ถูกใจมั้ย! สโต๊คจ่อตั้ง ฮิวจ์ เป็นกุนซือคนใหม่

สโต๊ค ซิตี้ ตกเป็นข่าวว่าเตรียมแต่งตั้ง มาร์ค ฮิวจ์ ขึ้นเป็นผู้จัดกาลทีมคนใหม่แทนที่ โทนี พูลิส ที่เพิ่งโบกมือลาทีมไป

"Sky Sports" สื่อกีฬาชื่อดังของประเทศอังกฤษรายงานว่า สโต๊ค ซิตี้ เตรียมแต่งตั้ง มาร์ค ฮิวจ์ ผู้จัดการทีมชาวเวลส์ ขึ้นเป็นกุนซือคนใหม่ของทีมแทนที่ โทนี พูลิส ที่เพิ่งอำลาทีมไปหลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา

พูลิส เพิ่งประกาศอำลาช่างปั้นหม้อเมื่อจบฤดูกาล หลังจากเป็นนายใหญ่ในถิ่น บริทานเนีย สเตเดี้ยม มานานถึงเจ็ดปี และตัวเก็งที่จะเข้ามาสืบทอดงานต่อก็คือ มาร์ค ฮิวจ์ อดีตผู้จัดการทีมของ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส

กุนซือชาวเวลส์มีประสบการณ์การคุมทีมในพรีเมียร์ลีกมาแล้วมากมายทั้งกับ แบล็คเบิร์น, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ฟูแลม และล่าสุดกับ ควีนปาร์ค เรนเจอร์ส

อย่างไรก็ตามช่างปั้นหม้อยังไม่ได้แต่งตั้ง ฮิวจ์ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างเป็นทางการ และจะหารือกันอีกครั้งก่อนจะประกาศให้ทุกฝ่ายทราบให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นผลดีกับการเตรียมทีมสู้ศึกในฤดูกาลหน้า

ทุกคนก็อยากเห็น เนย์มาร์ตื่นเต้นจะได้เล่นคู่เมสซี่

เนย์มาร์ แนวรุกชาวบราซิลวัย 21 ปีของบาร์เซโลน่ายอมรับว่ารู้สึกตื่นเต้นสุดๆที่จะได้ลงเล่นกับลิโอเนล เมสซี่ ในซีซั่นหน้า หลังจากนักเตะจอมลีลารายนี้เซ็นสัญญากับบาร์ซ่าเป็นเวลา 5 ปีค่าตัว 28 ล้านยูโร

“นี่คือฝันที่เป็นจริง ได้ลงเล่นกับลิโอเนล เมสซี่และสุดยอดนักตะของบาร์เซโลน่า มันทำให้กระหายอยากจะไปที่นั่น” เนย์มาร์บอก “มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากแต่ผมช่วยกันคิดกับครอบครัว พวกเขาช่วยผมได้มาก ผมมีความสุขแต่ก็เศร้าที่จะต้องจากซานโต๊สไป”

เนย์มาร์ที่จะร่วมทัพแซมบ้าลงทำศึกฟุตบอลคอนเฟดเดอเรชั่น คัพที่จะสตาร์ททัวร์นาเม้นต์ในกลางเดือนมิถุนายนนี้บอกอีกว่า “ผมอยากจะลงเล่นให้ทีมชาติบราซิลเสมอ และอยากจะเป็นอย่างโรนัลโด้ โรนัลดินโญ่ รวมไปถึงโรบินโญ่และกาก้าที่ผมชอบ”

ปฏิเสธไม่ลง!เรน่ายันสนย้ายเฝ้าเสาให้บาร์ซ่า

โฆเซ่ เรน่า นายด่านจอมหนึบ ลิเวอร์พูล ยันสนใจย้ายไปเฝ้าเสาให้กับ บาร์เซโลน่า ที่กำลังมองหาผู้รักษาประตูคนใหม่แทน บิคตอร์ บัลเดส ที่เตรียมย้ายออกจากถิ่นคัมป์ นู ในเดือนกรกฎาคมนี้

        โฆเซ่ เรน่า นายทวารจอมเซฟ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยืนยันเมื่อวันพุธที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมาว่า สนใจที่จะย้ายไปร่วมทีม "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซน่า มหาอำนาจลูกหนังแห่งศึกลา ลีกา สเปน ในช่วงซัมเมอร์นี้ 


