Members

คอลัมน์น่าสนใจ::ก่อนถึง 15 นัดสุดท้ายใครจะเป็น"แชมป์"

คอลัมน์น่าสนใจ::ก่อนถึง 15 นัดสุดท้ายใครจะเป็น"แชมป์"


     สถิติน่าสนใจหลังจบเกมนัดที่ 23 บอกไว้ว่า ทีมที่นำจ่าฝูงในสิ้นเดือนมกราคม จะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ตลอด 11 ฤดูกาลหลังสุด ไม่มีสะดุดแม้แต่ทีมเดียว 

 

        เลสเตอร์ ซิตี้ จะยังคงนำบนหัวตารางแน่นอนเพราะในสุดสัปดาห์หน้าไม่มีโปรแกรมพรีเมียร์ลีกเนื่องจากเป็นคิวของเอฟเอ คัพ รอบสี่


        ทีนี้ก็ลุ้นแค่ว่าทัพจิ้งจอกจะกลายเป็นทีมที่ 12 ติดต่อกันที่ไปจนถึงตำแหน่งแชมป์ได้หรือไม่


        การยืนระยะได้จนถึงตอนนี้ของ เลสเตอร์ คือ "ปรากฏการณ์" ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในพรีเมียร์ลีกเพราะฤดูกาลที่แล้วพวกเขาคือทีมหนีตายและก็ถูกมองว่าต้องดิ้นรนเอาตัวรอดอีกครั้งในฤดูกาลนี้

ADVERTISING


        ก่อนเริ่มฤดูกาล ร้านพูลถูกกฎหมายในอังกฤษตั้งราคาการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกของ เลสเตอร์ ซิตี้ รวมไปถึงอีกหลายทีมนอกสายตาไว้ที่ 5,000/1 (แทง 1 ได้ 5,000 ไม่รวมทุน)


        ร้านพวกนี้สามารถล่อแมงเม่าระดับ "หนึ่งจ่ายหมื่น" ได้ด้วยซ้ำเพราะมั่นใจว่าไม่มีทางเกิดเรื่องมหัศจรรย์พันลึกขึ้นได้แน่


        ทว่าอัตราต่อรองการเป็นแชมป์ของแก๊งจิ้งจอกล่าสุดตอนนี้อยู่ที่เพียง 8/1 เป็นเต็ง 3 รองจาก แมนฯ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล ซึ่งมีคะแนนตามหลังพวกเขา 3 คะแนนด้วยกัน


        ก่อนสิ้นปี เลสเตอร์ ซิตี้ มอบโชคให้แฟนบอลตัวเองได้รวยชั่วข้ามคืนมีเงินเข้ากระเป๋า 5,000 ปอนด์ (ประมาณ 250,000 บาท) มาแล้วจากการแทงขำๆ 5 ปอนด์ว่าทีมรักจะเป็นจ่าฝูงในช่วงคริสต์มาส (1,000/1)


        ไม่มีรายงานเพิ่มเติมว่าพี่คนนี้ได้ "หยอด" ช่อง เลสเตอร์ จะเป็นแชมป์ด้วยหรือไม่ แต่แค่ฟันเหนาะๆ ห้าพันปอนด์ก็ฟลุกจนไม่รู้ว่าจะฟลุกยังไงแล้ว


        เรื่องเหลือเชื่อของ เลสเตอร์ ทำให้พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่คาดเดาได้ยากว่าสุดท้ายจะจบอย่างไร


        นับจนถึงตอนนี้ ตำแหน่งจ่าฝูงของตารางมีการเปลี่ยนแปลงแล้วถึง 20 ครั้ง นอกจาก เลสเตอร์ แล้ว แมนฯ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล ก็เคยขึ้นนำในช่วงใดช่วงหนึ่งของฤดูกาล ไม่เว้นแม้กระทั่ง อแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้หายใจบนที่สูงช่วงสั้นๆ กับเขาด้วย


        ในประวัติศาสตร์การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก มีเพียงฤดูกาล 2001/02 ที่หัวตารางผลัดเปลี่ยนกัน "บ่อยสุด" 20 ครั้งเท่ากันหากนับถึงช่วงเวลานี้


