"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปิดฉากเส้นทางสายยูฟ่า คัพ ไว้เพียงเท่านี้ แม้จะเปิดรังเฉือนชนะ ฮัมบูร์ก 2-1 แต่ไม่เพียงพอพ่ายประตูรวมไป 3-4 ขณะที่ "นกนางนวล" แวร์เดอร์ เบรเมน เสมอ อูดิเนเซ่ สุดมันส์ 3-3 รวมสองนัด เบรเมน เข้ารอบ 6-4 ในศึกยูฟ่า คัพ เมื่อคืนที่ผ่านมา


ฟุตบอลยูฟ่า คัพ
(รอบก่อนรองชนะเลิศ ฤดูกาล 2008/2009)
วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน 2552
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ) 2 - ฮัมบูร์ก (เยอรมัน) 1
(รวม 2 นัด ฮัมบูร์ก เข้ารอบด้วยประตูรวม 4-3)


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดรัง ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม ต้อนรับ ฮัมบูร์ก โดยที่เกมแรก สิงห์เหนือ เอาชนะมาก่อน 3-1 ทำให้เกมนี้ เรือใบสีฟ้า ต้องจัดชุดใหญ่ลงบู๊ นำโดย โรบินโญ่ ในแดนหน้า ขณะที่ทีมเยือนใช้ โฮเซ่ เปาโล เกร์เรโร่ ยืนกองหน้าคู่ อิวิก้า โอลิช


เริ่มเกมขึ้นมา แม้ เรือใบสีฟ้า จะเดินเครื่องบุกเข้าใส่ก่อน แต่กลับเป็น ฮัมบูร์ก ที่มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากบอลทางกราบขวา โจนาธาน ปิตรอยป้า เปิดไปในเขตโทษ อิวิก้า โอลิช ถูก ริชาร์ด ดันน์ ตามประกบอยู่ ทำให้จับบอลไม่อยู่ แต่กลายเป็นดี เพราะมี เปาโล เกร์เรโร่ อยู่ข้างหลัง ล้มตัวยิงด้วยเท้าขวาผ่าน เชย์ กิฟเว่น เข้าไป


แต่มาถึงนาทีที่ 16 แมนฯ ซิตี้ ก็มาได้ลูกจุดโทษแบบมีโชค จากจังหวะที่ เอลาโน่ ยิงไกลด้วยซ้ายแล้วไปติดบล็อค ปิโอเตอร์ โทรชอฟสกี้ ซึ่งกระโดดบล็อคแล้วบอลไปโดนแขนที่ยกขึ้นมากันใบหน้า ผู้ตัดสินมองว่าเป็นจุดโทษ และเป็น เอลาโน่ สังหารจุดโทษเข้าไปอย่างเฉียบขาด แม้ แฟร้งค์ โรสต์ จะพุ่งถูกทางก็ตาม ตีเสมอให้ แมนฯ ซิตี้ เป็น 1-1


แม้รูปเกมของทีมเยือนจะตกเป็นรองเรื่อยๆ แต่นาทีที่ 31 ก็หาโอกาสลุ้นประตูจนได้ จากจังหวะที่ ปิโอเตอร์ โทรชอฟสกี้ ยิงไกลด้วยเท้าซ้ายเข้าหาสามเหลี่ยม แต่ เชย์ กิฟเว่น ปัดข้ามคานออกไปได้


เรือใบสีฟ้า ก็มีโอกาสงามๆ ที่จะบวกประตูที่สองเช่นกันในนาทีที่ 35 จากจังหวะโยนฟรีคิกทางขวาของ เอลาโน่ บอลหลุดเลยไปถึงเสาสอง โรบินโญ่ เก็บได้แล้วสับขาหลอกคู่ต่อสู้ไปจนถึงสุดเส้นหลัง ก่อนเปิดเรียดให้ เฟลิเป้ ไซเซโด้ ตวัดยิงด้วยซ้ายหน้าประตูไปเข้าซอง โรสต์