         นายด่านวัย 30 ปี ตกเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆของ บาร์ซ่า ที่พร้อมยื่นเงิน 8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 360 ล้านบาท) ให้ "หงส์แดง" พิจารณาเพื่อคว้าตัวไปแทนที่ บิคตอร์ บัลเดส ผู้รักษาประตูมือ 1 ที่เตรียมย้ายออกจากทีมในเดือนกรกฎาคมนี้ 


         เรน่า ยืนยันว่าจะไม่ปิดโอกาสการย้ายร่วมถิ่นคัมป์ นู โดยระบุว่า "คุณไม่สามารถปฏิเสธ บาร์เซโลน่า ได้ อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ยังไม่มีการเซ็นสัญญาใดๆ และผมยังมีสัญญากับ ลิเวอร์พูล" 


         ทั้งนี้ ความปรารถนาในการย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์ ของ เรน่า ได้รู้ไปถึงหู เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ "เร้ด แมชีน" ที่พร้อมดึง อัสเมียร์ เบโกวิช มือกาว "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ เข้ามาแทนที่ อย่างไรก็ตาม บาร์ซ่า อาจต้องคิดหนักจากการที่ ลิเวอร์พูล เคยกล่าวว่าต้องการค่าตัวของนายทวารชาวกระทิงดุสูงถึง 15 ล้านปอนด์ (ประมาณ 675 ล้านบาท) เลยทีเดียว 

ตัวอย่างการซื้อความสำเร็จ...???

 

ฟุตบอล : เห็นข่าวการเชื่อมโยงระหว่างอาร์เซนอลกับสเตฟาน โยเวติช ถ้าเป็นจริงอย่างที่สื่อนำเสนอเอาไว้นั่นทำให้การคาดเดาก่อนหน้านี้มีมูลจริงๆ

เรื่องของเรื่องก็คือ อาร์เซนอลต้องการกองหน้าเข้ามาเพิ่ม และ สเตฟาน โยเวติช คือหนึ่งในเป้าหมาย ทว่าสิ่งที่มีโอกาสทำให้พลาดเป้าก็คือเงินค่าตัว

ฟิออเรนตินาประกาศกร้าวชัดเจนว่าถ้าให้ต่ำกว่า 25 ล้านปอนด์ก็ไม่ต้องเสนอเข้ามาให้เสียเวลา ในขณะที่อาร์แซน เวนเกอร์ ก็ยังคงชัดเจนในมุมมองของตัวเอง โยเวติช ค่าตัวประมาณ 20 ล้านปอนด์ มากไปกว่านี้คือความพยายามที่จะโก่งราคากันนั่นเอง

เวนเกอร์ไม่เห็นด้วยมาตลอดกับเรื่องค่าตัวนักเตะในตลาดที่เวอร์มากขึ้นทุกวัน นั่นเพราะทีมมีเงินทั้งหลายมีส่วนสำคัญที่ทำให้ค่าตัวที่แท้จริงผิดเพี้ยนไป

อย่างไรก็ตามถ้ายังคงยึดมั่นกับความรู้สึกของตัวเองแบบสุดโต่ง มีโอกาสพลาดได้ตัวนักเตะที่ต้องการก็ได้ เรื่องแบบนี้ตัดสินยากเหมือนกัน เพราะกลไกการตลาดมันมีปัจจัยหลายอย่างเชื่อมโยงกันอยู่

แต่ถ้าไม่มั่นใจก็ลองเปรียบเทียบตัวเองกับเชลซีก็แล้วกันว่าในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาแตกต่างกันอย่างไร

ฤดูกาล 2003-2004...

เป็นฤดูกาลแรกที่ โรมัน อิบราโมวิช เทคโอเวอร์สโมสรเชลซี เงินเริ่มสะพัดทันทีด้วยการดึง เฮอร์นาน เครสโป 16.8 ล้านปอนด์,เกล็น จอห์นสัน 6 ล้านปอนด์,โคล้ด มาเกเลเล่ 16 ล้านปอนด์ เข้ามาสู่ทีมให้ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ใช้งาน แต่เชลซีจบฤดูกาลนั้นด้วยมือเปล่า

อาร์เซนอล เป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีกในฤดูกาลนั้นพร้อมกับการประกาศว่าจะดึงตัว โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เข้ามาร่วมทีมในเดือนกรกฎาคมด้วยค่าตัว 2.75 ล้านปอนด์

ฤดูกาล 2004-2005...