        ช่วงที่เหลือจนจบฤดูกาลนั้นมีการเปลี่ยนจ่าฝูงอีก 8 รอบ สุดท้ายเป็น อาร์เซน่อล เข้าป้าย (พ่วงด้วยดับเบิลแชมป์) ลิเวอร์พูล ได้อันดับ 2 แมนฯ ยูไนเต็ด ตามมาที่ 3 ส่วนที่ 4 เป็น นิวคาสเซิ่ล ยุค เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน & อลัน เชียเรอร์


        การผลัดกันขึ้นนำเป็นจ่าฝูงหลายรอบในฤดูกาลนี้คือความแตกต่างที่เด่นชัดสุดเมื่อเทียบกับฤดูกาลก่อนที่เชลซีคว้าแชมป์ด้วยการนำม้วนเดียวจบตั้งแต่นัดแรกจนถึงนัดสุดท้าย


        ในฐานะแฟนบอล ผมชอบการลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้มากกว่า เพราะได้อรรถรส เลือดลมสูบฉีดแม้บางคนจะบอกว่าเล่นเหมือนไม่อยากเป็นแชมป์กันเพราะหากไม่นับเลสเตอร์ แล้ว ก็ไม่มีทีมอื่นใดที่โดดเด่นและรักษาความสม่ำเสมอได้


        เลสเตอร์ เองอาจจะเป็นข้อยกเว้น แต่ก็ยังมีบางจุดบางปัจจัยที่ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ต้องพาทีมก้าวข้ามให้ได้เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่


        เจมี่ วาร์ดี้ กับ ริยาด มาห์เรซ คือ 2 ผู้เล่นที่ทำผลงานได้เหลือเชื่อและอยู่ในท็อปไฟว์ดาวซัลโวตอนนี้ ส่วน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กองกลางผิวสีก็กลายเป็นอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์การซื้อตัวแห่งฤดูกาล


        ทว่านับตั้งแต่ปี 1992 ที่ลีกสูงสุดอังกฤษเปลี่ยนเป็นพรีเมียร์ลีก แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส คือทีมเดียวที่ไม่ได้อยู่ในข่ายตัวเต็งแต่คว้าแชมป์ได้ ทว่าทัพกุหลาบก็พอมีเครดิตติดตัวอยู่บ้างเพราะได้รองแชมป์ในฤดูกาลก่อนหน้า ไม่ใช่โผล่มาแบบไร้ที่มาที่ไปเหมือนเลสเตอร์ ซิตี้


        บททดสอบสำคัญของจิ้งจอกสยาม คือ 3 นัดต่อจากนี้ที่ต้องเจอทั้ง ลิเวอร์พูล (เหย้า), แมนฯ ซิตี้ (เยือน) และอาร์เซน่อล (เยือน) ในช่วงเวลา 12 วัน


        เลสเตอร์ แพ้แค่ 2 นัดในฤดูกาลนี้แต่เกิดขึ้นในเกมกับหงส์แดงและปืนใหญ่ ส่วนนัดแรกที่เจอเรือใบจบลงด้วยผลเสมอ 0-0


        รานิเอรี่ ทำได้ยอดเยี่ยมกับช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ได้เก่งกาจถึงขนาดที่ว่าตบทีมใหญ่ไม่เลือกหน้า  


        ที่เป็นเรื่องเป็นราวหน่อยก็คือเกมบุกชนะ สเปอร์ส 1-0 ส่วนเกมชนะ เชลซี 2-1 ก็พูดไม่ได้เต็มปากว่าเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่เพราะทัพสิงห์บลูส์ตอนที่ยังมี โชเซ่ มูรินโญ่ คุมทีมก็คือทีมที่พร้อมจะแพ้ได้ให้กับทุกทีม ไม่เหลือคราบไคลของทีมที่เป็นถึงแชมป์เก่าแม้แต่นิด


        ส่วนอีกนัดในการเจอทีมหัวแถวคือเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 ในรังคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ของตัวเอง        


