ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2557
เอฟเวอร์ตัน 2-3 แมนฯ ซิตี้
สนาม : กูดิสัน พาร์ค
คู่สำคัญปิดท้ายของวันเสาร์ เอฟเวอร์ตันต้องการชัยชนะเพื่อแย่งอันดับสี่จากอาร์เซน่อลแม้จะเป็นการเปิด ทางช่วยให้ลิเวอร์พูลคู่แค้นร่วมเมืองได้แชมป์พรีเมียร์ลีก
ด้านแมนฯ ซิตี้บุกมาเยือนโดยมีสถิติไม่สู้ดีในการลงเล่นที่สนามของทีมท๊อฟฟี่โดยชนะ แค่นัดเดียวจาก 22 ปีหลัง แต่ต้องการสามแต้มเพื่อทะยานนำเป็นจ่าฝูงด้วยผลต่างประตูได้เสียที่เหนือ กว่าหงส์แดง
ในส่วนของการจัดทัพ เจ้าบ้านซึ่งนัดก่อนบุกไปโดนเซาธ์แฮมป์ตันพิชิต 2-0 ได้กัปตันทีมฟิล จากิลก้าหายเจ็บเอ็นหลังเข่ากลับมาลงเล่นเป็นเกมแรกในรอบสิบสัปดาห์ ยังผลให้มีกองหลังธรรมชาติลงบู๊พร้อมกันมากถึงห้ารายโดยดร็อปเคราร์ด เดโลเฟวลงไปนั่งในซุ้ม ขณะที่ซิลแว็ง ดิสแต็งก็ฟิตสมบูรณ์กลับมาเป็นตัวสำรอง
ส่วนอีกตำแหน่งที่เปลี่ยนไปคือแกเร็ธ แบร์รี่ลงเล่นไม่ได้เนื่องจากถูกยืมมาจากทีมมหาเศรษฐี ทำให้ลีออน ออสแมนได้ออกสตาร์ต
ฝ่ายเรือใบซึ่งยังขาดเฆซุส นาบาสที่ข้อเท้าเดี้ยงมีดาบิด ซิลบาหายเจ็บข้อเท้ามีชื่อนั่งอยู่ในซุ้ม และปรับทีมจุดเดียวจากเกมบุกไปชนะคริสตัล พาเลซ 2-0 โดยใช้งานกาแอล กลิชี่เป็นตัวจริงแทนอเล็กซานดาร์ โคลารอฟ
แม้จะเป็นทีมเยือน แต่แมนฯ ซิตี้บุกใส่ก่อน กระนั้นนาทีที่ 6 ทีมท๊อฟฟี่โต้ขึ้นมาทางซ้ายแล้วเลห์ตัน เบนส์ไหลบอลเข้ากลางให้สตีเว่น เนสมิธซัดเรียดจาก 18 หลาออกเสาแรก
ขยับมาถึงนาทีที่ 9 เรือใบได้เตะมุมด้านขวา และเป็นฆาบี้ การ์เซียที่โดดโขก แต่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่ทิม ฮาวเวิร์ดจะคว้าไว้ได้
อย่างไรก็ดี นาทีที่ 11 เอฟเวอร์ตันก็ได้ประตูออกนำอย่างงดงามจากการขึ้นเกมทางซ้ายของเบนส์ที่จ่าย บอลมาหน้าเขตโทษแล้วเนสมิธป้ายคืนให้รอสส์ บาร์คลีย์ง้างยิงปั่นโค้งจาก 20 หลาโดยไม่ต้องจับ ส่งบอลเสียบเสาสองอย่างน่าฮือฮาชนิดที่โจ ฮาร์ทพุ่งปัดไม่ถึง จึงเป็นอันว่าเจ้าบ้านนำ 1-0
ทีมเยือนพยายามตั้งเกมรุกกันใหม่ และได้เสียวในนาทีที่ 16 จากจังหวะที่ยาย่า ตูเร่รับบอลทางซ้ายแล้วอาศัยความใหญ่กระชากเข้าเขตโทษหนีออสแมนได้ แต่จังหวะสับไกส่งบอลข้ามคานนิดเดียว