โจเซ่ มูรินโญ่ เข้ามามีอำนาจในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ การอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดของเชลซียังคงต่อเนื่อง หลักๆเลยได้แก่ อาร์เยน ร็อบเบน 12 ล้านปอนด์,ปีเตอร์ เช็ก 7 ล้านปอนด์และดิดิเยร์ ดร็อกบา 24 ล้านปอนด์

ทุกอย่างเวิร์คมาก เชลซีเป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี แถมชนะหงส์แดงในถ้วยลีกคัพอีกด้วย ทางฝั่งอาร์เซนอล ซื้อตัว มานูเอล อัลมูเนีย และ มาติเยอร์ ฟลามินี่ เข้ามาร่วมทีมค่าตัวไม่เป็นที่เปิดเผย เวนเกอร์พาทีมเป็นแชมป์เอฟเอ คัพ

ฤดูกาล 2005-2006...

มูรินโญ่ ดึงตัว เอสเซียง มาจากลียงด้วยค่าตัว 24.4 ล้านปอนด์และยังคงใช้เงินไปอีก 21 ล้านปอนด์เพื่อซื้อตัว ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ มาจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผลงานเชลซียังคงไปได้สวย เป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีก อีกครั้ง

อาร์แซน เวนเกอร์ โชว์สายตาที่แหลมคมด้วยการไปซื้อดาวรุ่งอย่าง ธีโอ วัลค็อตต์ เข้ามาเสริมทีมด้วยค่าตัว 12.5 ล้านปอนด์ นอกจากนี้ยังมี อาบู ดิยาบี้ และ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 2 และ 3 ล้านปอนด์ตามลำดับ จบฤดูกาลด้วยมือที่ว่างเปล่า

ฤดูกาล 2006-2007...

เชลซียังคงไม่สะใจในเรื่องตัวผู้เล่น ข้ามห้วยไปกระชาก แอชลีย์ โคล มาจากอาร์เซนอล 5 ล้านปอนด์ นอกจากนี้ยังมี อังเดร เชฟเชนโก้ อีก 30 ล้านปอนด์ ดูเหมือนอบราโมวิช จะเป็นคนซื้อมากกว่าเริ่มมีปัญหากับมูรินโญ่ ซาโลมง กาลู เข้ามาสู่ทีมในช่วงนี้เช่นกันด้วยค่าตัว 9 ล้านปอนด์

อีกฝั่งของลอนดอนอาร์เซนอลเติม อเล็กซ์ ซง กับ เดนิลสัน เชลซีเป็นแชมปเอฟเอ คัพ และแชมป์ลีกคัพ สำหรับอาร์เซนอลมือเปล่าอีกแล้ว

ฤดูกาล 2007-2008...

บรานิสลาฟ อิวาโนวิช คนโขกประตูชัยในนัดชิงยูโรป้า ลีก ที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน เข้ามาร่วมทีมในช่วงนั้นจากทีมโลโคโมทีฟ มอสโกด้วยค่าตัว 9 ล้านปอนด์ คนอื่นมี ฟลอร็องต์ มาลูด้า 13.5 ล้านปอนด์,ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ 3.7 ล้านปอนด์และนิโกลาส อเนลก้า 15 ล้านปอนด์

เชลซีจบฤดูกาลโดยไม่มีถ้วยรางวัลอะไรติดไม้ติดมือเลยเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2004 ทั้งแชมเปี้ยนส์ ลีก และ พรีเมียร์ ลีก โดนผีแดงโฉบตัดหน้าไปทั้งหมด ในขณะที่ลีกคัพ ก็เดี้ยงให้กับสเปอร์ส

ฝากฝั่งของอาร์เซนอล เวนเกอร์ เติมเอดูอาร์โดเข้ามา 7.5 ล้านปอนด์,ลูคัส ฟาเบียนสกี้ 2 ล้านปอนด์,บาคารี่ ซานญ่า 6 ล้านปอนด์ ผลงานที่ออกมาหาความสำเร็จไม่ได้

ฤดูกาล 2008-2009...