ก่อนจบครึ่งแรก 2 นาที แมนฯ ซิตี้ พลาดโอกาสทำประตูนำอีกครั้ง เมื่อมาได้ฟรีคิกระยะ 30 หลากลางประตู เอลาโน่ สอยเท้ามาแต่ไกลแล้วซัดด้วยขวา บอลพุ่งเป็นจรวดแต่กระเด้งไปชนคานเสียงดังสนั่น จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 1-1


ครึ่งหลัง เรือใบสีฟ้า บุกหนักข้างเดียว นาทีที่ 50 มาได้ประตูพลิกขึ้นนำ 2-1 เมื่อ สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ ไหลบอลให้ เฟลิเป้ ไซเซโด้ ในเขตโทษโยกบอลเข้าเท้าซ้ายแล้วแปเรียดผ่าน แฟร้งค์ โรสต์ เข้าไปนิ่มๆ


จากนั้น แมนฯ ซิตี้ มาได้ฟรีคิกระยะ 25 หลาเยื้องไปทางซ้ายในนาทีที่ 54 เอลาโน่ ปั่นข้ามกำแพงไปแล้ว แต่บอลไปชนเสาอีก


จากลูกเตะมุมจังหวะต่อเนื่องของ เอลาโน่ บอลถูก โรสต์ ปัดออกมาเข้าทาง ไซเซโด้ ตวัดยิงจ่อๆ ข้ามคาน


นาทีที่ 58 เป็นโอกาสลุ้นของ ฮัมบูร์ก บ้าง ดาวิด ยาโรลิม ไหลบอลให้ อิวิก้า โอลิช กระหน่ำด้วยซ้ายระยะ 22 หลาเฉี่ยวคานออกไป


เรือใบสีฟ้า พลาดโอกาสทองในนาทีที่ 59 โรบินโญ่ พักอกเอาบอลลงแล้วเดี่ยวๆ กับ โรสต์ ในเขตโทษแล้ว แต่ยิงจิ้มไปติดตัว โรสต์


นาทีถัดมา แฟนบอลเจ้าบ้านต้องดีใจเก้อ เมื่อ ไซเซโด้ หลุดเดี่ยวเข้าไปล็อกหลบ โรสต์ แล้วแปเข้าไป แต่เป็นจังหวะล้ำหน้าไปแล้ว


รูปเกมกลับมาพลิก เมื่อ แมนฯ ซิตี้ ต้องเหลือ 10 คนในนาทีที่ 75 ริชาร์ด ดันน์ กัปตันทีม ไปชน มลาเด้น เพทริช ตัวสำรองของ ฮัมบูร์ก โดนใบเหลืองที่สอง ถูกไล่ออกจากสนาม


ช่วง 15 นาทีสุดท้าย ทีมเยือนที่ตัวผู้เล่นมากกว่าเลยประคองเกมเอาไว้ได้ จบเกม แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ ฮัมบูร์ก ไป 2-1

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนฯ ซิตี้ : เชย์ กิฟเว่น, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, ริชาร์ด ดันน์, เนดุม โอนูโอฮา, เวย์น บริดจ์, เอลาโน่, ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, สตีเฟ่น ไอร์แลนด์, โรบินโญ่, เฟลิเป้ ไซเซโด้

สำรอง : โจ ฮาร์ท, ฆาเบียร์ การ์รีโด้, มาร์ติน เปตรอฟ, เกลสัน แฟร์นันเดส, เชด อีแวนส์, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, ชาลุม โลแกน

ฮัมบูร์ก : แฟร้งค์ โรสต์, เจอโรม บัวเต็ง, ไมเคิ่ล กราฟการ์ด, ยอริส มาไธจ์เซ่น, เดนนิส อโอโก้, โจนาธาน ปิตรอยป้า, ดาวิด ยาโรลิม, ปิโอเตอร์ โทรชอฟสกี้, มาร์เซลล์ แยนเซ่น, โฮเซ่ เปาโล เกร์เรโร่, อิวิก้า โอลิช

สำรอง : โวลฟ์กัง เฮเซิล, อเล็กซ์ ซิลวา, มลาเด้น เพทริช, มาร์เซล เอ็นเยง, โทมัส รินคอน, ไค-ฟาเบียน ชูลซ์, ตูนาย โตรุน

