่ยงทีเดียวสำหรับทีม "เรือใบสีฟ้า" ช่วงซัมเมอร์นี้ เพราะในทีมชาติฝรั่งเศสนั้น ม็องกาล่า ก็ยังไม่สามารถเบียด โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ กับ ราฟาแอล วาราน (รวมถึง มามาดู ซาโก้ อีกคน) ขึ้นมาเป็นตัวจริงได้ กระนั้นก็ยังไม่สามารถชี้วัดอะไรได้ เพราะเขายังคงรอคอยการประเดิมสนามนัดแรกในฐานะนักเตะของ แมนฯ ซิตี้ อยู่ 
            ปัจจุบัน : กำลังเร่งฟิตร่างกายเพื่อโอกาสลงเล่น
            คำตัดสิน : ยังวัดไม่ได้

            9. โรบินโญ่ - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ย้ายจาก เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 32.5 ล้านปอนด์ หรือราว 1,787.5 ล้านบาท ช่วงซัมเมอร์ปี 2008)
            สอบตกอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งก็น่าเสียดายไม่น้อย เพราะช่วงแรกๆ ฟอร์มการเล่นของ โรบินโญ่ ถือว่าเปรี้ยงทีเดียว และได้รับการยกย่องสูงมาก ทว่าหลังจากนั้นฟอร์มเด่นๆ ของเขาก็เริ่มหายไปตามกาลเวลา โดยซีซั่นแรกที่อยู่กับทีมเป็นเพียงซีซั่นเดียวที่เขาทำผลงานได้แจ่ม และจากนั้นก็ไม่หลงเหลือความเป็นสุดยอดนักเตะอีกแล้วจนถูกปล่อยตัวให้ เอซี มิลาน ในปี 2010 
            ปัจจุบัน : กลายเป็นแข้งส่วนเกินของ มิลาน อีก โดยเวลานี้ย้ายกลับไปเล่นให้ ซานโตส แบบยืมตัว
            คำตัดสิน : ล้มเหลว

            8. แฟร์นันดินโญ่ - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ย้ายจาก ชัคตาร์ โดเน็ตสค์ ด้วยค่าตัว 34 ล้านปอนด์ หรือราว 1,870 ล้านบาท ช่วงซัมเมอร์ปี 2013)
            เพิ่งเล่นให้ แมนฯ ซิตี้ แค่ซีซั่นเดียว โดยเขาเริ่มต้นได้ช้า แต่ก็ค่อยๆ ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในแผงกองกลางของทีมในฐานะตัวปัดกวาดก่อนถึงแผงหลัง กระนั้นซีซั่นนี้เขาต้องเจอกับความท้าทายครั้งสำคัญ เมื่อกุนซือ มานูเอล เปเยกรีนี่ ไปคว้าตัวนักเตะสไตล์เดียวกันเป๊ะอย่าง แฟร์นันโด เข้ามาร่วมทีม
            ปัจจุบัน : ยังคงได้รับโอกาสจากเจ้านายอยู่ และทำผลงานใช้ได้
            คำตัดสิน : ยังวัดไม่ได้

            7.อเล็กซิส ซานเชซ - อาร์เซน่อล (ย้ายจาก บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ หรือราว 1,925 ล้านบาท ช่วงซัมเมอร์ปี 2014)
            การย้ายมาของแข้งบิ๊กเนมอย่าง อเล็กซิส ย่อมสร้างรอยยิ้มให้กับเหล่าสาวก "เดอะ กันเนอร์ส" ได้อย่างแน่นอน กระนั้นการผจญภัยบนเวที พรีเมียร์ลีก ของเขาเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น แต่เขาก็เริ่มทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว 
            ปัจจุบัน : ได้รับโอกาสพิสูจน์ฝีเท้าทันที
            คำตัดสิน : ยังวัดไม่ได้ 

            6. แอนดี้ แคร์โรลล์ - ลิเวอร์พูล (ย้ายจาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ หรือราว 1,925 ล้านบาท ช่วงต้นปี 2011)
            ไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเลย แคร์โรลล์ คือการลงทุนที่ผิดพลาดอย่างแรงสำหรับ ลิเวอร์พูล ซึ่งผลงานที่ออกมาช่างตรงกันข้ามกับ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ย้ายมาพร้อมๆ กันตอนนั้นอย่างสิ้นเชิง (ซัวเรซ ย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ ด้วยค่าตัว 22.8 ล้านปอนด์) นอกจากผลงานห่วยแตกแล้ว หัวหอกวัย 25 ปี ยังมีปัญหาบาดเจ็บรุมเร้าด้วย จนกระทั่ง "หงส์แดง" ยอมขายเขาไปให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แบบยอมขาดทุนมหาศาลในช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว
            ปัจจุบัน : เดี้ยงอีกแล้วและต้องพักแข้งยาวหลายเดือน
            คำตัดสิน : ล้มเหลวสุดๆ