        ตอนเจอ ลิเวอร์พูล ต่อด้วย แมนฯ ซิตี้ ช่วงปลายปี เลสเตอร์ มีอาการสะดุดให้เห็นแถมยังเลยเถิดมาถึงเกมเสมอ บอร์นมัธ 0-0 ที่เท้าบอดเป็นนัดที่ 3 ติดต่อกันและเกือบจะเป็น 4 นัดอีกหากไม่ได้ โรเบิร์ต ฮูธ ทำประตูชัยในเกมบุกชนะ สเปอร์ส 1-0


        ตรงนี้แสดงให้เห็นว่าเมื่อเจอทีมใหญ่ เลสเตอร์ ก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองพอสมควร และยังมีเกมที่พลาดอย่างน่าเสียดายทั้งการได้แค่เสมอ บอร์นมัธ กับ แอสตัน วิลล่า ซึ่งเป็น 2 นัดที่ มาห์เรซ พลาดจุดโทษจนโดนปลดจากตำแหน่งมือสังหาร


        3 นัดต่อไปต้องไปเยือน 2 ทีมในกลุ่มลุ้นแชมป์โดยตรง ชัยชนะในเกมเหล่านี้มีค่าอย่างมากเพราะเป็นการตัดคะแนนคู่แข่งไปในตัว ส่วนเกมล้างตาหงส์แดงก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน


        น่าสนใจเหลือเกินว่า รานิเอรี่ จะพาทีมเอาตัวรอดโดยที่บาดเจ็บน้อยที่สุดได้อย่างไรซึ่งหากทำได้ เลสเตอร์ ก็มีโอกาสสูงมากที่จะพุ่งทะยานต่อไปจนถึงตำแหน่งแชมป์

 


        ส่วนทีมที่ไล่หลังมาทั้ง แมนฯ ซิตี้, อาร์เซน่อล และ สเปอร์ส ก็ล้วนแต่มีข้อผิดพลาดให้เห็นเป็นระยะ


        ทัพเรือใบเปิดหัวด้วยชัยชนะ 5 นัดรวด แต่บทจะพลาดก็พลาดง่ายๆ เมื่อแพ้คาบ้านต่อ เวสต์แฮม ไหนจะเกมที่โดน ลิเวอร์พูล บุกอัด 4-1 ถึงเอติฮัด สเตเดี้ยม และโดน 2 หมัดๆ ของ สโต๊ค สอยร่วงตั้งแต่ 15 นาทีแรก


        8 นัดหลังสุดที่เล่นนอกบ้าน แมนฯ ซิตี้ ชนะได้แค่นัดเดียวในเกมที่ยิง 2 ประตูช่วงท้ายแซงชนะ วัตฟอร์ด 2-1 ที่เหลือแพ้ 3 เสมออีก 4


        ขณะที่ทีมปืนใหญ่ก็ออกอาการหลุดให้เห็นถี่ไม่แพ้กัน ลูกน้องของ อาร์แซน เวนเกอร์ หัวคะมำตั้งแต่นัดแรกที่โดนเวสต์แฮมบุกอัด 2-0


        ทรงตัวได้พักนึงก็มาดร็อปเก็บได้แค่ 2 คะแนนในเกมเจอ สเปอร์ส, เวสต์บรอมวิช และ นอริช ซึ่งตามหน้าเสื่อควรจะเป็น 7 คะแนน และในช่วงนี้ที่คะแนนหลุดมือก็ยังเสียตัวหลักทั้ง อเล็กซิส ซานเชซ, ซานติ กาซอร์ล่า และ ฟร็องซิส โกเกอแล็ง ไปเพราะอาการบาดเจ็บอีกต่างหาก


        พอตั้งลำได้อีกรอบก็โดน เซาธ์แฮมป์ตัน ถลุงดื้อๆ 4-0 และล่าสุดโดน เชลซี ย้ำแค้นคาเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อีกนัด


        ความสม่ำเสมอคือปัญหาใหญ่ของอาร์เซน่อลที่ทำให้ไม่สามารถเป็นแชมป์ได้อีกเลยนับแต่ชุดไร้พ่าย 2004 หลายต่อหลายครั้งที่พวกเขาถูกมองว่ามีโอกาสในมือแต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว


        สุดท้าย สเปอร์ส ที่ภาพรวมในฤดูกาลนี้ดูดีมากๆ เป็นทีมพลังหนุ่มที่วิ่ง สู้ ฟัด และมีโอกาสเป็นแชมป์มากที่สุดในรอบสิบปีหลังก็ว่าได้


