Members

บ็อกซิ่งเดย์3ทีมหัวตารางอาจพลิกชะตาแชมป์!

บ็อกซิ่งเดย์3ทีมหัวตารางอาจพลิกชะตาแชมป์!

 
ฟุตบอล,พรีเมียร์ลีก อังกฤษ,เชลซี,แมนฯ ซิตี้,แมนฯ ยูไนเต็ด
ช่วงปลายปี ลีกลูกหนังเกือบทุกประเทศในยุโรป มักจะปิดพักเพื่อหนีหนาวกัน ยกเว้นอังกฤษ ที่ยังคงกรำศึกกันอย่างต่อเนื่อง แถมยังเป็นเวลาสำคัญอีกต่างหาก เนื่องจากต้องเตะกันถึง 3 เกมใน 7 วัน เรียกว่าเป็นช่วงหลังวัน บ็อกซิ่ง เดย์ จนถึงวันปีใหม่

 

         โดยเฉพาะพวกกลุ่มหัวแถวมักจะเน้นมากเป็นพิเศษ เพราะถ้าหากใครพลาด รับรองได้ว่าทำคะแนนไล่กลับมาลำบากแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมาหลายสโมสรก็เคยเสียท่า เมื่อต้องเจอโปรแกรมสุดโหดเข้าไป และส่งผลถึงตอนท้ายฤดูกาล เราจึงจะลองมาดูกันหน่อยว่า 3 อันดับแรกของพรีเมียร์ลีกในตอนนี้ จะมีคิวดวลแข้งกับใครระหว่างบ็อกซิ่ง เดย์ 2014 จนถึงวันปีใหม่ 2015 แล้วที่ผ่านมาผลงานของพวกเขาเมื่อถึงช่วงนี้ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ผลมักลงเอยอย่างไรกันบ้าง และส่งผลถึงอันดับหลังจบฤดูกาลแค่ไหน

        เชลซี (อันดับ 1 - 42 คะแนน)
        2014
        26 ธันวาคม (เหย้า) เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
        28 ธันวาคม (เยือน) เซาธ์แฮมป์ตัน
        1 มกราคม (เยือน) ท็อตต์แน่ม ฮ็อตสเปอร์
        ปีนี้ถือว่าลูกทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ต้องเจองานหนักมาก เพราะ เวสต์แฮม กับ เซาธ์แฮมป์ตัน ชื่อชั้นอาจเป็นรอง แต่ฤดูกาลนี้ต่างทำผลงานกันดีจนติด 5 อันดับแรกทั้งคู่ สเปอร์ส คือคู่แข่งร่วมกรุงลอนดอนที่อยู่ในท็อปเทนเช่นกัน 8 ครั้งล่าสุดที่ไปเยือน "ไก่เดือยทอง" เชลซี ชนะแค่เกมเดียว
        2013
        26 ธันวาคม (เหย้า) ชนะ สวอนซี ซิตี้ 1-0
        29 ธันวาคม (เหย้า) ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1
        1 มกราคม (เยือน) ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-0
        ถึงแม้ชนะคู่แข่งทั้ง 3 แมตช์ ตั้งแต่บ็อกซิ่ง เดย์ จนถึงวันปีใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ลิเวอร์พูล แต่สุดท้าย เชลซี ก็ไม่สามารถแย่งแชมป์ลีกจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือแซงหน้า "หงส์แดง" ขึ้นไปครองอันดับ 2 แต่มันแสดงให้เห็นว่าต่อให้อยู่ในช่วงเวลาใด มูรินโญ่ มักเก็บคะแนนสำคัญๆได้เสมอ
        2012
        26 ธันวาคม (เยือน) ชนะ นอริช ซิตี้ 1-0
        30 ธันวาคม (เยือน) ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-1
        2 มกราคม (เหย้า) แพ้ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 0-1
        ดูเหมือนว่าการได้ถึง 6 จาก 9 คะแนนในช่วงบ็อกซิ่ง เดย์ จะทำให้ได้โควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม แต่ความจริงพวกเขาไม่น่าพลาดแมตช์กับ ควีนส์ปาร์คฯ เพราะถ้าได้เพิ่มอีก 3 แต้ม คงทำให้ซิวรองแชมป์ลีกแทน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว เพราะ เชลซี มีผลต่างประตูดีกว่า
        2011
        26 ธันวาคม (เหย้า) เสมอ ฟูแล่ม 1-1
        31 ธันวาคม (เหย้า) แพ้ แอสตัน วิลล่า 1-3
        ปีนี้ถือเป็นหายนะ เพราะได้หนึ่งแต้มเท่านั้นในการเฝ้าบ้าน 2 ครั้ง ทั้งๆเจอคู่แข่งที่ชื่อชั้นด้อยกว่า และเพราะไม่มีคะแนนในช่วงบ็อกซิ่ง เดย์ มาช่วยมากพอ ทำให้ท้ายที่สุด เชลซี ก็อดไปเตะฟุตบอลยุโรป หลังจบฤดูกาล 2011-12 เพราะได้แค่อันดับ 6 ตามหลังโควตาสุดท้ายเพียง 1 แต้ม
        2010
        27 ธันวาคม (เยือน) แพ้ อาร์เซน่อล 1-3
        29 ธันวาคม (เหย้า) ชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 1-0
        2 มกราคม (เหย้า) เสมอ แอสตัน วิลล่า 3-3
        เชลซี มีปัญหาตอนทำศึกฤดูกาล 2010-11 เพราะความไม่ค่อยต่อเนื่องของพวกเขา ทำให้ท้ายสุดจึงได้แค่รองแชมป์ลีก โดยตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 9 คะแนน เพราะช่วงบ็อกซิ่ง เดย์ เก็บไปเพียง 4 จาก 9 คะแนน การแพ้ อาร์เซน่อล อาจพอรับได้ แต่ไม่ใช่การเสมอ วิลล่า ในบ้าน


