เด็กท้ายเรือ

        พูดถึง เจมส์ มิลเนอร์ เรานึกถึงอะไร         ...
        อืม...เอ่อ...อะไรดีล่ะ
        "นักเตะดาดๆ หาได้ทั่วไป"
        "พวกปิดทองหลังพระ"
        "แข้งจับฉ่าย" 
        "ดาวรุ่งตลอดกาล"
        "Boring James Milner"
        เยอะแยะมากมายรวมไปถึง
        "ไม่มีอะไรให้ต้องนึกถึง เพราะไม่มีอะไรเป็นจุดขาย"
        ฯลฯ
        ได้รับตำแหน่ง "Jack of all trades but master of none" (แปลเป็นไทยก็คงประมาณว่า "ทำได้ทุกอย่างแต่ไม่ดีสักอย่าง") ให้โดยไม่มีใครคัดค้าน
 
        นี่คือ เจมส์ มิลเนอร์ ในสายตาของแฟนบอลทั่วไป แต่สำหรับ มานูเอล เปเยกรินี่ แล้วเขามองต่างออกไป
 
        แข้งทีมชาติอังกฤษคือคนสำคัญของกุนซือชาวชิลีที่ต้องมีในทีม  อาจจะไม่ถึงขั้นขาดเธอขาดใจเหมือนพวก เซร์คิโอ อเกวโร่, ยาย่า ตูเร่ และ แว็งซ็องต์ ก็องปานี แต่ก็มีประโยชน์มากกว่าที่คนภายนอกมอง
 
        อเกวโร่ ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ, ยาย่า ตะลุยแดนกลางได้ดุดัน ครบเครื่องทั้งรุกและรับ ส่วนก็องปานีก็มีความเป็นผู้นำเต็มเปี่ยม
 
        แต่ มิลเนอร์ คือนักเตะที่เล่นได้ตามแท็กติกของ เปเยกรินี่ มากที่สุด
 
        อยากได้อะไรยังไง บอกมาได้เลย ยิ่งกว่าอาหารตามสั่ง
 
        ฤดูกาลก่อนที่เปเยฯ มาคุมทีมฤดูกาลแรก มิลเนอร์ เข้าๆ ออกๆ ระหว่างตัวจริงกับสำรอง แต่เกมใหญ่หลายนัดมักได้ลงเล่นตลอด รวมแล้วลงสนาม 44 จากทั้งหมด 57 นัดในทุกรายการ
 
        มาช่วงนี้ยิ่งยึดตัวจริงได้ต่อเนื่องเพราะ ซามีร์ นาสรี่ เจ็บยาว ขณะที่ เฆซุส นาบาส ก็ยังไม่ดีพอที่จะยึดตำแหน่งยาวๆ
 
        ในวันอังคารนี้ แมนฯ ซิตี้ ต้องไปเยือนซีเอสเคเอ มอสโกที่รัสเซียซึ่งเป็นสนามที่ไม่ใช่งานง่ายสำหรับทีมใด เปเยกรินี่ ต้องจัดทีมที่ดีที่สุดลงเล่นซึ่ง มิลเนอร์ คือหนึ่งในตัวหลักที่ต้องลง ไม่ต่างจากแข้งดังรายอื่น
 
        ถ้าเรามองภาพของแมนฯ ซิตี้ที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์และกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้าทั้งในและนอกสนาม 
 
        ในสนามก็ไล่ล่าแชมป์ นอกสนามก็ขยายฐานแฟนบอลออกไปโดยใช้ความสำเร็จในสนามเป็นธงนำ รวมไปถึงสตาร์ในทีมและการเล่นเกมรุกอันยอดเยี่ยม
 
        มันไม่มีอะไรให้คล้อยตามได้เลยว่านักเตะอย่าง เจมส์ มิลเนอร์ จะยังอยู่ในทีมเพราะไม่ได้มีเสน่ห์ดึงดูดใจแฟนบอลแม้แต่นิด
 
        ใครมีความสุขกับการดู มิลเนอร์ เล่นฟุตบอล คนนั้นก็คงไม่มีความทุกข์ใดๆ ในชีวิต
 
        แต่ทำไมแข้งวัย 28 ปีถึงได้อยู่ในทีม และลงเล่นไม่ต่ำกว่า 150 นัดตลอด 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา
 