        หลังแพ้ แมนฯ ยูฯ ในเกมเปิดฤดูกาล ไก่เดือยทองไม่แพ้ใครอีกเลยจนถึงเดือนธันวาคมที่พลิกล็อกพ่าย นิวคาสเซิ่ล คาไวท์ ฮาร์ท เลน


        จากนั้นตบเกียร์ 5 อีกรอบด้วยการเก็บ 10 คะแนนจาก 4 นัด ทว่าก็มาแพ้คาบ้านอย่างน่าเสียดายในเกมกับ เลสเตอร์ ยังดีที่ 2 เกมหลังชนะรวด ยิงไป 7 ประตูซึ่งแสดงให้เห็นอีกครั้งว่าฟื้นตัวได้เร็ว ล้มแล้วลุกทันที ไม่มีสลบยาว


        สเปอร์ส อาจจะแพ้แค่ 3 นัด แต่คะแนนที่ยังตามหลัง แมนฯ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล ซึ่งแพ้ไปแล้ว 5 นัดทั้งคู่ก็เพราะเสมอมากถึง 9 นัด มากสุดเท่า เวสต์แฮม เมื่อเทียบในกลุ่มครึ่งบนของตาราง


        ใน 9 นัดที่เสมอ เป็นการโดนคู่แข่งไล่ตีเสมถึง 5 นัดอีกต่างหาก มีเพียงเกมบุกแบ่งแต้ม เอฟเวอร์ตัน 1-1 นัดเดียวที่ทวงคืนได้ ส่วนอีก 3 นัดจบที่ 0-0 (เอฟเวอร์ตัน, ลิเวอร์พูล, เชลซี)


        ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับเกจิฯ หลายคนที่มองว่าตำแหน่งแชมป์ไม่น่าจะหลุดไปจาก 4 ทีมนี้


        จ่าฝูงคงมีเปลี่ยนแปลงอีกหลายครั้งเพราะทั้งสี่ทีมยังมีข้อผิดพลาดแตกต่างกันไป ไม่ได้มาแบบรวดเดียวเหมือนเชลซีปีก่อน ปัจจัยสำคัญคือ ใครพลาดน้อยกว่าในช่วงที่เหลือก็มีโอกาสสูงที่จะได้ฉลองกับแฟนๆ


        ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ผมยังเชื่อว่านี่ไม่ใช่ฤดูกาลของพวกเขา เป้าหมายที่เป็นไปได้มากที่สุดคือลุ้นติดท็อปโฟร์ให้ได้ซึ่งแค่นี้ก็ว่าเป็นงานยากไม่น้อยแล้ว

 


เสือเตี้ย

*****************************************************************

Cr.siamsport.  ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th

Views: 922

Reply to This

Replies to This Discussion

อีก 15 เกมต่อจากนี้ ดูเลสเตอร์น่าจะได้เปรียบจากการเป็นจ่าฝูงนำ 3 คะแนน และมีรายการแข่งน้อยแบบเบาหวิว 15 เกม(เล่นพรีเมียร์ลีกรายการเดียวเลย) ส่วนแมนซิตี้ 29 เกม/ น่อล 27 / สเปอร์ส 29 ซึ่งจากโปรแกรมเตะทุกรายการ แมนซิตี้ต้องลงเตะรอบรองในวันนี้ ต่อด้วยบอลถ้วยเอฟเอคัพ และพรีเมียร์ลีก ติดกัน พุธ เสาร์ อังคาร ก็หวังว่าเราจะไม่กรอบไปซะก่อนนะครับ ส่วนเลสเตอร์ถ้าดูโปรแกรมที่รออยู่ในกลางสัปดาห์หน้าในพรีเมียร์ลีกก็จะรู้ว่า เจอแบบโหดสุดๆ เจอ หงส์/เรือ/ปืนติดกัน นี่คือบททดสอบของจิ้งจอกว่าดีจริงมั้ย และอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนถ้าแมนซิตี้เอาชนะได้ โอกาสขึ้นจ่าฝูงก้อมีเหมือนกัน เพราะได้เล่นในบ้านด้วยเตรียมตัวให้พร้อมครับ เพื่อจ่าฝูงที่สำคัญความคงเส้นคงวา ใครมีมากกว่า ก้อจะได้แชมป์ไป ซึ่งประสบการณ์การลุ้นแชมป์ช่วงสุดม้ายของซิตี้ก้อน่าจะได้เปรียบอยู่บ้างในเรื่องนี้  เรือใบสีฟ้าสู้ๆๆๆครับ