อูดิเนเซ่ (อิตาลี) 3 - แวร์เดอร์ เบรเมน (เยอรมัน) 3
(รวมสองนัด เบรเมน เข้ารอบด้วยประตูรวม 6-4)

เกมที่สนาม ฟริอูลี่ สตาดิโอ ในเมือง อูดิเน่ อูดิเนเซ่ เปิดบ้านรับมือ แวร์เดอร์ เบรเมน โดยเกมแรกที่เยอรมัน เบรเมน เอาชนะมาก่อน 3-1 ทำให้เจ้าบ้านต้องขนตัวหลักลงครบ แนวรุกใช้ ฟลอโร่ ฟลอเรส, ซานเชซ และ กวายาเรลล่า ขณะที่ทีมเยือนใช้ ปิซาร์โร่ กับ อัลเมด้า เป็นคู่หน้า


เปิดฉากครึ่งแรกนาทีที่ 15 อูดิเนเซ่ ปลุกกองเชียร์ให้ตื่นขึ้นมาทั้งสนาม เมื่อ โกคาน อินเลอร์ มิดฟิลด์ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ตะบันด้วยเท้าขวาระยะ 22 หลา เสียบมุมประตูเข้าไปอย่างสุดสวย โดยที่ ทิม วีเซ่ พุ่งไปไม่ถึง อูดิเนเซ่ ขึ้นนำ 1-0


แต่ เบรเมน ก็มาตามตีเสมอเป็น 1-1 ได้ในนาทีที่ 28 จากความผิดพลาดที่ คริสเตียน ซาปาต้า ต้องรับผิดชอบไปคนเดียว เมื่อเตะสกัดวืด แถมยังคืนบอลให้เพื่อนช้าอีก จึงถูก ดิเอโก้ เกี่ยวบอลเข้าไปในเขตโทษ แล้วซัดด้วยเท้าขวาเสียบเสาแรก


เกมพลิกกลับมาอยู่ทางฝั่งเจ้าบ้านอีกครั้ง เมื่อมาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 อีกหนในนาทีที่ 30 คราวนี้เป็น ฟาบิโอ กวายาเรลล่า รับบอลจากเพื่อนร่วมทีมหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษฝั่งซ้าย แล้วกระดกบอลข้ามตัว ทิม วีเซ่ เข้าไปกองก้นตาข่าย


นาทีที่ 33 อูดิเนเซ่ ต้องเปลี่ยนตัวคนแรก เมื่อ อเล็กซิส ซานเชซ มีอาการบาดเจ็บ ต้องส่ง ซิโมเน่ เปเป้ ลงไปเล่นแทน


อูดิเนเซ่ มาได้ประตูหนีห่าง 3-1 ในนาทีที่ 38 เมื่อ โกคาน อินเลอร์ กระดกบอลไปให้ ฟาบิโอ กวายาเรลล่า พักบอลลงแล้วซัดด้วยซ้ายจังหวะเดียวเสียบมุมประตู โดยที่ ทิม วีเซ่ พุ่งไปไม่ถึง ทำให้สกอร์รวมสองนัดกลับมาเท่ากันแล้ว


ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก เบรเมน น่าได้ประตูที่สองไล่ตามมา เมื่อ เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ ยิงจากนอกเขตโทษ ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช รับกระฉอก ฮูโก้ อัลเมด้า จิ้มซ้ำก็ยังติด ฮันดาโนวิช อีก จบครึ่งแรก อูดิเนเซ่ นำ 3-1


กลับมาเล่นครึ่งหลัง อูดิเนเซ่ มีลุ้นประตูที่สี่ก่อนในนาทีที่ 53 เมื่อ กวายาเรลล่า เลี้ยงมาถึงหน้าเขตโทษ แล้วซํดด้วยขวาถากเสาสองออกไป


นาทีที่ 60 เจ้านกนางนวล ได้ประตูสำคัญไล่มาเป็น 2-3 เมื่อ เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ เปิดให้ ฮูโก้ อัลเมด้า ล้มตัวยิงด้วยเท้าซ้ายไปชนคานกระดอนออกมา ดิเอโก้ โหม่งซ้ำที่เสาสอง ฮันดาโนวิช ปัดออกมาได้ แต่บอลข้ามเส้นเข้าไปแล้ว


