Members

ภาพชัดเจน...แชมป์โลกและแพ้บ๊วยในวันเดียวกัน

ภาพชัดเจน...แชมป์โลกและแพ้บ๊วยในวันเดียวกัน


สัปดาห์ที่ผ่านมามีบอลรายการสำคัญเตะช่วงเวลาเย็นๆอันเป็น prime time (ของผม เอิ๊กๆ)จนต้องงดออกกำลังกายเตะฟุตซอลในซอยท้ายหมู่บ้านที่เล่นเป็นประจำจนกลายเป็นคุณปู่สนามไม่ว่าจะเป็นชิงแชมป์สโมสรโลกหรือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ

ซึ่งจะว่าไปแล้วคนนอนเช้าตื่นบ่ายอย่างพวกเรานักข่าวเจอเวลากั๊กๆแบบนี้เลยต้องงดกิจกรรมนอกบ้านไปโดยปริยายเป็นเหตุทำให้ตื่นปุ๊บก็ต้องเตรียมงานปั๊บ เผลอแป๊บเดียวก็มืดค่ำมีบอลรออยู่อีกเพียบ ไอ้ครั้นไม่ดูก็ไม่ได้เดี๋ยวนั่งเทียนบอกแมนฯยูฯเล่นไม่ดีชนะแค่ 1-0 จะปล่อยไก่ไปซะเปล่า ฮา

บ่นเป็นตาแก่ไม่ใช่อะไรหรอกครับปูทางเข้าเรื่องเฉยๆเพราะแชมป์สโมสรโลกสมัยที่สองหรือสมัยแรกนับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อจากโตโยต้า คัพเป็นเกมที่แมนฯยูไนเต็ดต้องสู้กับตัวเองจนกระทั่งมาได้ประตูก่อนหมดเวลา 16 นาที

กล่าวคือนี่เป็นหนึ่งในคู่ชิงระหว่างตัวแทนยุโรปและอเมริกาใต้ที่สูสีน้อยที่สุดในรอบหลายปีเพราะลีกา เด กีโต้ตัวแทนจากเอกวาดอร์มีจุดขายอยู่ที่มันโซ่เพลย์เมคเกอร์ฉบับกระเป๋าแค่คนเดียวเท่านั้นเอง

นอกจากเกมรุกที่ต้องมาพักบอลที่มันโซ่แทบทุกครั้งแต่บุกไม่ขึ้นเนื่องจากตัวรุกแดนหน้าแทบไม่มีแล้วแนวรับเข้าขั้นมีปัญหาหนักเพราะลูกวางยาวของไมเคิ่ล คาร์ริคมาถึงคนตัวเล็กที่สุดในทีมอย่างคาร์ลอส เตเบซและเวย์น รูนีย์ในแดนหน้าแทบทุกครั้ง

ดังนั้นที่บอกไว้ข้างต้นว่ายูไนเต็ดสู้กับตัวเองนั้นเพราะในระหว่างที่พวกเค้าครองเกมอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกลับไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสที่มีนับไม่ถ้วนซึ่งแยกออกเป็นล่อเป้าในกรอบเกิน 50% ให้เป็นประตูได้แม้แต่ลูกเดียว

เหตุการณ์ใบแดงของเนมันย่า วิดิชที่เล่นนอกเกมโดยไม่จำเป็นตั้งแต่ต้นครึ่งหลังจึงแค่ช่วยทำให้แฟนบอลในสนามตื่นตัวจากรูปเกมที่ออกมาสูสีขึ้นมาเพียงเล็กน้อยตามความฮึกเหิมของฝั่งกีโต้แต่สุดท้ายแล้วคุณภาพโดยรวมของตัวแทนจากอเมริกาใต้ไม่สามารถคุมเกมเหนือ"ปิศาจแดง"ที่เสียเปรียบตัวผู้เล่นได้เลย

สรุปแล้วความมหัศจรรย์ของมันโซ่ในวัย 29 ปีคนเดียวไม่สามารถแบกโลกเอาไว้ได้ทั้งหมดและกีโต้ไม่มีอาวุธหลากหลายพอที่จะเจาะแนวรับ"ปิศาจแดง"ซึ่งผ่านมรสุมทั้งเวทีพรีเมียร์ลีกและแชมเปียนส์ลีกมาอย่างโชกโชม