ถ้าเลสเตอร์ ไม่ได้นำเป็นจ่าฝูงด้วยคะแนน 9 คะแนนเป็นอย่างน้อย อย่าหวังแชมป์ครับ เพราะช่วงปิดฤดูกาลต้องเจอบทโหดอีก 3 แมตซ์ 

ข้อมูลไม่น่าถูกต้อง ปีที่แมนซิเป้นแชมป์ล่าสุด จำได้ว่าเป็นจ่าฝูงไม่กี่วัน ตามหลังลิเวอร์พูลหลายคะแนน

ปีนี้น่าสนใจจริง ๆ สเปอร์สก็มาแรงจริง ๆ ส่วนเลสเตอร์ก็แรงไม่มีหยุด แบบนี้คงรบกันมันส์ครับ

ซิตี้สู้ ๆ อย่ายอมแพ้ง่าย ๆ คว้าแชมป์มาครองให้ได้

เอากันทีละนัด เราห่างจากปืน หกแต้มตอนนี้เท่ากันแล้ว ถ้าหาความสมำเสมอให้เจอ ก้น่าจะเข้าป้ายวินได้เหมือนกัน

ผมว่าต้องดูหลายมุมมองครับ  ดูจากการจัดตารางการแข่งขัน นับว่า แมนซิ ดีสุดมีการผ่อนสั้นผ่อนยาว ตารางการแข่งขันก็ไม่เจอ กระดูก 3-4 นัด เหมือนปีที่แล้ว เต็มที่ ก็แค่ 2 นัดนั่นคือ เจอทีม เต็ง และ ทีม ดาวรุ่งพุ่งแรงมากกว่า ส่วนทีมอื่น เจอทีมกระดูกแบบผุกปีเลยครับ  ดูอย่างเลสเตอร์สิ เกมส์ท้ายๆก่อนปิดฤดูกาล ต้องปาดเหงื่ออีก 3 นัดติด   ปืนก็มาเจอ แมนซิก่อนปิด ถ้าไม่นำแบบคะแนนห่างๆ มี สิทธิทำแต้มหาย ไก่ ก็เจอทีม โหดแบบเรียงเบอร์ 3 แมตซ์ มีซิตี้ ทีมเดียวที่สบายกว่า แต่ก็มาลุ้นการจัดตัวของ ผจกทีมนี่ล่ะ 555

เป็นไปได้อาจถึงแชมป์ฟอร์มก็ไม่ออกทะเลเหมือนทีมใหญ่ๆ

แมนซิตี้ชอบแบบนี้ล่ะชอบให้ลุ้นแชมป์จนถึงนัดสุดท้ายไม่ชอบแบบอะไรที่ได้มาง่ายๆ 555+

สนุกเลยปีนี้ไม่มีม้วนเดียวจบแบบปีก่อนที่เชลซีนำตั้งแต่เปิดยันปิดฤดูกาล มีเรือใบไปทาบเสมอแต่ก็เอาไม่ได้ แต่มาปีนี้มูโดนปลดซะแล้วแต่เปเยกรินี่ยังอยู่

จิ้งจอกมีแมทเล่นอีกเพียง15นัด แต่เรือกับปืนมีอีก29นัดถ้าไม่พลาดท่าตกรอบบอลถ้วยซะก่อน เรื่องความสดเป็นของจิ้งจอกแน่นอน อาการกรอบและนัดเตะบาดเจ็บเป็นของเรือกับปืน จะว่าไปแล้วจิ้งจอกก็มีโอกาศยืนยาวจนจบได้ถ้วยพรีเมียร์ไปครองเหมือนกันนะ จะบอกให้

มันยังอีกไกลที่จะตัดสินแชมป์เพิ่งผ่านมาครึ่งทาง

จบไปหนึ่งงานตอนี้เรือเหลือ 28 แล้งครับ 5555+++

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.