อย่างไรก็ดี นาทีที่ 22 แมนฯ ซิตี้ก็ตีเสมอได้สำเร็จเมื่อตูเร่รับบอลจากกลางสนามแล้วพาขึ้นไปแทงเข้าเขต โทษด้านขวาให้เซร์คิโอ อเกวโร่ลากเข้าตะบันจาก 16 หลาเข้าเสาแรกเปลี่ยนสกอร์เป็น 1-1 ได้สำเร็จ แต่กองหน้าอาร์เจนไตน์ออกอาการเจ็บขาหนีบให้เห็นทันที
ผ่านมาถึงนาทีที่ 26 อเกวโร่ก็ทิ้งตัวลงนอน ทำให้ผู้ตัดสินเป่าหยุดเกมชั่วคราวเปิดทางให้แพทย์ลงมาดูอาการ ก่อนพาดาวยิงเรือใบเดินเข้าอุโมงค์ไปโดยมีแฟร์นานดินโญ่ได้ลงเล่นแทนในนาที ที่ 28
เกมยังดำเนินไปอย่างสูสีมีโอกาสบุกพอกัน กระทั่งนาทีที่ 39 การ์เซียก็ได้ใบเหลืองจากการทำฟาวล์ดึงขอบกางเกงโรเมลู ลูกากูไม่ให้ลากบอลหนี
และแล้วนาทีที่ 43 เรือใบก็พังตาข่ายเพิ่มจนได้เมื่อแฟร์นานดินโญ่แทงบอลเข้าเขตโทษด้านขวาให้ เอดิน เชโก้ปรี่เข้ากดมุมแคบถูกฮาวเวิร์ดใช้ขาสกัดออกจากเสาแรกได้ แต่มิลเนอร์เก็บบอลได้ทางฝั่งขวาแล้วโยนจากเส้นหลังกลับเข้าเขตโทษให้เชโก้ โขกย้อนศรระยะ 16 หลาเสียบเสาแรกได้สำเร็จ ทำให้อาคันตุกะแซงนำ 2-1
เอฟเวอร์ตันยังไม่ยอมจำนน และทำเกมรุกจนเกือบได้เฮในช่วงทดเวลาเมื่อจอห์น สโตนส์เติมขึ้นทางขวาไปโยนบอลจากมุมธงเข้าเขตโทษโดยมีลูกากูวอลเลย์ระยะ 14 หลาเต็มแรง ส่งบอลข้ามคานไปเอง จบครึ่งแรกทีมเรือใบจึงนำหน้า 2-1
กลับมาเล่นกันใหม่ในครึ่งหลังได้แค่สองนาที ทีมท๊อฟฟี่ก็น่าจะตีเสมอได้จากการโต้กลับฉับพลันโดยบาร์คลีย์แสดงพลังกระชาก บอลจากแดนตัวเองขึ้นมาคนเดียวแล้วแทงเข้าเขตโทษให้เนสมิธหลุดเดี่ยวเข้าซัด แต่ฮาร์ทโชว์ซูเปอร์เซฟปัดบอลหลุดกรอบได้ด้วยปลายนิ้ว
อย่างไรก็ดี นาทีที่ 48 แฟนเจ้าบ้านก็ต้องคอตกเมื่อแฟร์นานดินโญ่โยนบอลยาวเข้าเขตโทษด้านซ้ายให้นา สรี่โยกหลอกสโตนส์ก่อนปาดมาหน้าประตูโดยมีเชโก้แหย่ด้วยหัวเกือกจากหกหลาตุง ตาข่ายพาแมนฯ ซิตี้นำ 3-1
สถานการณ์บีบให้เจ้าบ้านต้องเดินหน้ามากขึ้น ขณะที่แมนฯ ซิตี้ถอยลงต่ำรอหาช่องโต้กลับ กระทั่งนาทีที่ 63 เนสมิธก็ตักบอลจากแถวสองเข้าเขตโทษให้ลูกากูป้ายคืนมา แต่บาร์คลีย์สับไกเฉี่ยวเสาสอง แถมเป็นจังหวะล้ำหน้าของกองหน้าผิวสีก่อนแล้ว
กระนั้นก็ดี อีกสองนาทีให้หลัง เอฟเวอร์ตันก็สอยตาข่ายจนได้เมื่อเบนส์เปิดบอลยาวจากกราบซ้ายเข้าเขตโทษให้ ลูกากูโถมโขกจากสิบหลาชนเสาเข้าประตู ทีมเจ้าบ้านจึงไล่มา 2-3 และมาร์ติน เดมิเคลิสโดนจดชื่อเนื่องจากโวยใส่ผู้ตัดสินว่าเป็นจังหวะล้ำหน้า
