"เสือใต้"บาเยิร์น มิวนิคต้องจบสถิติชนะรวด 10 เกมในแชมเปี้ยนส์ ลีกด้วยเงื้อมมือของ"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่พลิกนรกตามหลังสองลูกมายิง 3 ประตูรวดคว้าชัย 3-2 แต่ไม่พอต่อการเป็นแชมป์กลุ่ม

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี

วันอังคารที่ 10 ธันวาคม 2556

 บาเยิร์น มิวนิค 2-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

สนาม : อัลลิอันซ์ อารีน่า

ประตู : 1-0 โธมัส มุลเลอร์ น. 5, 2-0 มาริโอ เกิทเซ่ น. 12, 2-1 ดาบิด ซิลบา น. 28, 2-2 อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ น. 59 (จุดโทษ), 2-3 เจมส์ มิลเนอร์ น. 62

ครึ่งแรก

ไวเกิ้น....มุลเลอร์เบิกแผลแรกเรือใบ
เพียงแค่ 5 นาทีเจ้าบ้านก็มาได้เฮกันแล้วโดยดันเต้โยนบอลยาวจากแดนหลังมาให้มุลเลอร์พักอกลงหนึ่งจังหวะแล้วลากบอลหนีโคลารอฟก่อนอัดด้วยซ้ายบอลพุ่งเสียบโคนเสาซ้ายมือไปแบบหมดจดชนิดที่ฮาร์ทไม่มีโอกาสเซฟเลย

ดันเต้โขกเข้ามือฮาร์ท
บาเยิร์นมีโอกาสอีกครั้งในจังหวะฟรีคิกด้านขวาของสนามที่เปิดบอลมาทางเสาแรกให้ดันเต้ขึ้นโขกสะบัดบอลตรงกรอบแต่ยังไม่พ้นมือของฮาร์ทที่ล้มตัวเซฟเอาไว้

ส่อแววเละ!เกิทเซ่ส่องอีกพี่เสือ 2-0
"เรือใบสีฟ้า"ท่าจะแย่แล้วมาเสียอีกประตูในจังหวะเตะมุมด้านขวามานด์ซูคิชจับบอลได้หน้าปากประตูก่อนพยายามยิงบอลไปโดนบล็อคทว่าไม่พ้นอันตรายเกิทเซ่จับได้ในกรอบ 6 หลาก่อนแปง่ายๆเข้าไปไม่เหลือซากในนาทีที่ 12

โครสตะบันไกล
เกมยังเป็นของบาเยิร์นแบบหมดจดโดย"เรือใบสีฟ้า"แทบไม่ได้ทำอะไรเลยและในจังหวะนี้โครสพยายามส่องไกลจากระยะ 25 หลาแต่ฮาร์ทยังล้มตัวรับบอลเข้าซองไม่มีอะไรต้องลุ้น

มีเหมือนกัน!ซิลบาจิ้มจ่อๆเรือตีไข่แตก
แต่แล้วซิตี้ก็ได้ประตูคืนจนได้ในจังหวะเติมเกมขึ้นมาด้านขวาของนาบาสที่โยนลึกไปทางเสาสองบัวเต็งไม่ยอมโขกทิ้งบอลเลยไปถึงเชโก้โหม่งตั้งเข้ามาตรงกลางที่มีซิลบาไวทายาทวิ่งเข้ามาจิ้มบอลเข้าไปตุงตาข่าย

พี่เสือยังบุกต่อ
เกมมาถึงช่วงท้ายบาเยิร์นยังเป็นฝ่ายครองบอลเข้าใส่ส่วน"เรือใบสีฟ้า"ก็ตั้งเกมได้ดีขึ้นม่จังหวะตัดบอลพยายามสวนกลับอยู่หลายหนทว่าน้ำยาก็ยังไม่มีเท่าไหร่และในช่วงท้ายนี่เองดันเต้กับเชโก้มาได้ใบเหลืองไปคนละใบด้วย

เกิทเซ่จิ้มโดนบล็อคฮาร์ท
โจ ฮาร์ทต้องออกแรงอีกแล้วในจังหวะที่ริเบรี่ตวัดจ่ายให้เกิทเซ่หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนจะยิงแบบจิ้มๆหวังให้ลอดดากของมือกาวทีมชาติอังกฤษที่พุ่งออกมาทิ้งตัวบล็อคบอลออกหลังไปได้หวุดหวิด


ครึ่งหลัง

เชโก้ยิงเร็วไม่ผ่านนอยเออร์
"เรือใบสีฟ้า"ขึ้นเกมมาได้สวยทางฝั่งซ้ายโดยมิลเลอร์ปาดบอลไปให้ซิลบาที่เติมขึ้นมาก่อนจ่ายไปทางเสาแรกให้เชโก้วิ่งเข้ามายิงทันทีในจังหวะแรกแต่บอลก็ยังไม่ผ่านมือของนอยเออร์