        คนอื่นย้ายมาแล้วก็ย้ายออกไป แต่มิลเนอร์ยังอยู่และกำลังจะได้รับสัญญาใหม่ในเร็วๆ นี้
 
        ในช่วงที่แมนฯ ซิตี้เติบใหญ่ด้วยเงินทุนจากตะวันออกกลาง นักเตะต่างชาติกลายมาเป็นหัวใจสำคัญ มีนักเตะอังกฤษบ้างแต่น้อยคนนักจะยืนระยะได้อย่าง มิลเนอร์
 
        ย้อนไปในซัมเมอร์ปี 2010 แมนฯ ซิตี้ยุค โรแบร์โต้ มันชินี่ ทุ่มเงินถึง 26 ล้านปอนด์เพื่อดึง เจมส์ มิลเนอร์ มาจากแอสตัน วิลล่า
 
        ใครเห็นค่าตัวก็ต้องส่ายหน้าเพราะแพงโอเว่อร์เกินจริง ฝีเท้าอย่าง มิลเนอร์ หาได้ในราคาไม่ถึงสิบล้านปอนด์หากเป็นนักเตะต่างชาติ
 
        แถมการมาของ มิลเนอร์ ก็ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่เข้ามาเป็นคีย์แมนยึดตัวจริงได้เลย ก็แค่ส่วนหนึ่งของผู้เล่นหลายๆ คนในทีม
 
        แต่มิลเนอร์ก็มีส่วนสำคัญในการพาทีมเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย เอฟเอ คัพ และลีก คัพ อีกอย่างละสมัย
 
        ในยุคของ เปเยกรินี่ บทบาทของ มิลเนอร์ ดูจะมีความสำคัญมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
 
        อดีตดาวรุ่งลีดส์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เป็นผู้เล่นที่มีลีลาในสนามโดดเด่นสะดุดตาแฟนบอล ไม่เคยโชว์อะไรหวือหวาเรียกเสียงซี๊ดซ๊าด
 
        ข้อดีของ มิลเนอร์ ในสายตาของ เปเยกรินี่คือ เป็นผู้เล่นที่ทำงานอย่างหนัก มีความขยัน และสมาธิในเกมดีเยี่ยมแทบไม่เคยหลุด บอกให้ช่วยเกมรับก็ไม่มีปริปาก ก้มหน้าก้มตาทำงานตามที่ได้รับคำสั่ง
 
        เกมที่ มิลเนอร์ แสดงบทบาทของตัวเองได้อย่างที่ เปเยกรินี่ ต้องการล้วนแต่เป็นเกมใหญ่ทั้งนัดที่เสมอเชลซี 1-1 ซึ่งคว้าตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครอง และนัดล่าสุดที่ไล่อัดสเปอร์ส 4-1
 
        เกมเจอเชลซี มิลเนอร์ สลับตำแหน่งไปมาไม่ต่ำกว่า 3 ตำแหน่ง แต่ก็ยังรักษาระดับการเล่นของตัวเองไว้ได้ มีส่วนกับเกมตลอด
 
        ไฮไลต์อาจจะอยู่ที่การเจอทีมเก่าครั้งแรกของ แฟร้ง แลมพาร์ด แต่คนที่มีส่วนพาเรือใบรอดพ้นความปราชัยคาบ้านคือ มิลเนอร์ และยังเป็นคนเปิดบอลให้แฟร้งกี้ยิงประตูอีกด้วย
 
        ส่วน 3 จุดโทษที่แมนฯ ซิตี่้ได้ในเกมถอนไก่ก็มาจากการผ่านบอลของ มิลเนอร์ ถึง 2 ครั้ง (ลูกที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กับ ดาบิด ซิลบา โดนทำฟาวล์)
 
        จังหวะอื่นของเกมก็ไม่ได้หายไปไหน เกมใหญ่แบบนี้ มิลเนอร์ เป็นประโยชน์มากเพราะช่วยทั้งรุและรับ วิ่งได้ไม่มีหมดตลอด 90 นาที
 
