ปัจจุบันนี้ ปัญหา "โลกร้อน" กลายเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกมองเห็น และยอมรับว่า เป็นเรื่องใกล้ตัวเกินกว่าที่เราจะมองข้ามได้อีกแล้ว ทุกแขนงทุกวงการต่างหันมารณรงค์ช่วยกันเพื่อให้ปัญหาโลกร้อนทุเลาเบาบางลง
ไม่เว้นแม้แต่ในวงการฟุตบอลอังกฤษ ลีกการแข่งขันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งได้มีการตื่นตัวเรื่องนี้มาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว วันนี้เราจะมาดูกันว่า ลีกลูกหนังผู้ดีเขามีวิธีการเด็ด ๆ ที่ช่วยเซฟโลกอย่างไรกันบ้าง?
แน่นอนว่า การแข่งขันฟุตบอลนัดหนึ่ง ๆ ได้ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก ซึ่งถือเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางของแฟน ๆ หลายหมื่นคนเพื่อมาชมแมตช์การแข่งขัน พลังงานต่าง ๆ มากมายที่ถูกใช้ไปในสนามแข่ง
จะทำอย่างไรให้การแข่งแต่ละนัดผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง ? นักฟุตบอลชื่อดังทั้งหลายที่รับค่าเหนื่อยมหาศาล มีวิธีการช่วยเหลือเรื่องนี้เช่นไรบ้าง ?
เริ่มต้นกันที่สโมสรฟุตบอลว่า มีมาตรการอย่างไรในการช่วยแก้ไขปัญหาโลกร้อน ไปกันที่ทีม “ม้าขาว” อิปสวิช พวกเขาเลือกที่จะทำบางสิ่งที่แตกต่าง เพื่อช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเป็นสโมสรแห่งแรกในเกาะอังกฤษที่แสดงความรับผิดชอบต่อภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง
ในหนึ่งฤดูกาล ทีมอิปสวิช ทาวน์ ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 3,200 ตัน พวกเขาต้องการลดปริมาณลง และได้ขอให้แฟนบอลปฏิญาณว่า จะช่วยกันลดการใช้พลังงานต่าง ๆ พวกเขาได้รับเงินสนับสนุนสำหรับโครงการนี้จากสปอนเซอร์เป็นตัวเลขสูงถึง 5 หลัก
เจสัน เด วอส กัปตันทีมอิปสวิช เปิดเผยว่า นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แฟนบอลหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนเดินทางมาดูเกมแทนที่รถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนมาใช้หลอดประหยัดไฟ ไม่เสียบปลั๊กกาต้มน้ำไฟฟ้าทิ้งเอาไว้
“สโมสรเปลี่ยนแปลงแนวทางการบริหารงาน นักเตะหลายคนใช้รถร่วมกันเพื่อเดินทางมาฝึกซ้อมและลงแข่ง มันอาจไม่ได้ช่วยเหลือโลกอะไรได้มากมาย แต่มันแสดงให้เห็นว่า เรามีความจริงจังที่จะช่วยประหยัดพลังงาน”
ด้าน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี เป็นทีมแรกที่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้ได้เอง โดยโครงการนี้จะเริ่มต้นใช้งานจริงในเดือน ต.ค. ปี 2007 พวกเขาได้สร้างระบบกังหันลมที่ช่วยในการผลิตไฟฟ้าได้เอง
พีต แบรดชอว์ ผู้จัดการฝ่ายรับผิดชอบต่อสังคมของทีมแมนฯ ซิตี เปิดเผยว่า “เราจะเป็นสนามฟุตบอลแห่งแรกในโลกที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้ได้เอง”
นอกจากนี้ แมนฯ ซิตี ยังนำขยะทั้งหมดที่เกิดขึ้นในสนามไปรีไซเคิล หญ้าที่ถูกตัดจากสนามจะนำไปทำปุ๋ยหมัก แก้วน้ำ, กระดาษ, ถ้วยพลาสติก และขวดพลาสติก จะถูกนำไปรีไซเคิล
“เรารีไซเคิลทุกสิ่งที่เราใช้ประมาณ 90-100% ความรับผิดชอบต่อชุมชนเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเรา สิ่งแวดล้อมที่ดีคือหัวใจสำคัญของชุมชน”
ทางฝั่ง “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล และ “โบโร” มิดเดิลสโบรห์ มีโครงการที่จะทำระบบกังหันลมผลิตไฟฟ้าเหมือน แมนฯ ซิตี เช่นกัน ขณะที่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ได้จัดทำโครงการที่ให้รางวัลพิเศษเป็นตั๋วเข้าชมเกมกับเหล่าวัยรุ่นทั้งหลายที่ช่วยทำความสะอาดเมือง
ในส่วนของนักเตะที่รับรายได้มหาศาล จะมีส่วนร่วมกับการรณรงค์ช่วยรักษาโลกร้อนได้อย่างไรบ้าง ?
เจสัน เด วอส กล่าวว่า “เราสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยประชาสัมพันธ์เรื่องการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมได้”
ฝ่าย เดวิด เจมส์ นายทวารทีมชาติอังกฤษของ “ปอมปีย์” ปอร์ตสมัธ ออกมาเสนอไอเดียที่น่าสนใจว่า ให้ทางผู้บริหารลีกฟุตบอลของชาติต่าง ๆ ร่วมกันจัดการแข่งขันเกมกระชับมิตร เพื่อหารายได้ไปใช้ในการช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน
ทางด้านแฟนบอลทั้งหลาย ส่วนใหญ่ต้องการเดินทางมาส่งเสียงเชียร์ทีมรักในสนามอย่างท่วมท้นแทบทุกนัดที่ลงแข่ง แต่จากการวิจัยของ ดร.อันเดรีย คอลลินส์ แห่งมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ ได้เปิดเผยว่า การแข่งขันฟุตบอลนัดหนึ่ง ๆ จะก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมหาศาล จากการเดินทางของแฟนบอล, อาหารที่ใช้ในการบริโภค และขยะจำนวนมโหฬาร จากผลการวิจัยเกมในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอคัพ ปี 2004 ระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ มิลล์วอลล์ มีคนเข้าชมเกมมากถึง 73,000 คน ที่สนามมิลเลนเนียม สเตเดียม 43% ของผู้ชมใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางมาดูเกม มีเพียง 24% ที่เดินทางโดยระบบขนส่งมวลชนของประเทศ ปัญหาด้านขยะคืออีกสิ่งสำคัญ ตั๋วรถไฟ ตั๋วรถเมล์ เป็นอีกส่วนของขยะที่มีมากเหลือเกิน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลอังกฤษ ที่จะต้องหาทางแก้ไขในส่วนนี้ ส่วนแฟนบอลควรหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนแทนรถส่วนตัวในการเดินทางมาชมเกม และไม่พยายามสร้างขยะ โดยหันมาใช้ของที่รีไซเคิลได้ อย่างเช่น ขวดหรือแก้วน้ำที่ทำจากแก้ว หลีกเลี่ยงพลาสติก รวมทั้งไม่ใช้กระดาษมากเกินไป
สำหรับในอนาคตของฟุตบอลอังกฤษ โฆษกของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตอนนี้ทางเอฟเอกำลังทำการศึกษาเรื่องช่วยเหลือโลกร้อนอย่างจริงจัง โดยหวังจะลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นจากฟุตบอลนัดหนึ่ง ๆ ให้น้อยลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป้าหมายในอนาคตที่จะทำให้ลีกฟุตบอลอังกฤษกลายเป็นลีกสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
บัณฑิต พิศาลจำเริญ
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์