โคลารอฟซัดโทษเรือตีเจ๊าแล้ว
แต่แล้วในนาทีที่ 59 บาเยิร์นมาเสียจุดโทษเฉยเลยในจังหวะที่ดันเต้ไปเสียบด้านหลังของมิลเนอร์จนล้มลงในกรอบเขตโทษด้านซ้ายกรรมการไม่ลังเลเป่าให้เป็นการฟาวล์ทันทีโดยโคลารอฟที่สวมปลอกแขนเป็นกัปตันรับหน้าที่สังหารวิ่งมาแปด้วยซ้ายไปทางซ้ายมือขณะที่นอยเออร์พุ่งไปผิดทางก่อนแล้ว

เรือทำได้!มิลเนอร์ซัดไม่เหลือ
ถัดมาอีกแค่ 3 นาที"เรือใบสีฟ้า"มาได้ประตูขึ้นนำแบบไม่น่าเชื่อโดยซิลบาแทงบอลทะลุช่องไปให้นาบาสนอกกรอบเขตโทษด้านขวาบัวเต็งเตะบอลวืดเต็มๆทำให้บอลเลยมาถึงมิลเนอร์ที่เสาไกลวิ่งเข้าหวดเน้นๆบอลพุ่งกลับไปซุกเสาไกลอย่างสวยงาม

พี่เสือตันไร้จังหวะยิง
เกมล่วงเลยมาถึงนาทีที่ 70 "เสือใต้"ได้ครองบอลเป็นส่วนใหญ่ก็จริงแต่ยังไม่สามารถหาช่องเจาะเข้าไปทำประตูทีมเยือนได้เหมือนต้นครึ่งแรกเลยส่วน"เรือใบสีฟ้า"ก็เล่นดีขึ้นตามลำดับสามารถต่อบอลงามๆได้หลายครั้งเช่นกัน

ดันเต้....เนเกรโด้ฉกไปยิงเสาแรก
"เสือใต้"เกือบมาพังพาบอีกแล้วในจังหวะที่ดันเต้ทำโฉ่งฉ่างเสียบอลไปให้เนเกรโด้ฉกบอลเข้าไปซัดยัดเสาแรกแต่นอยเออร์ยังเหนียบใช้ขาสกัดบอลก่อนตามมาคว้าอีกหนึ่งจังหวะทำให้เจ้าบ้านรอดพ้นการเสียประตูที่ 4 ไปแบบหวุดหวิด

บากกลิ้งไม่ได้จุดโทษ
บาเยิร์นพยายามเรียกร้องจะเอาจุดโทษบ้างในจังหวะที่ริเบรี่พยายามเลี้ยงบอลหลบกองหลังของซิตี้ 2 คนก่อนไปชนกับซาบาเลต้าจนล้มกลิ้งไปทว่ากรรมการใจแข็งปล่อยให้เล่นต่อไป

เรือทำได้!หยุดสถิติชนะ 10 เกมรวดพี่เสือ
ท้ายที่สุด"เสือใต้"ก็มาจบสถิติชนะรวด 10 เกมแถมยังเป็นการพ่ายนัดแรกในบ้านนับตั้งแต่โดนอาร์เซน่อลส่องดับ 2-0 เมื่อซีซั่นก่อนแต่บุญเก่ายังดีผ่านเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มส่วน"เรือใบสีฟ้า"ตามไปด้วยตำแหน่งรองแชมป์


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม :

บาเยิร์น มิวนิค : มานูเอล นอยเออร์, ดันเต้ , เจโรม บัวเต็ง, ฟิลิปป์ ลาห์ม, ดาบิด อลาบา, ธิอาโก้ อัลตันทาร่า, ฟร้องค์ ริเบรี่, มาริโอ เกิทเซ่ (ฆาบี มาร์ติเนซ น. 56), โธมัส มุลเลอร์ , โทนี่ โครส, มาริโอ มานด์ซูคิช (เซอร์ดาน ชากีรี่ น. 65)
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : ทอม สต๊าร์ค, แดเนี่ยล ฟาน บุยเต็น, ราฟินญ่า, ดีเอโก้ คอนเตนโต้, เคลาดิโอ ปิซาร์โร่

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, ไมก้าห์ ริชาร์ดส์ (ปาโบล ซาบาเลต้า น. 16), โจลีออน เลสค็อตต์, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ , มาร์ติน เดมิเคลิส, เจมส์ มิลเนอร์ , ฆาบี การ์เซีย, เฆซุส นาบาส, ดาบิด ซิลบา  (อัลบาโร่ เนเกรโด้ น. 70), แฟร์นานดินโญ่ , เอดิน เชโก้  (แจ็ค ร็อดเวลล์ น. 87)
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : คอาเตล ปานติลิม่อน, แวงซ็องต์ กอมปานี, เด็ดริค โบยาต้า, เซร์คิโอ อเกวโร่ 

Cr. soccersuck.com