        --------------------------------------------------------------------


        แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อันดับ 2 - 39 คะแนน)
        2014
        26 ธันวาคม (เยือน) เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
        28 ธันวาคม (เหย้า) เบิร์นลี่ย์
        1 มกราคม (เหย้า) ซันเดอร์แลนด์
        โปรแกรมค่อนข้างเบาสำหรับ "เรือใบสีฟ้า" เพราะเจอทีมโซนท้ายตาราง เวสต์บรอมวิช เพิ่งชนะในบ้าน 2 ครั้ง เบิร์นลี่ย์ คว้าชัยนอกรัง 1 เกมเช่นกัน ซันเดอร์แลนด์ ไม่เคยบุกเชือด แมนฯ ซิตี้ ถึงถิ่น ตั้งแต่ 19 ธันวาคม 1981 ช่วงเวลาที่ลูกทีมของ มานูเอล เปเยกรินี่ ในการทำแต้มไล่ เชลซี
        2013
        26 ธันวาคม (เหย้า) ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1
        28 ธันวาคม (เหย้า) ชนะ คริสตัล พาเลซ 1-0
        1 มกราคม (เยือน) ชนะ สวอนซี ซิตี้ 3-2
        เป็น 9 คะแนนที่สำคัญมากของ แมนฯ ซิตี้ เพราะชนะได้แบบฉิวเฉียดทุกเกม แถมหนึ่งในนั้นคือการเชือด ลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นคู่แข่งแย่งแชมป์กันโดยตรง ทำให้เหมือนได้โบนัสพิเศษ เพราะจบฤดูกาล "เรือใบสีฟ้า" ครองแชมป์พรีเมียร์ลีกโดยมีคะแนนเหนือกว่า "หงส์แดง" เพียง 2 แต้มเท่านั้น
        2012
        26 ธันวาคม (เยือน) แพ้ ซันเดอร์แลนด์ 0-1
        28 ธันวาคม (เยือน) ชนะ นอริช ซิตี้ 4-3
        1 มกราคม (เหย้า) ชนะ สโต๊ค ซิตี้ 3-0
        แมนฯ ซิตี้ พลาดแชมป์ลีกฤดูกาล 2012-13 เพราะแพ้เกมที่ไม่ควรแพ้หลายครั้ง รวมถึงเกมกับ ซันเดอร์แลนด์ ในวันบ็อกซิ่ง เดย์ ทั้งๆก่อนหน้านั้น "เรือใบสีฟ้า" ไม่แพ้นอกบ้านมาก่อน ไม่ว่าจะเยือน ลิเวอร์พูล หรือ เชลซี สุดท้ายได้เป็นรองแชมป์ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 11 คะแนน
        2011
        26 ธันวาคม (เยือน) เสมอ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 0-0
        1 มกราคม (เยือน) แพ้ ซันเดอร์แลนด์ 0-1
        ประตูในนาทีสุดท้ายของ ชี ดอง-วอน ทำให้ ซันเดอร์แลนด์ ชนะ แมนฯ ซิตี้ 1-0 ช่วงวันปีใหม่ หลังแค่เสมอ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 0-0 เมื่อวันบ็อกซิ่ง เดย์ การปล่อย 5 แต้มหลุดมือเกือบทำให้พลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกในบั้นปลาย ดีที่ชนะเกมสุดท้าย ทำให้ได้ตำแหน่งจากผลประตูได้-เสีย
        2010
        26 ธันวาคม (เยือน) ชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 3-1
        28 ธันวาคม (เหย้า) ชนะ แอสตัน วิลล่า 4-0
        1 มกราคม (เหย้า) ชนะ แบล็คพูล 1-0
        "เรือใบสีฟ้า" อาจไม่ได้แชมป์ลีกในฤดูกาล 2010-11 แต่ก็เป็นอีกปีที่พวกเขาไม่พลาดในช่วงบ็อกซิ่ง เดย์ 9 คะแนนซึ่งได้มานั้น ช่วยให้พวกเขาได้อันดับ 3 คว้าโควตาไปเตะ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม แบบอัตโนมัติ ส่วนอันดับ 4 ที่มีคะแนนน้อยกว่า 3 แต้ม ต้องเตะรอบเพลย์ออฟ