โจเซ่ โบซิงวา แยกทางกับปอร์โต้ เดินเข้าสู่เชลซีด้วยค่าตัว 16.2 ล้านปอนด์ ในขณะที่ เดโก้ เดินเข้ามาอีกคน ทางอาร์เซนอล เติม ซามีร์ นาสรี่ 12 ล้านปอนด์,อังเดร อาร์ชาวิน 15 ล้านปอนด์,อารอน แรมซีย์ 5 ล้านปอนด์ แถมด้วยซิลแวสต์จากผีแดงอีกคน

ฤดูกาลนั้นของเชลซี บิ๊กฟิล โดนไล่ออกจากตำแหน่ง กุส ฮิดดิ้งค์ เข้ามาช่วยงานชั่วคราวรับแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นรางวัลปลอบใจ ในขณะที่อาร์เซนอลเคยชินกับมือที่ว่างเปล่า

ฤดูกาล 2009-2010...

คาร์โล อันเชล็อตติ พาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์เป็นฤดูกาลแรกที่เข้ามาคุมทีมโดยสโมสรซื้อตัว เนมันย่า มาติช คนที่เล่นให้เบนฟิก้าในนัดชิงยูโรป้า ลีกนั่นแหละ ด้วยค่าตัว 1.5 ล้านปอนด์ ในขณะที่ 18 ล้านปอนด์ใช้ไปกับการซื้อตัว ยูริ เซอร์คอฟ และอีก 3.5 ล้านปอนด์เป็นค่าตัว แดเนียล สเตอร์ริดจ์

อาร์เซนอล เสริมเกมรับด้วยโธมัส แฟร์มาเล่น จากไอแอ๊กซ์ ทว่าภัยแล้งยังคงเล่นงานอย่างต่อเนื่อง

ฤดูกาล 2010-2011...

รามิเรส โยกมาจากเบนฟิก้า 18 ล้านปอนด์ ทว่าไม่มีความสำเร็จอะไร นั่นทำให้อันเชล็อตติ ต้องโดนเด้งออกไป ในขณะที่อาร์เซนอลเสริมเกมรับกันอีก โลร็องต์ คอสเซียลนี่ ถูกเติมเข้ามาด้วยค่าตัว 8.5 ล้านปอนด์ ในขณะที่สคิลลาชี่ มาจากเซบีญ่า 3.5 ล้านปอนด์ ความสำเร็จอย่าไปพูดถึงมันเลย (เฟร์นานโด ตอร์เรส 50 ล้านปอนด์ ช่วงกลางฤดูกาล)

ฤดูกาล 2011-2012...

หลังจากฤดูกาลที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จ อังเดร วิลลาส โบอาส เข้ามาสร้างโครงการใหม่ให้กับเชลซี ฆวน มาตา 23.5 ล้านปอนด์,โรเมลู ลูคาคู 18 ล้านปอนด์,ธิเบาต์ คูร์กตัวส์ 7 ล้านปอนด์ งานไม่คืบหน้าอย่างที้องการ วิลลาส โบอาส โนเด้ง ดิ มัตเตโอ เข้ามารับหน้าเสื่อ

เหนือความคาดหมาย เชลซีเป็นแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก แถมถ้วยเอฟเอ คัพ อีกใบ ในขณะที่อาร์เซนอลอยู่ในสภาพเดิมๆคือไร้ความสำเร็จ แม้ว่าจะเติม อเล็กซ์ อ๊อกเหลด แชมเบอร์เลน เข้ามา รวมทั้งมิเกล อาร์เตต้า จากเอฟเวอร์ตัน 10 ล้านปอนด์ เกือบลืม ซานโต๊สอีกคน

ฤดูกาล 2012-2013...

เริ่มฤดูกาลได้ไม่นาน ดิ มัตเตโอ โดนเด้งออกไป ราฟาเอล เบนิเตซ เข้ามาคุมชั่วคราว และนักเตะหน้าใหม่เดินเข้ามาอีกหลายคนตามที่ทราบกันไป ราฟาพาทีมเป็นแชมป์ยูโรป้า ลีก ในขณะที่อาร์เซนอล ปล่อย โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ออกไปจากทีม ซานติ กาซอร์ล่า,ลูคัส โพดอลสกี้,โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ก็ไม่สามารถช่วยทีมได้อย่างที่ต้องการ ดิ้นรนถึงนัดสุดท้ายกว่าจะได้ไปแชมเปี้ยนส์ ลีก

ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เชลซีมี 11 ถ้วยประดับบารมี(ไม่รวมคอมมิวนิตี้ ชิลด์) ใช้กุนซือไป 9 คน ในขณะที่อาร์เซนอล มีแค่ 2 ถ้วย และเวนเกอร์ ยังคงปักหลักเหมือนเดิม จะยอมทุ่มเงินบ้างหรือเปล่าหรือจะอิดออดเหมือนที่ผ่านมา ลองดูเชลซีก็แล้วกันว่าได้ผลแค่ไหน

ปืนส่อแห้ว!สิงห์วาง 25 ลป.สู่ขอ'หนูโย'เติมเกมรุก 

 

"สิงห์ไฮโซ"เชลซีเตรียมพร้อมเดินหน้าชน"ปืนใหญ่"อาร์เซน่อลทุ่มข้อเสนอ 25 ล้านปอนด์คว้าสเตฟาน โยเวติชดาวยิงฟิออเรนติน่ามาวาดลวดลายในพรีเมียร์ลีก 

โจเซ่ มูรินโญ่จะเซ้นสัญญามูลค่า 12 ล้านปอนด์ต่อปีเป็นเวลา 4 ฤดูกาลกับเชลซีในวันจันทร์หน้าซึ่งเขาต้องการแย่งลายเซ็นของโยเวติชกับคู่ปรับในกรุงลอนดอน 

มูรินโญ่ซึ่งตกลงรับข้อเสนอเบื้องต้นจากโรมัน อบราโมวิชเรียบร้อยแล้วจะเดินทางมาลอนดอนวันอาทิตย์นี้หลังจบเกมสุดท้ายของเรอัล มาดริดกับโอซาซูน่าวันอาทิตย์ 

และหนึ่งในเป้าหมายของมูรินโญ่คือการทุ่มข้อเสนอ 25 ล้านปอนด์ขอซื้อโยเวติชเพื่อเพิ่มทางเลือกในแดนหน้าของทีมในฤดูกาลหน้า 

ราดาเมล ฟัลเกาอดีตเป้าหมายของเชลซีกำลังจะย้ายไปอยู่โมนาโกด้วยค่าตัว 51 ล้านปอนด์ส่วนเอดินสัน คาวานี่ก็แพงเกินไปโดยเขามีค่าตัว 52 ล้านปอนด์พร้อมค่าเหนื่อย 250,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ 

แหล่งข่าวในสโมสรเผยว่า"โยเวติชเป็นทางเลือกสำหรับเชลซีอย่างแน่นอนตอนนี้นั้นคาวานี่มันแพงเกินไป"

หงส์ลุยต่อ!โอเวอร์มาร์สยันเสือเหลืองเปล่าทาบ 'อีริคเซ่น' 

 

มาร์ค โอเวอร์มาร์สผู้อำนวยการสโมสรของอาหยักซ์ได้ออกมายันว่า พวกเขายังไม่ได้รับข้อเสนออะไรใดๆจากทางโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ในการที่จะซื้อตัวคริสเตียน อีริคเซ่นเลย 

มีรายงานออกมาจากในเดนมาร์กอ้างในสัปดาห์นี้ว่า "เสือเหลือง" ได้ยื่นข้อเสนอขอซื้อมิดฟิลด์ตัวรุกรายนี้แล้ว แต่ทางอาหยักซ์ก็ยันชัดเจนเลยว่า พวกเขายังคงรอข้อเสนออย่างเป็นทางการเข้ามาอยู่ 

"สื่อของเดนิชเป็นต่างตีแผ่ข่าวพวกนี้ แต่ดอร์ทมุนด์ยังไม่ได้ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการมาให้อีริคเซ่นเลย" โอเวอร์มาร์สกล่าว 

แข้งวัย 21 ปีมีสัญญาอยู่กับอาหยักซ์จนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2014 แต่ยักษ์ใหญ่แห่งเมืองอัมสเตอร์ดัมก็พร้อมที่จะขายอีริคเซ่นออกไป ถ้าหากว่าได้ข้อเสนอที่สมน้ำสมเนื้อเข้ามา 

ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่าลิเวอร์พูลทีมดังในเมืองผู้ดีกำลังใ้ห้ความสนใจในตัวของอีริคเซ่นอยู่เช่นเดียวกัน แม้ว่าจะยังไม่ได้มีการยื่นข้อเสนอหรือติดต่อไปยังอาหยักซ์แต่อย่างใดก็ตาม

ใกล้ลงตัว!ท๊อฟฟี่นัดถก 'มาร์ติเนซ' นั่งแท่นกุนซือใน 24 ชม. 