เงินรางวัล 6 ล้านปอนด์(ค่าโชว์ตัว 3 ล้านปอนด์และแชมป์อีก 3 ล้านปอนด์)พร้อมรถโตโยต้าในฐานะแมน ออฟ เดอะ แมทช์ของเวย์น รูนีย์คือผลพลอยได้ครับ

เพราะจุดสำคัญจริงๆของการมาเยือนญี่ปุ่นในฐานะแชมป์สโมสรโลกครั้งนี้เป็นมารับใบ"อย."เพื่อตอกย้ำว่ายูไนเต็ดเป็นทีมอันดับหนึ่งของมหาชนอย่างเป็นทางการที่ประสบความสำเร็จทั้งทางด้านการตลาดและในเรื่องของโทร์ฟีย์หรือภาษาวงการภาพยนต์คือเสพสุขทั้งเงินทั้งกล่อง

อย่างน้อยๆเรอัล มาดริดพี่เบิ้มของโลกตลอดกาลถูกแมนฯยูฯดึงส่วนแบ่งการตลาดและจุดแข็งต่อแบรนด์สินค้าหากไม่ทั้งหมดก็เรียกว่าเป็นตัวมารผจญตัวจริงเสียงจริง

นี่ยังไม่รวมแม่งานระดับอินเตอร์อย่างคริสติอาโน่ โรนัลโด้นักเตะในสไตล์ละตินที่"ราชันชุดขาว"วอนท์อย่างหนักอีกนะครับเนี่ย

อย่างไรก็ดีภาระกิจระยะยาวของ"ปิศาจแดง"คือต้องเปิดซิงด้วยชัยชนะนัดแรกหลังกลับมาจากญี่ปุ่นรวมทั้งหาช่องทางเก็บตกเกมตกค้างอีก 2 นัดให้เป็น 3 แต้มให้ได้เพื่อเติมเต็มรายการสโมสรโลกให้สมบูรณ์และพูดได้เต็มปากว่าไม่เสียเที่ยว

พอพูดถึงความสำเร็จของ"ปิศาจแดง"กับโทรฟีย์"อินเตอร์"ที่เพิ่มฐานโพรไฟล์ให้ตัวเองแล้วทำให้อดย้อนกลับมามองทีมที่เคยประกาศขอเป็นเบอร์หนึ่งในเมืองแมนเชสเตอร์อย่าง"เรือใบ"ไม่ได้

ณ เวลานี้เสียงที่เคยคำรามเป็นเบอร์หนึ่งโลกภายในปีนั้นปีนี้หรือความสำเร็จคือไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกซีซั่นหน้าเป็นอย่างน้อยถูกแทนที่ด้วยคำถามมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเอาตัวรอดไม่ตกชั้นเพื่อตั้งหลักกันใหม่ฤดูกาลหน้า

ครับผมมองว่าเชลซีในวันที่"อากู๋"โรมัน อับราโมวิชเข้ามาเทคโอเวอร์กับ"เรือใบ"ของชาวอาหรับมีความแตกต่างกันตรงความแน่นของโครงสร้างและไทมมิ่งในการเสริมทัพ

ก่อนโจเซ่ มูรินโญ่มาเชลซีแน่นปึ๊กอยู่แล้วขาดเพียงความสม่ำเสมอซึ่งเป็นคุณสมบัติของทีมลุ้นแชมป์และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เคลาดิโอ รานิเอรี่กุนซืออ่อนภาษาถูกปลดแม้ในปีนั้นจะพาทีมคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกก็ตาม

มูรินโญ่ซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทีมที่ดีอยู่แล้วซึ่งมีเวลาเหลือเฟือในซัมเมอร์ปี 2004 + ความเป็นสเปเชี่ยล วันตามที่ทำได้ตามปากเงินที่"อากู๋"ลงทุนไปในช่วงแรกๆจึงถือว่าคุ้มค่าต่อการยกระดับเชลซีไปแล้ว

แต่ทุกอย่างตรงกันข้ามกับมาร์ค ฮิวจส์ที่ขุมกำลังแมนเชสเตอร์ ซิตี้ขาดบาลานซ์ตั้งแต่เริ่มแรกและการเทคโอเวอร์ของอาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ปมีเหตุต้องลากยาวกระทั่งวันเดดไลน์ย้ายทีมจนช็อกโลกคว้าโรบินโญ่มาจากเรอัล มาดริดอันเป็นค่าตัวสถิติเกาะอังกฤษ