        --------------------------------------------------------------------


        แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อันดับ 3 - 32 คะแนน)
        2014
        26 ธันวาคม (เหย้า) นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
        28 ธันวาคม (เยือน) ท็อตต์แน่ม ฮ็อตสเปอร์
        1 มกราคม (เยือน) สโต๊ค ซิตี้
        อาจไม่ใช่งานหนักมาก แต่คงไม่ง่ายเท่าไหร่ เพราะ นิวคาสเซิ่ล เคยบุกมาสร้างเซอร์ไพรส์ในการเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ด หนล่าสุด แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่พ่ายใครตลอดเดือนธันวาคมปีนี้ ถ้ายังรักษาฟอร์มเดิมเอาไว้ได้ ลูกทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล น่าจะมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอีกเยอะในปีหน้า แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ "แอลวีจี" เพิ่งสัมผัสกับบรรยากาศบ็อกซิ่งเดย์เป็นครั้งแรกเขาจะสับสันหรือคิดมากในการ จัดทีมมากน้อยขนาดไหนเมื่อสภาพทีมตอนนี้ตัวเลือกมีไม่มากเท่าไหร่
        2013
        26 ธันวาคม (เยือน) ชนะ ฮัลล์ ซิตี้ 3-2
        28 ธันวาคม (เยือน) ชนะ นอริช ซิตี้ 1-0
        1 มกราคม (เหย้า) แพ้ ท็อตต์แน่ม ฮ็อตสเปอร์ 1-2
        อาจได้ถึง 6 จาก 9 คะแนนเต็ม แต่เป็นฟอร์มที่ไม่ค่อยน่าประทับใจนัก เพราะพวกเขาชนะคู่แข่งรองบ่อนอย่าง ฮัลล์ กับ นอริช เพียงแค่ประตูเดียว ก่อนพ่ายคาถิ่นให้ สเปอร์ส ทำให้สถานการณ์ของกุนซือ เดวิด มอยส์ ตอนนั้นยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก และความเชื่อมั่นหมดลงในอีกไม่เดือนต่อมา
        2012
        26 ธันวาคม (เหย้า) ชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 4-3
        29 ธันวาคม (เหย้า) ชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2-0
        1 มกราคม (เยือน) ชนะ วีแกน แอธเลติก 4-0
        อย่าว่าแต่ นิวคาสเซิ่ล, เวสต์บรอมวิช หรือ วีแกน ที่ต้องเจอกันช่วงบ็อกซิ่ง เดย์ ฤดูกาลนั้นไม่มีใครมาหยุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใด พวกเขาปิดท้ายการคุมทัพของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ด้วยผลงานชนะ 28 ใน 38 เกม ครองแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบสบายใจ
        2011
        26 ธันวาคม (เหย้า) ชนะ วีแกน แอธเลติก 5-0
        31 ธันวาคม (เหย้า) แพ้ แบล็คเบิร์น์ โรเวอร์ส 2-3
        หลังชนะ วีแกน แบบถล่มทลาย อีกไม่วันต่อมา "ปีศาจแดง" กลับโดน แบล็คเบิร์น ซึ่งฤดูกาลนั้นถูกลดชั้นลงแชมเปี้ยนชิพ บุกมาเชือด 2-3 และการพลาดแมตช์นี้ อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขาชวดแชมป์พรีเมียร์ลีก เพราะสุดท้ายแล้ว แมนฯ ซิตี้ ปาดหน้าคว้าไปครองด้วยผลต่างประตู
        2010
        26 ธันวาคม (เหย้า) ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-0
        28 ธันวาคม (เยือน) เสมอ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1-1
        1 มกราคม (เยือน) เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2-1
        ความจริง แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบเก็บครบทั้ง 9 คะแนนช่วงบ็อกซิ่ง เดย์ ในปีนั้นด้วยซ้ำ หากไม่พลาดช่วงท้ายเกมกับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ทำให้ได้แค่เสมอ 1-1 อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีนั้นแบบสบายๆอยู่ดีเพราะชนะ 23 เสมอ 11 จาก 38 แมตช์ ทิ้งห่างทีมอื่น 9 แต้ม