โรแบร์โต้ มาร์ติเนซกำลังที่จะได้เจรจากับเอฟเวอร์ตันภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้าเพื่อที่จะเข้ารับตำแหน่งต่อจากเดวิด มอยส์ หลังจากเขาโบกมือลาวีแกนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

มาร์ติเนซเข้าพบเดฟ วีแลนเจ้าของสโมสรวีแกนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเพื่อให้คำตอบว่าเขาต้องการที่จะออกจากสโมสรและจะเข้าพบบิล เคนไรท์ประธานสโมสรของ "ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน" เพื่อที่จะพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการรับงานสืบต่อจากมอยส์ 

แม้ว่ามาร์ติเนซจะเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะเข้ามาทำหน้าที่กุนซือของทีม แต่เคนไรท์ก็ยันชัดตั้งแต่แรกที่มอยส์เลือกจะจบ 11 ปีในถิ่นกูดิสัน ปาร์คลงนั้นเขาจะไม่เร่งรัดอะไรทั้งนั้น 

ตัวเลือกที่มีนอกเหนือจากมาร์ติเนซนั้นก็ได้เข้าสัมภาษณ์กับทางเคนไรท์มาก่อนหน้า ทั้งฟีล เนวิลล์, อลัน สตับบ์และเดวิด เวียร์และเขาก็พิจารณาเรื่องการดึงวิตเตอร์ เปเรร่าของปอร์โต้และไมเคิ่ล เลาดรุ๊ปนายใหญ่สวอนซีมาด้วย 

ทางวีแลนที่ได้ออกมาเผยว่าเอฟเวอร์ตันได้ทาบทามเข้ามาเพื่อที่จะคุยกับมาร์ติเนซเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วนั้นต้องการเงินค่าชดเชย 2 ล้านปอนด์ หากแต่งตั้งมาร์ติเนซเป็นกุนซือในถิ่นกูดิสัน ปาร์ค 

คิเอลลินี่จี้ม้าลายซัมเมอร์นี้ต้องเสริมแข้งให้หนัก 

จอร์โจ้ คิเอลลินี่ปราการหลังของยูเวนตุสได้ออกมาชี้ว่า สโมสรจะต้องเสริมทัพให้มั่นเหมาะในทุกตำแหน่งเพื่อพัฒนาทีมอยู่เสมอ หลังประสบความสำเร็จในกัลโช่ เซเรีย อา 2 ฤดูกาลหลังสุดมานี้ 

"ไอ้ม้าลาย" นั้นมีข่าวลือเรื่องการเสริมทัพในแดนหน้ากับนักเตะมากหน้าหลายตาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านๆมา จากการที่พวกเขาต้องการเพิ่มความคมในแดนหน้าให้มากขึ้น แต่คิเอลลินี่ก็รู้สึกว่าไม่ใช่แค่แนวรุกเท่านั้นที่ทีมจะต้องเสริมแกร่งช่วงซัมเมอร์ 

"สโมสรต้องทำในสิ่งดีที่สุดเพื่อที่จะพัฒนาในทุกๆตำแหน่งของทีมและอยู่ในจุดที่สามารถเบียดวัดกับความท้าทายในระดับที่สูงขึ้นไปอีกได้" เขากล่าว 

"เราไม่ได้เล่นในเกมยุโรป 2 ปีหลังมานี้ด้วยซ้ำ เพิ่งมาฤดูกาลนี้เองที่เรากลับมายังแชมป์เปี้ยนส์ ลีกอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปนาน มันก็เยี่ยมน่าดูล่ะนะ" 

"เราตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือของบาเยิร์น มิวนิคที่ตอนนี้ประกาศศักดากลายเป็นโคตรทีมในชั่วโมงนี้ไปแล้ว"

