Members

3 แต้ม และจ่าฝูง

 


     ปรัชญาการเล่นฟุตบอลของแต่ละทีมแตกต่างกันออกไป
 

 

        แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือทีมที่เน้นการเอนเตอร์เทนแฟนๆ ด้วยบอลสไตล์บุก แล้วด้วยประสิทธิภาพในเกมรุก พวกเขาสามารถมองถึง 3 แต้ม ในแต่ละนัด โดยเฉพาะเกมในบ้าน

        แม้ซีซั่นนี้ ทีมเรือใบสีฟ้าแพ้คาบ้านไปแล้ว 2 นัด โดยเฉพาะล่าสุดโดนลิเวอร์พูลบุกมาถล่ม 4-1 กระนั้นพวกเขายังซัดประตูในรังมากสุด

        หากหวังจะเรียกฟอร์มกลับมา คงไม่มีโอกาสไหนดีกว่าการเฝ้ารังตัวเองอีกแล้ว

        จริงอยู่คู่แข่งอย่างเซาธ์แฮมป์ตัน คงไม่ยอมง่ายๆ ในเมื่อทีมนักบุญมีสถิติการเล่นนอกบ้านดีมาก ตลอด 6 นัด ของฤดูกาลยังไม่แพ้ใคร กับสถิติชนะ 2 เสมอ 4 นัด ด้วยกัน

        นี่น่าเป็นแมตช์สู้กันอย่างสนุกแน่

        มานูเอล เปเยกรีนี่ เจอปัญหานักเตะบาดเจ็บล่าสุดคือโจ ฮาร์ท นายทวารมือ 1 จึงไม่มีทางเลือกในการส่ง วิลลี่ กาบาเยโร่ ลงเฝ้าเสาแทน

        ในแนวรับทีมยังคงไม่มี แว็งซ็องต์ ก็องปานี กัปตันทีม ทว่าเหลือบดูรายชื่อแบ็กโฟร์ทั้ง บาการี่ ซาญ่า, นิโกลัส โอตาเมนดี้, มาร์ติน เดมิเคลิส และ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ก็ยังแข็งแกร่ง

        แดนกลาง ฟาเบียน เดลฟ์ ลงเป็นตัวจริงนัดแรกตั้งแต่ย้ายมาช่วงซัมเมอร์ โดยประสานงานกับ ยาย่า ตูเร่และ แฟร์นันดินโญ่

        แล้ววาง ราฮีม สเตอร์ลิง, เซร์คิโอ เกวโร่ "กุน" และ เควิน เดอ บรอยน์ เป็น 3 ประสานเกมรุก

        รายของ ดาบิด ซิลบา เพลย์เมกเกอร์คนสำคัญ หายเจ็บข้อเท้ากลับมา หลังพลาดการลงช่วยทีมไปถึง 9 นัด กระนั้นเทรนเนอร์ชาวชิเลียน ยังไม่กล้าส่งลงเป็นตัวจริง

 

        ฝั่งทีมนักบุญปรับทีม 4 ตำแหน่งจากเกมแพ้สโต๊ค ซิตี้ คาบ้าน 0-1

        ไม่มีรายชื่อของ กราเซียโน่ เปลเล่ กองหน้าคนสำคัญที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบ 5 ใบ รวมทั้ง เซดริก โซอาเรส แบ็กขวาโปรตุกีส เจออาการบาดเจ็บลักพาตัวจากทีม

        โรนัลด์ คูมัน วางทีมในระบบ 4-2-3-1 อันคุ้นเคย

        มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก เฝ้าเสา ปราการหลัง 4 คน ให้ มายะ โยชิดะ ประจำการทางขวา โชเซ่ ฟอนเต้จับคู่กับ เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค โดยที่ ไรอัน เบอร์ทรานด์ รับผิดชอบทางซ้าย

        ตรงกลาง วิคเตอร์ วานยาม่า จับคู่กับ โอริโอล โรเมว ขณะที่เกมรุก ซาดิโอ มาเน่, เจมส์ วอร์ด-เพราส์และ สตีเว่น เดวิส ปั้นเกมบุกอยู่หลัง เชน ลอง

        ไก่ยังไม่ทันโห่ ทีมเรือใบเกือบได้ประตูนำ สเตอร์ลิงอาศัยความเร็วลากจี้เข้าเขตโทษแล้วทำชิ่งกับ ยาย่า ตูเร่ หลุดไปวัดติดเซฟสเตเคเลนเบิร์ก อันเป็นสัญญาณว่าแนวรับนักบุญเจองานหนักแน่นอน

 

 

        เพียง 9 นาที ของเกมสกอร์ขยับ 1-0

        ความเงอะงะของโยชิดะ ที่ไม่รู้จะออกบอลให้ใคร โดนความขยันของสเตอร์ลิงเข้ามาเบียดแย่งบอล ก่อนปีกตัวจี๊ดกระชากไปจนสุดเส้นหลังทางซ้ายแล้วหักมาที่เสาแรก เดอ บรอยน์ สอดมาจิ้มเป็นประตู

        พอนำเร็วแบบนี้ทุกอย่างอยู่ในกำมือของเจ้าบ้าน

        แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสหนีห่างอีกหลายครั้งทั้งฟรีคิกของโคลารอฟ ที่สเตเคเลนเบิร์กต้องออกแรงเซฟ 2 ที จังหวะเกือบหลุดเดี่ยวของ เอล กุน ที่แตะบอลห่างตัวไปนิด

        หรือจังหวะตั้งใจใช้แขนบล็อกบอลของ สตีเว่น เดวิส ที่ โรเจอร์ อีสต์ ผู้ตัดสินใจเกมปล่อยผ่าน