        ข้อดีอีกอย่างของ มิลเนอร์ ระหว่างเกมคือพร้อมจะแบ็กอัพเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่หลุดตำแหน่ง ทำให้ทางเลือกสำหรับการจ่ายบอลไม่เสียสมดุล
 
        มิลเนอร์ แทบไม่เคยเล่นฝืนจังหวะเลยสักครั้ง รู้ว่าเลี้ยงบอลไปไม่ได้ก็ไม่ดันทุรัง พร้อมจ่ายบอลให้เพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งดีกว่า
 
        เป็นนักเตะที่อยู่ตรงข้ามกับคำว่า "เห็นแก่ตัว" ต่อให้หลุดไปดวลกับผู้รักษาประตูก็พร้อมเปิดให้เพื่อนที่ตีคู่กันมา
 
        ไม่จำเป็นต้องชื่อบนสกอร์บอร์ด แต่รู้ตัวว่าช่วยทีมได้อย่างไร
 
        ในเว็บไซต์ www.whoscored.com ที่ให้คะแนนผลงานนักเตะค่อนข้างเหมาะสมพอสมควรยังจัดให้ เจมส์ มิลเนอร์ ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 2 ของทีมในฤดูกาลนี้ที่ 7.61 (เต็ม 10) เป็นรองแค่ เซร์คิโอ อเกวโร่ ซึ่งได้ 7.67 เพียงคนเดียว
 
        ข้อดีที่หลายคนมองผิวเผินอาจจะไม่เห็นเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้  เจมส์ มิลเนอร์ ยังคงสำคัญต่อทั้งแมนฯ ซิตี้ รวมไปถึงทีมชาติอังกฤษ
 
        ในทัพสิงโตคำราม มิลเนอร์ ติดธงครั้งแรกในปี 2009 ซึ่งตอนนั้นก็อายุ 25 ปีแล้ว
 
        หลายครั้่งที่การประกาศตัวทีมชาติอังกฤษมักจะมีเสียงสบถของแฟนบอลตามมาว่า
 
        "มิลเนอร์ยังติดอีกเหรอ"
        "ไม่มีใครดีกว่านี้แล้วหรือไง"
 
        แต่ มิลเนอร์ สำหรับ รอย ฮ็อดจ์สัน รวมไปถึงคนก่อนอย่าง ฟาบิโอ คาเปลโล่ ก็เป็น มิลเนอร์ คนเดียวกับที่ เปเยกรินี่ ให้ความสำคัญ
 
        หลังตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2014 อย่างน่าอับอายพร้อมกับการอำลาของตัวเก๋าๆ ทั้ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แฟร้งค์ แลมพาร์ด รวมไปถึง แอชลี่ย์ โคล ที่หลุดโผก่อนหน้า ปู่รอยพยายามสร้างทีมขึ้นมาใหม่ด้วยผู้เล่นอายุน้อย เป็นอีกยุคผลัดใบของทัพสิงโตคำราม
 
        แต่ชื่อของ เจมส์ มิลเนอร์ ก็ยังคงมีอยู่ในทีม หากไม่ลงตัวจริงก็เป็นหนึ่งใน 3 ตัวสำรองที่ได้เล่นช่วงท้ายตลอด
  
        ไม่จำเป็นต้องมีภาพลักษณ์เป็นซูเปอร์สตาร์ หรือมากด้วยลีลาการเล่นตื่นตาตื่นใจ แต่ทว่าก็มีที่ยืนอย่างมั่นคงทั้งในสโมสรที่ลุ้นแชมป์ทุกรายการ และรับใช้ทีมชาติผ่านหลัก 50 นัดเข้าให้แล้ว
 
        ในเรือลำใหญ่ที่นำนาวาโดยกัปตันเรือและมีอีกหลายคนทำหน้าที่แตกต่างกันไป
 
        เจมส์ มิลเนอร์ ก็คงเป็นเหมือนเด็กท้ายเรือ
 
        อาจจะสำคัญน้อยกว่าใคร แต่ก็ขาดไม่ได้เลย

เสือเตี้ย

Credit : siamsport