แฉอีก!พ็อกบาเผยป๋าขวางไม่ให้มากัลโช่อ้างมีแต่พวกเหยียดผิว 

พอล พ็อกบามิดฟิลด์พรวรรค์สูงของยูเวนตุสได้ออกมาให้สัมภาษณ์พาดพิงถึงอดีตทีมเก่าอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันนายเก่าที่เคยขวางไม่ให้เขาย้ายมาเล่นในกัลโช่ เซเรีย อาเพราะมีแต่พวกเหยียดผิวเต็มประเทศไปหมด 

แข้งเลือดเฟร้นช์ใช้เวลาอยู่กับทีม "ปีศาจแดง" 3 ปี แต่ได้ลงเล่นเพียงแค่ 7 เกมในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดจนทำให้ต้องการย้ายออกมาหาโอกาสลงสนามในที่สุด 

และแข้งวัย 20 ปีก็เผยว่า เฟอร์กูสันพยายามกล่อมให้เขาไม่ย้ายทีมด้วยการบอกว่าในอิตาลีนั้นมีแต่พวกเหยียดผิวไม่เหมาะกับนักเตะผิวสีอย่างเขาที่จะมาเล่น 

"เฟอร์กูสันตะโกนมาแต่ไกลเลยนะ เขาถามผมว่า 'นายจะไปไหนกัน? เห็นว่าจะไปเล่นให้ยูเวนตุสในอิตาลีใช่ไหม? จะไปทำไมมันมีแต่พวกเหยียดผิว' พ็อกบาอ้าง 

"ผมบอกเขาว่า 'มันไม่เป็นปัญหาหรอก ที่ไหนก็เหยียดผิวกันทั้งนั้น" 

"เขาเลยพูดต่อว่า 'แฟนบอลที่นั่นไม่เหมือนในอังกฤษนะ' แต่ผมก็ตอบทันทีว่า 'ผมอยากลงเล่นและมันไม่ใช่แค่เรื่องแฟนบอล มันเพราะว่าผมอยากจะพัฒนาตัวเองและเก็บประสบการณ์' 

"เขาก็เลยตอบมาว่า 'โอเค' แล้วหลังจากนั้น ผมก็ไม่เคยมีชื่ออยู่ในทีมอีกเลย"

จะย้ายทำไม!หน้าบากยันต่อให้ราชันทาบมาก็ต้องขอปัด 

ฟร็องก์ ริเบรี่สตาร์หน้าบากของบาเยิร์น มิวนิคเจ้าของถ้วยแชมป์เปี้ยนส์ ลีกฤดูกาลล่าสุดได้ออกมายันว่า เขามีความสุขกับต้นสังกัดจนเปี่ยมล้นและไม่คิดที่จะย้ายไปไหน ต่อให้ยอดทีมอย่างเรอัล มาดริดติดต่อมาก็ตาม 


แข้งเลือดเฟร้นช์เกือบที่จะได้ไปเล่นในถิ่นซานติเอโก้ เบร์นาบิวแล้วเมื่ออดีตที่ผ่านมาและฟลอเรนติโน่ เปเรซก็ประกาศแต่งตั้วซีเนอดีน ซีดานเป็นคนควบคุมการซื้อขายนักเตะในทีมช่วงซัมเมอร์ ทำให้มีข่าวว่าริเบรี่คือเป้าหมายแรกๆที่เขาต้องการดึงตัวไปร่วมทีม 

แต่ถึงอย่างนั้นแข้งวัย 30 ปีก็กล่าวว่า "ถ้าซีดานติดต่อมาหาผมจริง ผมคงจะบอกเขาไปว่าผมมีความสุขกับบาเยิร์นและผมคิดว่าเขาน่าจะเข้าใจนะ" 

"ผมเคยเกือบได้ย้ายไปมาดริดแล้วครั้งหนึง แต่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นและผมก็พอใจที่สุดท้ายได้มาลงเอยกับบาเยิร์น"

คล็อปป์ยันเสือเหลืองไม่ถึงขั้นตกต่ำแม้ต้องเสียสตาร์ 

เจอร์เก้น คล็อปป์กุนซือของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ได้ออกมาแสดงความมั่นใจว่า สโมสรจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ต้องเสียสตาร์บางคนในทีมออกไปในช่วงซัมเมอร์นี้ได้อย่างแน่นอน 

