สิงห์คมกริบหักไก่เดือยหัก 5-1 เข้าชิงเอฟเอ
วันที่ 4/16/2012 2:02:14 AM

Advertisement

© AP Images
ทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี โชว์ความเฉียบขาดที่เหนือกว่าให้เห็นในการถล่ม “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส แบบไม่ยากเย็น 5-1 แม้จะได้ประตูน่ากังขาที่มีผลต่อรูปเกมเกิดขึ้นก็ตาม

ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ (15 เม.ย.55)
สเปอร์ส 1-5 เชลซี
สนาม : เวมบลีย์
ประตู :
0-1 ดร็อกบา 42, 0-2 มาตา 50, 1-2 เบล 56. 1-3 รามิเรส 76.1-4 แลมพาร์ด 80.1-5 มาลูด้า 90

ศึกเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ คู่ที่ 2 เป็นเกม “ลอนดอนดาร์บี้แมตช์” ระหว่าง “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส และ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี โดยเกมนี้ สเปอร์ส ส่งตัวหลักลงสนามเต็มสูบนำโดย เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, ลูก้า โมดริช และแกเร็ธ เบล ขณะที่ เชลซี เลือกดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ลงยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า

สำหรับเกมนี้เปิดฉากมาในช่วงต้นเกมค่อนข้างตึงเครียดโดยต่างฝ่ายต่างพยายามประคองตัวเล่นช้าๆไม่ให้เพลี่ยงพล้ำไปก่อน แต่ก็พอมีโอกาสลุ้นกันบ้างโดย เชลซี มีจากฟรีคิกระยะไกลกว่า 40 หลาที่ ดร็อกบา ตัดสินใจซัดเหินข้ามคานออกไป ขณะที่ สเปอร์ส ก็มีโอกาสของราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ที่ได้ตั้งป้อมซัดหน้าเขตโทษแต่หลุดกรอบไปเยอะ

จากนั้นเกมค่อยๆเริ่มมีการเปิดแลกกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดย เชลซี พลาดโอกาสทองในนาททีที่ 27 เมื่อ ไคล วอล์คเกอร์ พลาดเสียบอลให้แก่ ซาโลมง กาลู ที่ตัดบอลได้ก่อนกระชากไปถึงหน้าเขตโทษแล้วไหลตัดแนวรับให้ ฆวน มาตา ที่วิ่งสอดขึ้นมาได้สวยแล้วแต่สุดเหยียดทำให้จับบอลยาวไปเข้าทาง คาร์โล คูดิิชินี่

สเปอร์ส ก็มีโอกาสเหมือนกันในนาทีที่ 36 จากจังหวะที่อเดบายอร์ ลุยไปทางซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางมาให้ ฟาน เดอร์ ฟาร์ท โขกเช็ดไปเสาไกล มีอารอน เลนน่อน แปะบอลคืนให้ ฟาน เดอร์ ฟาร์ท สอดขึ้นมาซัดเผาขนแต่ว่าไปติด จอห์น เทอร์รี่ ที่สกัดบอลได้จากเส้น

ทีมของแฮร์รี่ เร้ดแนปป์ ที่เริ่มเล่นดีกว่าในช่วงนี้ยังน่าจะได้อีกครั้งเมื่อ ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ครอสบอลทแยงเข้าเขตโทษได้อย่างสวยมี อเดบายอร์ สอดขึ้นมาแต่อเดบายอร์ ตัดสินสินใจไม่ชาร์ตปล่อยบอลกระเด้งตกพื้นก่อนไปชนเสา

แต่ก่อนหมดครึ่งแรก 2 นาที เชลซี มาได้ประตูขึ้นนำจากความสุดยอดของ ดร็อกบา คนเดียวที่ได้บอลสาดยาวขึ้นมาโดยเทอร์รี่ และสามารถพักบอลได้สวยก่อนเกี่ยวบอลหนี วิลเลียม กัลลาส ไปดื้อๆแล้ววิ่งไปตะบันด้วยอีซ้ายบอลพุ่งเป็นจรวดเบียดเข้าเสาแรกชนิด คูดิชินี่ บินไปเซฟก็ไม่ถึง ทำให้เกมจบครึ่งแรกด้วยประตูนำ 1-0 ของเชลซี

