เสียสมาธิในช่วงท้ายเกมเพียงนิดเดียวเปลี่ยนผลการแข่งขันได้เลยนะครับ...
น่าเสียดายสุดๆ เกมนี้คล้ายกับที่แพ้ เดอะ โบโร่ มา 0-2 คือเล่นใช้ได้ หาจังหวะจบได้เป็นระยะ แต่แปรเปลี่ยนเป็นสกอร์ไม่ได้เท่านั้นเอง สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิม แต่ก็นี่แหละครับฟุตบอล บางครั้งก็มีลูกยิงที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ต้องชมเชย เอฟเวอร์ตัน อยู่บ้างเหมือนกัน ที่มีความพยายามไม่ลดละ และใจสู้ จนสามารถเก็บชัยชนะนอกบ้านได้สำเร็จอีกนัด
แต่สำหรับกองเชียร์ฝั่ง ซิตี้ เราก็แน่นอนครับ อารมณ์ค้าง อึ้ง อึน และ คงออกอาการมึนกันเป็นแถว ว่ามันแพ้ได้ยังง้ายยย!!! เมื่อทีมเจ้าบ้านอย่าง เดอะ ซิติเซ่น มีโอกาสลงโทษผู้มาเยือนหลายต่อหลายครั้งแต่กลับทำไม่ได้ เชื่อว่าแฟนหลายท่านคงเกิดอาการตะหงิดๆว่า โดนแหงๆ(เลยว่ะ) และก็โดนจริงๆครับ
สืบเนื่องจากความปราชัยนัดนี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงเหตุผลในการมองหาตัวจบสกอร์ระดับ "ท๊อปคลาส" ของ มาร์ค ฮิวจ์ ได้เป็นอย่างดี ถ้า แมน ซิตี้ แปรเปลี่ยนโอกาสที่มีให้เป็นประตูได้สักลูก ผลการแข่งขันอาจสลับขั้วจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยก็เป็นได้
จะว่าไปแล้ว เอฟเวอร์ตัน ชุดบุกเยือน ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ เมื่อคืนนั้น ขาดกองหน้าตัวหลักทั้ง ยาคูบู และ หลุยส์ ซาฮา ดูได้จากการขยับ ทิม เคฮิลล์ ซึ่งเป็นมิดฟิลด์โดยธรรมชาติขึ้นมายีนค้ำในตำแหน่งหน้าเป้า ส่วนผลงานโดยรวมและการประสานงานกับผู้เล่นแกนรุกรายอื่นๆ แม้จะมีจังหวะวูบวาบให้เห็นอยู่บ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่ถึงกับสร้างความกังวลใจให้แนวรับของ ซิตี้ ได้มากมายนัก จะมีทีเด็ดก็ตรงลูกฉาบฉวยจากจังหวะ ฟรีคิก ของ มิเกล อาเตต้า และ ลูกเซ็ตพีซต่างๆนั่นแหละครับที่พอจะป่วนเกมรับเจ้าบ้านได้บ้าง และก็เห็นผลในนาทีสุดท้ายของการทดเวลา(จริงๆด้วย)
รูปเกมไม่เลว แต่ถ้าเหลือบมองผลการแข่งขันมันก็ยากที่จะทำใจยอมรับ(ก็พอเข้าใจครับ)
ผมไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของ มาร์ค ฮิวจ์ ความเป็นไปใดๆที่อาจเกิดขึ้นกับกุนซือรายนี้ ผมไม่ได้มีส่วนในการตัดสินหรือเดือดเนื้อร้อนใจไปกับเค้า แต่เชื่อว่าจากผลการแข่งขันในหลายๆนัด ฮิวจ์ เองก็ผิดหวังกับผลงานของลูกทีมเช่นกัน การสลับตำแหน่งให้กับนักเตะในบางโอกาสบางครั้งมันก็สามารถโชว์ให้เห็นถึงกึ๋น คล้ายๆการลองเสี่ยงดวงดูนั่นแหละครับ "ถ้าไม่ลองสักตั้ง มันจะดังได้ไง" บางครั้งเวิร์ค บางครั้งก็ไม่
การเลือกใช้งานนักเตะส่วนใหญ่ดูจากผลงานในสนามซ้อมเป็นหลัก บางคนซ้อมได้ดีในตำแหน่งใหม่ แต่พอลงเล่นในแมตช์ที่ต้องการผลจริงๆกลับทำได้ไม่เอาไหน เหล่านี้ก็มีความเป็นไปได้ครับ(แล้วหยั่งงี้เราจะโทษใคร???) สำหรับการจัดตัวของ ฮิวจ์ เอง ในสายตาผม หลายครั้งก็สร้างความประหลาดใจ(แบบว่ามันจะดีเร้อออ จัดมางี้???) แต่ฟอร์มการเล่นกลับออกมาดี ตรงส่วนนี้ก็ควรให้เครดิต... แต่อย่างว่าละครับ ในเมื่อมันคือการเสี่ยง บางครั้งผลลัพธ์ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังเสมอไป เมื่อนักเตะไม่ใช่เครื่องจักรที่มีการประมวลผลเอาไว้ล่วงหน้าว่าจะสามารถเล่นได้ตามศักยภาพที่ควรจะเป็นในทุกๆแมตช์การแข่งขัน
แผนการเล่นเป็นทฤษฏีที่มีรูปแบบตายตัว แต่กับมนุษย์เป็นอะไรที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ บางครั้งเล่นไม่ได้ตามแผน ทำได้ไม่ดีเท่าตอนซ้อม อันนี้ก็น่าเห็นใจแทนตัวกุนซือเหมือนกัน ถามว่าภายใต้การทำทีมของ ฮิวจ์ มีพัฒนาการให้เห็นมั้ย??? ...มีแน่นอนครับ แต่ยังไม่ชัดเจนเท่านั้นเอง อย่างน้อยๆเราก็ได้เห็นพัฒนาการ การปรับตัว และมาตรฐานที่คงเส้นคงวาขึ้น ของ VK, ซาบาเร็ตต้า หรือ ไอร์แลนด์ เหล่านี้เป็นสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในยุคของ มาร์ค ฮิวจ์ ทั้งสิ้น ยิ่งในรายของ ไอร์แลนด์ ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกสบประมาทเอาไว้ต่างๆนาๆ ในช่วงเวลาของ สเวน แต่ในทางกลับกัน ทุกวันนี้ "เจ้าหนุ่มซูเปอร์แมน" ยืนอยู่ตรงจุดไหนแล้วจากฟอร์มการเล่นที่เราเห็นกันในทุกๆเกมส์???