"เสือเหลือง" ได้เสียมาริโอ เกิทเซ่ไปให้กับบาเยิร์น มิวนิคแล้วและมีข่าวว่าโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้หัวหอกตัวความหวังจะย้ายออกไปติดๆเลยเมื่อตลาดนักเตะเปิดขึ้น 

ถึงจะอย่างนั้น คล็อปป์ก็มั่นใจว่าทีมจะดึงเอานักเตะที่มีคุณภาพไม่ด้อยไปกว่ากันเข้ามาแทนที่เพื่อรักษามาตรฐานในการเล่นและการลุ้นแชมป์ต่อไป 

"ผมอ่านเจอที่สื่อฟันธงว่าเราจะต้องเจอกับฤดูกาลที่ยากลำบาก แต่นั่นไม่ใช่เลย เรามีนักเตะฝีเท้าเยี่ยมมากมายและก็มีขุมกำลังที่แข็งแกร่ง" เขากล่าว 

"แน่นอนว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับการที่บางคนจะย้ายออกไป แต่ผมขอมองว่านั่นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลดีกับเราต่อไปในวันข้างหน้า" 

"ผมคงบอกไม่ได้ว่าจะมีนักเตะกี่คนที่เราจะเซ็นเข้ามา แต่เรากำลังเดินหน้าในเรื่องนี้อยู่ ผมการันตีได้เลยว่าสุดท้ายแล้วทุกอย่างจะโอเค หลายสิ่งหลายอย่างจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้"

น้ามูเดินหน้ารวบรวมทีมงานช่วยคุมสิงห์รอบสอง 

โจเซ่ มูรินโญ่กุนซือโอนลี่วันเริ่มต้นในการรวบรวมทีมงานสตาฟฟ์โค้ชใหม่แล้วเพื่อเตรียมไว้สำหรับการได้กลับไปเริ่มงานคุมบังเหียนที่เชลซีเป็นครั้งที่สอง 

กุนซือชาวโปรตุเกสจะย้ายออกจากเรอัล มาดริดแน่นอนแล้วจากการคอมเฟิร์มของสโมสรก่อนหน้านี้และเขาก็ถูกพบเห็นในลอนดอนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาซึ่งคาดกันว่ามาคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกลับมาเป็นนายใหญ่ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์อีกครั้ง 

กุนซือวัย 50 ปีนั้นเป็นตัวเต็งจ๋าเบอร์แรกที่จะมาเป็นกุนซือของ"สิงห์บลูส์"ในฤดูกาลหน้าหลังเป็นทั้งข่าวทั้งการบอกใบ้มาตลอดในช่วงหลายเดือนหลังๆ 

ล่าสุดรายงานในสเปนก็บอกว่าทางมูรินโญ่กำลังเคลียร์รายละเอียดให้ลงตัวในการกลับมาอังกฤษของเขาและก็ได้เริ่มต้นตามหาทีมงานของเขาแล้ว 

เชื่อกันว่ารุย ฟาเรียที่ทำงานเป็นโค้ชฟิตเนสให้เชลซีในช่วงที่มูรินโญ่คุมอยู่นั้นจะกลับมา โดยซิลวิโน่ โลโร่ก็จะได้รับข้อเสนอให้มาเป็นโค้ชด้วย 

คริสตอปห์ ลอญิออนโค้ชผู้รักษาประตูก็ได้รับคำมั่นสัญญาว่าเขาจะอยู่กับทีมต่อไป ส่วนเบาเดอไวน์ เซนเด้นที่ถูกดึงมาโดยราฟา เบนิเตซเองก็จะได้อยู่ต่อเช่นกัน 

การเดินหน้าติดต่อทั้งหมดเป็นส่วนนึงของแฟนที่มูรินโญ่วางไว้อย่างพิถีพิถันโดยเชลซีเตรียมจะกลับมาลุยเต็มที่เพื่อแชมป์สำหรับในซีซั่นหน้า 

คาดกันว่ามูรินโญ่จะยังได้รับเงินให้ใช้งานมากถึง 80 ล้านปอนด์เพื่อดึงนักเตะมาร่วมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้เมื่อเขามาจรดปากกาเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ

ที่มา http://sport.mthai.com

ที่มา http://www.goal.com

ที่มา http://www.siamsport.co.th

ที่มา http://sport.sanook.com

ที่มา http://www.soccersuck.com

เครดิต http://mcfc.in.th