เข้าสู่ครึ่งหลังไม่ทันไร เชลซี เกือบได้ประตูอีกครั้งเมื่อเชลซี เปิดบอลเข้ามาในเขตโทษ ดร็อกบา จับบอลไม่ดีแต่ยังมาเข้าทาง มาตา วอลเล่ย์ตามน้ำสวยๆแต่คูดิชินี่ ล้มตัวเซฟได้อย่างยอดเยี่ยม

แต่จังหวะถัดมา เชลซี มาได้ประตูหนีเป็น 2-0 แบบมีโชคจากจังหวะชุลมุนของลูกเตะมุม โดยลุยซ์ ซัดไปติดเซฟของคูดิชินี่ ก่อนจะมาเข้าทาง มาตา ตามซ้ำดาบสองบอลไปขลุกขลิกบนเส้นประตูโดยผู้ตัดสินเป่าให้เป็นประตู ทำเอานักเตะสเปอร์ส ประท้วงเป็นการใหญ่เนื่องจากภาพช้าแสดงให้เห็นชัดว่าบอลยังไม่ข้ามเส้น

สเปอร์ส ไม่ท้อพยายามฮึดและมาได้ประตูตีไข่แตกจากจังหวะที่สกอตต์ ปาร์คเกอร์ แทงทะลุช่องให้ อเดบายอร์ ทะลุเข้าเขตโทษคนเดียวก่อนโดนปีเตอร์ เช็ก รวบล้มในเขตโทษ แต่ยังมี เบล ที่ตามาซ้ำเข้าไป ไล่ตามมาเป็น 2-1 ในนาทีที่ 56 ส่วน เช็ก รอดตัวไม่โดนแม้แต่ใบเหลือง ขณะที่ ดาวิด ลุยซ์ ได้รับบาดเจ็บต้องโดนเปลี่ยนตัวออกทันที

เกมสู้กันอย่างดุเดือด เชลซี ก็ไม่ยอมเหมือนกันโดย กาลู จ่ายให้ดร็อกบา ได้หลุดกำลังจะง้างเท้ายิงแต่ว่าติดคิงที่ตามมาบล็อกได้ทัน ก่อนที่ สเปอร์ส จะมีการปรับเกมส่ง เจอร์เมน เดโฟ ลงสนามมาแทน ฟาน เดอร์ ฟาร์ท

แต่ยังไม่ทันไรนาทีที่ 76 เชลซี ก็มาได้ประตูหนีเป็น 3-1 แบบง่ายๆเมื่อ มาตา พาบอลขึ้นมาเองก่อนมองเห็นช่องแล้วงัดบอลนิ่มๆให้ รามิเรส ทะลุเข้าเขตโทษก่อนหลุดไปชิพข้าม คูดิชินี่ อย่างเหนือชั้น

อีก 4 นาทีถัดมา สกอร์ก็ขาดเป็น 4-1 เมื่อ เชลซี ได้ฟรีคิกระยะ 30 หลา และเป็น แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ซัดฟรีคิกมหัศจรรย์บอลพุ่งก่อนมุดเสียบใต้คานเข้าไปอย่างสุดยอด เป็นประตูฝังสเปอร์ส ไปโดยปริยาย

ช่วงเวลาที่เหลือ เชลซี ยังมายิงฝังได้อีกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บอีกจากจังหวะที่ มาตา ชิพบอลให้ ฟลอร็องต์ มาลูด้า หลุดไปแปลอดขาคูดิชินี่ เข้าไป ก่อนจะเอาชนะไปสบายๆ 5-1 และได้ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ ลิเวอร์พูล ในเดือนหน้า