        อย่างไรก็ตาม นาที 20 ประตู ที่ 2 ของเกมก็มาจากลูกเตะมุมที่บอลไปมาหน้าเขตโทษให้เดลฟ์ ตะบันเน้นๆ ก่อนลูกพุ่งไปแลบเท้า ฟาน ไดจ์ค เปลี่ยนทางหมดสิทธิ์ที่สเตเคเลนเบิร์กช่วยได้

        ทุกอย่างอยู่ในกำมือเจ้าบ้าน พร้อมกับเป็นการปลุกเซาธ์แฮมป์ตันให้ตื่น

        พอตั้งใจจะเปิดเกมแลก ทีมเยือนมีลุ้นเหมือนกันทั้งการซัดไกลของ ฟาน ไดจ์ค ที่บอลพุ่งชนคานจังๆ หรือการตวัดยิงของวานยาม่า ซึ่งกาบาเยโร่ต้องบินปัดมือเดียวทิ้งไป

        หากกล้าแลกแบบนี้ตั้งแต่แรกบางทีทีมนักบุญคงไม่อยู่ในสถานการณ์เป็นรอง 2 ประตูช่วงพักครึ่ง

        คูมันแก้เกมด้วยการส่ง ดูซาน ทาดิช ตัวรุกคนสำคัญลงสนามช่วงเริ่มครึ่งหลัง โดย โอริโอล โรเมว ถูกเปลี่ยนตัวออกไป ซึ่งนี่เป็นการเพิ่มความวูบวาบในเกมบุก

        และแค่ 4 นาที ประตูตีไข่แตกก็มา จากฟรีคิกที่เล่นสั้นๆ ให้มาเน่ เปิดบอลจากกราบซ้ายไปหน้าประตู เชน ลอง โขกไม่เหลือ

        กองหน้าไอริช ไม่ใช่นักเตะรูปร่างสูงใหญ่ แค่ 180 ซม. ตามมาตรฐานฝรั่งทั่วๆ ไป แต่กลับเอาชนะ มาร์ติน เดมิเคลิส ในจังหวะเบียดแย่งกันหาจังหวะ แสดงให้เห็นปัญหาในเกมรับของซิตี้ ที่ยังแก้ไม่ตก

        จนกล้องต้องจับไปที่ก็อลปานี บนอัฒจันทร์บ่อยครั้ง

        อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมให้ลูกกลางอากาศของทีมนักบุญ เพราะพวกเขาได้ประตูจากลูกโหม่งมาแล้ว 7 ลูก ในซีซั่นนี้ มากกว่าทุกๆ ทีม

        พอตีไข่แตกได้ ความคึกคักเป็นของทีมเยือนชัดเจน การที่ทาดิชอยู่ในแดนหน้าช่วยเก็บบอลให้ทีม ซึ่งตัวเขาเกือบพาทีมตีเสมอจากจังหวะพาบอลแหวกแนวรับก่อนพยายามยกบอลให้ข้ามกาบาเยโร่ ทว่านายทวารอาร์เจนไตน์ รู้ทันปัดบอลเอาไว้

        จังหวะซ้ำของ สตีเว่น เดวิส ไปโดนแขนของแฟร์นันดินโญ่ แบบเน้นๆ เป็นอีกครั้งที่โรเจอร์ อีสต์ ไม่ว่าอะไร

        ถือว่าเจ๊ากันไปกับจังหวะแฮนด์บอลในครึ่งแรกของทีมนักบุญเอง

        พอโหมหนักๆ แล้วยิงไม่ได้ จังหวะสวนกลับของเรือใบทำให้มาได้ประตูที่ 3 นาที 69 สเตอร์ลิง ลากตัดไปหน้าเขตโทษให้ วิลฟรีด โบนี่ กองหน้าสำรองดีดส้นไปที่ เดอ บรอยน์ ทางกราบขวา

        ปีกเบลเยียมกลับเลือกวางบอลข้ามาให้โคลารอฟ ที่อยู่คนเดียวพักอกแล้วยิงเน้นๆ เบียดเสาเข้าไป

        แม้เหลือเวลาในเกมราว 20 นาที ทว่า แมนฯ ซิตี้ กลับเน้นเล่นประคองตัวเพื่อ 3 แต้ม ขณะที่เซาธ์แฮมป์ตันเครื่องช็อตไปดื้อๆ หลังโดนประตูปิดกล่อง จนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพิ่มเติม

 

        ความปราชัยนอกบ้านนัดแรกของซีซั่นสำหรับเซาธ์แฮมป์ตัน ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ เช่นเดียวกับชัยชนะของทีมเรือใบ

        3 แต้มช่วยให้ทีมกลับมาจากช่วงเวลาที่ย่ำแย่ หนำซ้ำยังเป็นการพาทีมกลับไปนั่งจ่าฝูงอีกครั้ง สำหรับฟุตบอลในวันที่ไม่ได้เล่นดีท็อปฟอร์ม แต่เมื่อทำได้ตามเป้าทุกอย่างก็แฮปปี้แล้ว

 

 

"เอล นินโญ่"

////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

Cr. siamsport. ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th

Views: 559

Reply to This

Replies to This Discussion

สามแต้มด้วย+เอนเตอร์เทนด้วยดีที่สุดแต่ที่สำคัญในตอนนี้ซิตี้ยังเล่นเกมรับได้แย่เสียประตูทุกเกมยามที่ไม่มีกัปตัน สถิตินี้บ่งชี้ได้ว่าซิตี้อันตรายน่ะ

ขอให้สามแต้มต่อเนื่องครับ เดี๋ยวพอมั่นใจความสวยงามจะมาเอง

ทีละเกมไปนะฮะอย่าคิดมาก ฮี่ๆๆ

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.