    5.ฆวน มาต้า - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ย้ายจาก เชลซี ด้วยค่าตัว 37.1 ล้านปอนด์ หรือราว 2,040.5 ล้านบาท ช่วงต้นปี 2014)
            ตอนแรกถูกวิจารณ์ว่ามีค่าตัวแพงเกินจริง แต่ มาต้า ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาสามารถเป็นหัวใจสำคัญให้กับทัพ "ปีศาจแดง" ได้ หลังจากที่ทำผลงานได้ดีในช่วงครึ่งหลังของซีซั่นที่แล้ว แต่สำหรับซีซั่นนี้ยังต้องดูยาวๆ
            ปัจจุบัน : ยังเป็นตัวหลัก แม้ผลงานของทีมยังแย่
            คำตัดสิน : ยังวัดไม่ได้ แต่มีแววรุ่ง

            4. เซร์คิโอ อเกวโร่ - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด ด้วยค่าตัว 38 ล้านปอนด์ หรือราว 2,090 ล้านบาท ช่วงซัมเมอร์ปี 2011)
            เหี้ยมเกรียมสุดๆ ยามอยู่หน้าประตูทีมคู่แข่ง ซึ่งการที่เป็นเจ้าของสถิติทำประตูเฉลี่ยต่อนาทีดีสุดในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก นั้น ช่วยการันตีความยอดเยี่ยมของ "กุน" ได้เป็นอย่างดี แน่นอนเขาคือกำลังสำคัญที่ช่วยให้ "เรือใบสีฟ้า" คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ถึง 2 สมัย แต่ปัญหาเดียวของเขาคืออาการบาดเจ็บที่ทำให้เขาชวดลงเล่นไปหลายนัดตลอดช่วง 2 ซีซั่นหลังสุด
            ปัจจุบัน : ยังเป็นดาวยิงเบอร์ 1 ของทีม และซีซั่นนี้ก็สอยไปแล้ว 2 ตุง จาก 2 นัด
            คำตัดสิน : สอบผ่านฉลุย
 
            3. เมซุต โอซิล - อาร์เซน่อล (ย้ายจาก เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 42.5 ล้านปอนด์ หรือราว 2,337.5 ล้านบาท ช่วงซัมเมอร์ปี 2013)
            เริ่มต้นกับ อาร์เซน่อล ได้สุดยอดมากในช่วงต้นซีซั่นที่แล้ว แต่เขาก็ยังมีอะไรให้ต้องพิสูจน์อีกเยอะในเมื่อผลงานของเขาไร้ซึ่งความคงเส้นคงวา กระนั้น โอซิล ถือเป็นนักเตะคุณภาพอย่างแท้จริง และซีซั่นนี้ถือเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับเขา 
            ปัจจุบัน : ได้รับความไว้วางใจให้เป็นเพลย์เมกเกอร์ของทีมเหมือนเดิม แต่ต้องเร่งทำผลงานให้ดีต่อเนื่อง 
            คำตัดสิน : ยังวัดไม่ได้ แต่น่าจะไปได้สวย 

            2. เฟร์นานโด ตอร์เรส - เชลซี (ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ หรือราว 2,750 ล้านบาท ช่วงต้นปี 2011)
            ย้ายมาร่วมก๊วน "สิงห์บลูส์" แบบเขย่าวงการลูกหนังเมืองผู้ดีเมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี 2011... แม้ประสบความสำเร็จมากมายในแง่ถ้วยรางวัล แต่ผลงาน 20 ประตู จากการลงเล่นเกมลีกให้ เชลซี 110 นัด แสดงให้เห็นเลยว่า "เอล นินโญ่" ไม่หลงเหลือความเป็นดาวยิงระดับเวิลด์คลาสเหมือนตอนเล่นให้ ลิเวอร์พูล อีกแล้ว และคงไม่ใช่เรื่องเกินเลยที่จะบอกว่า เขาคือดีลที่ล้มเหลวที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ
            ปัจจุบัน : กำลังจะถูกขายทิ้งไปให้ เอซี มิลาน 
            คำตัดสิน : ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ล้มเหลวสุดๆ 

            1. อังเคล ดิ มาเรีย - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ย้ายจาก เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 59.7 ล้านปอนด์ หรือราว 3,283.5 ล้านบาท ช่วงซัมเมอร์ปี 2014) 
            ถือเป็นคนที่มาแบกรับความกดดันต่อจาก ตอร์เรส สำหรับการเป็นนักเตะค่าตัวแพงสุดในประวัติศาสตร์วงการลูกหนังอังกฤษ หลายๆ คนอาจจะมองว่า ดิ มาเรีย มีค่าตัวสูงเกินจริง แต่เขาคือแข้งระดับเวิลด์คลาส และเป็นคนที่เล่นเพื่อทีม เพราะฉะนั้นเขาจะช่วยให้เพื่อนร่วมทีมที่อยู่รอบข้างเล่นดีไปด้วย 
            ปัจจุบัน : ทุกคนกำลังรอดูผลงานของเขาอย่างใจจดใจจ่อ 
            คำตัดสิน : ยังวัดไม่ได้ 

                    - Subinho -

Credit : siamsport