จริงๆแล้ว ADUG ไม่ได้เทคโอเวอร์"เรือใบ"อย่างเป็นทางการจนกระทั่งผ่านเดดไลน์มาหลายสัปดาห์แต่เพราะรายละเอียดหลักๆได้ตกลงกันหมดแล้วจึงทำให้เงิน 34 ล้านปอนด์เพื่อซื้อโรบินโญ่จึงได้รับการอนุมัติตัดหน้าเชลซีในวินาทีสุดท้าย

ดังนั้นจึงน่าสนใจตรงที่ว่าซิตี้ฝากผีฝากไข้ไว้กับ"เงิน"ในช่วงเดือนมกราคมนี้ไว้สูงมากซึ่งยังไม่มีใครกล้าการันตีว่าพวกเขาจะได้นักเตะตามที่วางแผนเอาไว้เพราะอย่าลืมว่าการย้ายทีมระหว่างฤดูกาลหากไม่มีปัจจัยพลิกผันจริงๆโอกาสที่นักเตะระดับ top จะเก็บข้าวของยากมากถึงมากที่สุด

อย่างน้อยต้นสังกัดส่วนใหญ่ก็ยังมีห่วงทั้งในลีกภายในหรือแชมเปี้ยนส์ลีกที่กว่าจะ"คัดออก"รอบ 16 ทีมสุดท้ายก็ตลาดปิดไปแล้ว

นักเตะเกรด B ลงมาไม่น่าจะมีปัญหาเพราะจังหวะหน้ามืดเงินค่าตัว+ค่าเหนื่อยเจ้าของอาหรับเตรียมทำให้มันเฟ้ออืดโดยไม่สนใจใครแล้ว

ทีนี้ตัวอย่างเรื่องซื้อนักเตะมาแปะๆให้ครบตำแหน่งมีให้เห็นดาดดื่นว่าสุดท้ายแล้วต้องมีจุดจบเช่นไรในขณะเดียวกันนักเตะใหม่เข้ามามากราย unity ภายในทีมย่อมมีปัญหาตามมา

เหนือสิ่งอื่นใดที่ต้องภาวนาก่อนตลาดเปิดคือมาร์ค ฮิวจส์ควรต้องรักษาเก้าอี้ของตัวเองเอาไว้ให้ได้ซะก่อนเพราะการบุกมาแพ้ให้เวสต์บรอมฯทีมบ๊วยที่ไม่ชนะใครมา 10 นัดแสดงให้เห็นแล้วว่า"เรือใบ"มีปัญหามากเพียงใด

ทำเป็นเล่นไปนะครับลองไล่ดูอันดับในตารางปรากฏทีมเศรษฐีรั้งอันดับ 18 และไม่รู้เล่นอีท่าไหนถึงชนะแค่หนึ่งจาก 9 นัด ความสมดุลในเกมรับและรุกวิกฤติหนักเพราะยิงเยอะก็จริงแต่ส่วนใหญ่ถล่มในนัดๆเดียวมากกว่าเฉลี่ยกระจายออกไปจนเกิดสถิติเพี้ยนๆเป็นทีมเดียวในลีกที่ประตูได้เสียเป็นบวกแต่ไม่ติดท็อปไฟฟ์(ยกเว้นวีแกน +1 อยู่อันดับ 11)

ตอนนี้"เรือใบ"และสปาร์กี้ควรทำเป็นอันดับแรกคือประคองตัวให้อยู่รอดในพรีเมียร์ลีก(และไม่ตกงาน ฮา) มากกว่าจะไปคิดถึงการล้มแชมป์แบรนด์เนมกับคู่ปรับร่วมเมืองเลยครับ

History ต้องใช้"เวลา"สร้างไม่ต่ำกว่า 10-20 ปีไม่ใช่"เงิน"แค่ 2-3 ฤดูกาลครับ...
_________________

Views: 146

Reply to This

Replies to This Discussion

ปลดเถอะ
อุเบกขา แล้วตอนนี้ ...ที่ผ่านมางานเยอะ ไม่ได้ดูมาหลายนัด
แต่ตอนเช้าก็ได้ข่าวไม่ผิดคาดสักที ...เมื่อไหร่จะได้ข่าวผิดคาดบ้างน๊อออออ

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.