สเวน โกรัน อีริคสัน อาจสร้างความประหลาดใจให้ใครหลายต่อหลายคนในช่วงแรกๆกับผลการแข่งขันที่ดีเกินคาด แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าทีมอื่นๆยังจับแนวทางการเล่นของ เฮียเถิก ไม่ได้ ไม่รู้ข้อมูลนักเตะเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะรับมือ แต่เมื่อครึ่งฤดูกาลหลังเปิดฉากขึ้น ทีมอื่นๆเริ่มตั้งตัวได้ ข้อมูลครบครัน ทีนี้โมเมนตั้มเริ่มเปลี่ยน กลับกลายเป็น สเวน เสียเอง ที่ต้องพบเจองานยากขึ้นบ้างในการพาทีมเก็บแต้มแต่ละนัด แผนเน้นรับและสวนกลับที่เคยเห็นผลชงัดเริ่มถูกจับทางได้ง่าย สุดท้ายหนีชะตากรรมไม่พ้น ถูกปลดอย่างที่เห็นกัน
อีกทั้งคำกล่าวที่ว่าแนวรับในเวลานั้นเหนียวแน่นกว่าทีมชุดปัจจุบัน ก็ดูเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ เมื่อกล้าๆเสียถึง 14 ประตูเน้นๆ ให้กับคู่แข่ง อย่าง เชลซี และ โบโร่ จากการลงสนามเพียง 2 นัด หากแม้ สเวน ยังทำทีมอยู่ ณ เวลานี้ ก็ไม่มีอะไรจะมาการันตีได้ว่า กุนซือจอมเจ้าชู้ จะสามารถรังสรรค์ผลงานได้เตะตากว่า มาร์ค ฮิวจ์ เพราะทีมนี้ก็มีองค์ประกอบที่แตกต่างกันออกไปจากปีก่อน
ฟอร์มการเล่นของทีมโดยรวมในยุค MH's Revolution ณ เวลานี้ก็จัดอยู่ในขั้นพอรับได้(ในความเห็นของผม) อย่างน้อยๆก็มีบางนัดที่แสดงให้เห็นถึง Potential อยู่บ้าง แต่ทว่า...หากยังไม่มีอะไรคืบหน้ายิ่งขึ้นไปกว่านี้ นานวันเข้าอาจมีผลกระทบกระเทือนต่อตำแหน่งหน้าที่ของ ฮิวจ์ ได้เช่นกัน
ตลาดซื้อขายนักเตะรอบ 2 เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ฝีมือในการคัดสรรนักเตะที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับระบบทีม เมื่อถึงเวลานั้นคงได้เห็นหน้าเห็นหลังกันชัดๆ ว่าตัวกุนซือมีดีขนาดไหน??? ควรค่าแก่การคุมเรือใบลำนี้ต่อไปหรือไม่??? ถ้าผลงานดีขึ้นเสียงวิจารณ์ที่เคยดังเซ็งแซ่ก็จะค่อยๆหายไปเอง(ซึ่งมันก็น่าจะดีขึ้นละครับ อย่างน้อยทีมก็มีความยืดหยุ่นขึ้น)
เอาเป็นว่าหลังตลาดซื้อขายปิดตัวลงค่อยมาว่ากันด้วยเรื่องนี้อีกสักหน จนกว่าจะถึงเวลานั้นก็ขอให้ทุกท่านสนุกสนานกับการเชียร์ฟุตบอล และ ติดตามข่าวสารการซื้อขายอย่างสบายอารมณ์กันดีกว่าครับ...
River.
Tags:
-
▶ Reply to This