        สถิติน่าสนใจช่วงบ็อกซิ่งเดย์
        * มีถึง 11 ครั้งด้วยกันที่จ่าฝูงก่อนเกมบ็อกซิ่งเดย์ จบฤดูกาลด้วยการเป็นแชมป์ โดยแบ่งออกเป็น 4 สโมสร คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 6 ครั้ง (1993/94, 2000/01, 2002/03, 2006/07, 2010/11 และ 2012/13), เชลซี 3 ครั้ง (2004/05, 2005/06 และ 2009/10), แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 1 ครั้ง (1994/95) และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีก 1 ครั้ง (2011/12)

        *ทีมที่นำจ่าฝูงก่อนเกมบ็อกซิ่งเดย์แล้วจบฤดูกาลด้วยอันดับต่ำ ที่สุด คือ แอสตัน วิลลา ที่ร่วงกราวลงไปจบถึงอันดับที่ 6 ในฤดูกาล 1998/99

        *มีเพียงทีมเดียวเท่านั้นที่รั้งบ๊วยก่อนเกมบ็อกซิ่งเดย์แล้วรอด ตกชั้น คือ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในฤดูกาล 2004/05 โดยในปีนี้เป็นเลสเตอรื ซิตี้ที่รั้งบ๊วยด้วยผลงานชนะ 2 เสมอ 4 แพ้ 11 มี 10 แต้มตามหลังทีมโซนปลอดภัยอยู่ 5 แต้ม

/////////////////////////////////////////////////////////////////
Cr. www.siamsport. ติดตามข่าวสารทีมได้ที่เวปหลักแมนซิตี้ไทย http://mcfc.in.th/

Views: 575

Reply to This

Replies to This Discussion

ดูตามโปรแกรมแล้วเชลซีหนักกว่าซิตี้นะครับ แถมเปนเกมเยือนซะสองเกม แต่เราเหย้าสองเกม แล้วยังเปนทีมอยู่ในฟอร์มดีอันดับตารางก้อต้นๆด้วย เลยแอบหวังลึกๆว่าเชลซีอาจจะสะดุด และเปนใจให้เรือใบแล่นฉิวแซงขึ้นหน้าไปอยู่หัวตารางได้ในช่วงนี้ อิอิ แต่ยังงัยเรือใบก้อห้ามสะดุดขาตัวเองก้อแล้วกันครับผม สู้ๆ

..กลัวสิงห์จะไม่สะดุดน่ะซิช่วง Boxcing Day เพราะทีมที่จะเจอน่าจะพลิกชนะสิงห์ลำบาก..

..สโตีกเป็นทีมเดียวที่น่าจะทำให้สิงห์เจอสะดุด แต่ดั๊นไปตายคารังซะนี่..

..หวังทีมอื่นคงยาก คงจะต้องเป็นเรือเองน่ะแหละที่จะจัดการสิงห์แล้วเบียดขึ้นเป็นจ่าฝูงสมศักดิ์ศรี..

..ที่สำคัญอย่าดันสะดุดเสียเองก้อแล้วกัน หุหุ^^

รอเชลซีสะดุดอยู่คับ....

เพราะทีมที่เจอมันไม่หมู....

ผีไม่อยู่ในสายตาเลยดีกว่า เป็นการชิงกันสองบิ๊กที่หนึ่งกับสองเทานั้น

เตะกันทั้งแต่วันศุกร์สบายล่ะ ดูกันตาแฉะ 555+

เราโฟกัส เกมของเราเอง ดีกว่า

ม้าสองตัวเท่านั้น

ถ้าเชลซีผ่านได้ก็ต้องยอมรับถึงความเหมาัะสมในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความให้เรือยอมแพ้ซะล่ะ

ผมว่าสเปอร์ซวยมากเจอทั้งเชลซี ทั้งแมน ยู

เชลซีจะสะดุดช่วง boxing day และอีกช่วงหนึ่งคือ ต้องแข่ง ยูซีเอล.ลีคคัพ,เอฟเอคัพ และ pr แข่งไล่เรี่ยงกัน  2 ช่วงเวลานี้แหละที่ทีมใหญ่ๆ จะพลาดแต้ม 

ก็ต้องมาดูกันครับ ว่า ทีมไหนจะครองจ่าฝูงในช่วง บ็อกำซิ่งเดย์ได้

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.