หลังเสียประตู แมนฯ ซิตี้ก็เปลี่ยนตูเร่ที่ไม่ฟิตเต็มร้อยออกโดยส่งโคลารอฟลงเล่น ขณะที่เอฟเวอร์ตันใช้งานเดโลเฟวแทนจากิลก้าในนาทีที่ 67 และกดดันทีมเยือนอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่แมนฯ ซิตี้ก็กลับมาเดินหน้าเช่นกันเพื่อพังประตูเพิ่มการันตีชัยชนะ
และแล้วนาทีที่ 71 นาสรี่ก็ผ่านบอลเข้าเขตโทษด้านขวาให้ปาโบล ซาบาเลต้าทะลุเข้าเข่น แต่ฮาวเวิร์ดใช้ขาสกัดทิ้งได้เหลือเชื่อ
เข้าสู่นาทีที่ 75 เรือใบส่งซิลบาลงเล่นแทนนาสรี่ และรักษาสกอร์เอาไว้ได้สำเร็จแม้เอฟเวอร์ตันจะบุกหนัก หมดเวลาชัยชนะจึงตกเป็นของทีมเยือนด้วยสกอร์ 3-2 ทำให้นำเป็นจ่าฝูงแทนลิเวอร์พูลด้วยผลต่างประตูได้เสียที่เหนือกว่า
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด, เชมัส โคลแมน, จอห์น สโตนส์, ฟิล จากีลก้า, อันโตลิน อัลการาซ, เลห์ตัน เบนส์, เจมส์ แม็คคาร์ธี่, ลีออน ออสแมน, รอสส์ บาร์คลี่ย์, สตีเว่น เนสมิธ, โรเมลู ลูกากู
สำรอง : โจเอล โรเบลส, โทนี่ ฮิบเบิร์ต, ลุค การ์บัตต์, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, ไอเดน แม็คเกียดี้, เคราร์ด เดวโลเฟว, ไรอัน เล็ดสัน
แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, มาร์ติน เดมิเคลิส, กาแอล กลิชี่, เจมส์ มิลเนอร์, ฆาบี การ์เซีย, ยาย่า ตูเร่, ซามีร์ นาสรี่, เซร์คิโอ อเกวโร่, เอดิน เชโก้
สำรอง : คอสเทล ปันติลิมอน, โจเลียน เลสค็อตต์, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ, แฟร์นันดินโญ่, ดาบิด ซิลบา, สเตวาน โยเวติช, อัลบาโร่ เนเกรโด้
________________________________________
Cr.www.siamsport.
Tags:
พูดไม่ออกเลยครับ ดีจัยยยยยยยย ใกล้แชมป์แย้ว เย้ฟๆๆๆ 555
เย้ๆๆ ชนะๆๆ
ชนะไป-กลับกับทีมที่ซิตี้แพ้ทาง เหลืออีกสองนัดจะถึงเส้นชัยแล้วว
จ่าฝูงแล้วๆๆๆๆ^^
ค่อย ๆ ไล่ปลดอิทธิพลทางใจ และทางสถิติครับ อีกหน่อยไร้เทียมทาน
ลุ้นมากนัดนี้ เชโก้ช่วงนี้กำลังมั่นใจ ทำไรก็ดีไปหมด ลุ้นให้ยิงต่อเนื่องอีก2เกมส์ที่เหลือ..
ปลื้มเลยครับ ผมรักเรือใบลำนี้ฝุดๆๆ
กลัวจะเสมอตอนโดนไล่มา...ผมปิดทีวี...รอลุ้นผล...ฮาาา
ผ่านมาได้ด้วยดี แต่ก็เกือบเสียว อิอิ
© 2024 Created by thaiMCFC. Powered by