หลังจากนั้น เจ้าบ้านมีโอกาสอีกในนาทีที่ 63 ซิโมเน่ เปเป้ ตัวสำรอง ยิงที่เสาสองถากเสาออกไป ขณะที่สองนาทีต่อมา ควัดโว่ อซาโมอาห์ ได้ยิงด้วยซ้ายหน้าเขตโทษไปชนเสา


นาทีที่ 73 เบรเมน ก็มาได้ประตูตีเสมอ 3-3 จนได้จาก เคลาดิโอ ปิซาร์โร่


ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำประตูเพิ่มกันไม่ได้ จบเกม อูดิเนเซ่ เสมอ แวร์เดอร์ เบรเมน 3-3 ส่งให้ เบรเมน เข้ารอบรองชนะเลิศไปด้วยสกอร์รวม 6-4

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

อูดิเนเซ่ : ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช, คริสเตียน ซาปาต้า, เฟลิเป้, เมาริซิโอ โดมิซซี่, โจวานนี่ ปาสกวาเล่, โกคาน อินเลอร์, เกตาโน่ ดากอสติโน่, ควัดโว่ อซาโมอาห์, อเล็กซิส ซานเชซ, อันโตนิโอ ฟลอโร่ ฟลอเรส, ฟาบิโอ กวายาเรลล่า

สำรอง : เอมานูเอเล่ เบลาร์ดี้, คริสเตียน โอโบโด้, ซิโมเน่ เปเป้, เมาริซิโอ อิสล่า, นิกิ ซิมลิง, อเล็กซานเดอร์ ลูโควิช, ลุยจิ ซาล่า

แวร์เดอร์ เบรเมน : ทิม วีเซ่, คลีเมนส์ ฟริตซ์, เพอร์ แมร์เตซัคเกอร์, นัลโด้, เปตรี้ ปาซาเน่น, ทอร์สเท่น ฟริงก์ส, อเล็กซานดรอส ซิโอลิส, เมซุต โอซิล, ดิเอโก้, ฮูโก้ อัลเมด้า, เคลาดิโอ ปิซาร์โร่

สำรอง : คริสเตียน วานเดอร์, เซบาสเตียน โบนิช, แฟร้งค์ เบามันน์, มาร์คุส โรเซนเบิร์ก, อารอน ฮันท์, เซบาสเตียน โพรเดิ้ล, ปีเตอร์ นีเมเยอร์

สรุปผลยูฟ่า คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ

ดินาโม เคียฟ (ยูเครน) ชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (ฝรั่งเศส) 3-0
(รวมสองนัด เคียฟ เข้ารอบด้วยประตูรวม 3-0)

มาร์กเซย (ฝรั่งเศส) แพ้ ชัคเตอร์ โดเน็คส์ (ยูเครน) 1-2
(รวมสองนัด ชัคเตอร์ โดเน็คส์ เข้ารอบด้วยประตูรวม 4-1)

แมนฯ ซิตี้ (อังกฤษ) ชนะ ฮัมบูร์ก (เยอรมัน) 2-1
(รวมสองนัด ฮัมบูร์ก เข้ารอบด้วยประตูรวม 4-3)

อูดิเนเซ่ (อิตาลี) เสมอ แวร์เดอร์ เบรเมน (เยอรมัน) 3-3
(รวมสองนัด เบรเมน เข้ารอบด้วยประตูรวม 6-4)

โปรแกรมรอบรองฯ ยูฟ่า คัพ

นัดแรก 30 เม.ย. : เบรเมน (เยอรมัน)-ฮัมบูร์ก (เยอรมัน) , ดินาโม เคียฟ (ยูเครน)- ชัคเตอร์ (ยูเครน)

นัดสอง 7 พ.ค. : ฮัมบูร์ก (เยอรมัน) -เบรเมน (เยอรมัน), ชัคเตอร์ (ยูเครน) - ดินาโม เคียฟ (ยูเครน)

>>>ที่มา www.Siamsport.com/body>;