Members

คอลัมน์น่าสนใจ :: จากเอมิเรตส์สู่เอติฮัด ก่อนเกมซุปเปอร์บิ๊กแมตช์


     การขับเคี่ยวชิงบัลลังก์พรีเมียร์ลีกยังเต็มไปด้วยความเข้มข้นและระทึกใจ 

 

        เช่นเดียวกับอุณหภูมิลุ้นระทึกของโควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

        โดยนัดที่ 22 สุดสัปดาห์นี้มีบิ๊กแมตช์ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล เป็นไฮไลต์โดดเด่นฉูดฉาด

        สถานการณ์ล่าสุด เรือใบสีฟ้าโดน ''จ่าฝูง'' เชลซี ฉีกหนีห่างไป 2 คะแนน หลังทำได้แค่เสมอเอฟเวอร์ตัน 1-1 ที่กูดิสัน พาร์ค

        นอกเหนือจากสถิติไม่สู้ดีในการไปเยือนถิ่นทอฟฟี่สีน้ำเงินแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ซิตี้ชวดกดดันสิงห์บลูส์แบบหายใจรดต้นคอต่อเนื่องก็คือการปราศจากเสาหลักอย่าง ยาย่า ตูเร่ ที่เดินทางไปรับใช้ทีมชาติไอวอรี่โคสต์ ตะลุยศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2015 บนแผ่นดินอิเควทอเรียลกินี

 

 

        จากข้อมูลเชิงลึกระบุว่า ทัพเรือใบสีฟ้าไม่สามารถเก็บชัยในพรีเมียร์ลีกได้เลยนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2014 หากขาดยาย่า รวมทั้งแมตช์ส่งท้ายปีเก่าที่พลาดแผ่วปลายเสมอเบิร์นลี่ย์ 2-2 ทั้งๆ ที่นำสบายถึง 2 ประตู

        เวลานี้สิ่งที่ มานูเอล เปเยกรีนี่ กุนซือสายเลือดชิลี และทีมงานกำลังเป็นกังวลก็คือพวกเขาจะหมดสิทธิ์ใช้บริการห้องเครื่องผู้ทรงอิทธิพลของทีม อีก 5 เกม เต็มแม็ก ถ้าขุนพลช้างดำเดินหน้าทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศบนเวทีชิงเจ้ากาฬทวีป

        ไล่เรียงจากซูเปอร์ซันเดย์วีกเอนด์นี้กับกูนเนอร์ส (18 มกราคม 2015)

        ต่อด้วยรอบ 4 เอฟเอ คัพ กับมิดเดิ้ลสโบรช์ (24 มกราคม 2015) 24

        เยือน สแตมฟอร์ด บริดจ์ เดิมพันแท่นจ่าฝูงกับเชลซี (31 มกราคม 2015)

        เฝ้ารังรับมือ ฮัลล์ ซิตี้ (7 กุมภาพันธ์ 2015)

        ปิดท้ายกับการบุกล้างแค้น สโต๊ค ซิตี้ อริหนึ่งเดียวที่บุกมาฟาด 3 แต้ม ถึงอีสต์แลนด์ในซีซั่นนี้ (11 กุมภาพันธ์ 2015)

        ว่ากันถึงแมตช์ประลองกึ๋นระหว่าง เปเยกรีนี่ กับ อาร์แซน เวนเกอร์ หน 3 ของฤดูกาลนี้ ซึ่งอาร์เซน่อลพลิกล็อกถล่ม 3-0 ในคอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2015 ที่เวมบลีย์

        ส่วนเกมพรีเมียร์ลีก ปืนใหญ่ก็เกือบย้ำชัยได้แล้ว ถ้าไม่มี มาร์ติน เดมิเคลิส มาขัดขวางและเป็นฮีโร่ให้ซิตี้ควักหนึ่งแต้มกลับมาจากนอร์ทลอนดอน

        สำหรับการปะทะกันเมื่อซีซั่นก่อน เปเยกรีนี่ ทีม ถล่ม เวนเกอร์ ทีม ขาดลอย 6-3 และฟอร์มล่าสุด เรือใบสีฟ้าก็ยังจัดจ้านชนะเกมในบ้านได้ถึง 6 จาก 7 เกมหลังสุด

        อดีตที่ผ่านมาเคยมีแข้งอาร์เซน่อลย้ายวิกไปร่วมทีม แมนฯ ซิตี้ มากมาย โดยความหมายของยุคเก่าคือความเปลี่ยนแปลงจากสโมสรใหญ่ไปทีมเล็ก ซึ่งสังเกตได้ตามหลักฐานโยกสังกัดของ พอล ดิ๊กคอฟ ( ปี 1996), ไนออล ควินน์ (ปี 1990) และ เดวิด ซีแมน (ปี 2003)

        แตกต่างจากสิ่งที่เห็นชินตาในระยะหลัง เพราะการข้ามฝากจาก เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม มายัง เอติฮัด สเตเดี้ยม นั้นเหตุผลหลักๆ คือเงินรายได้ที่สูงกว่าเดิมแล้ว โอกาสประสบความสำเร็จก็ใกล้เคียงกว่ากันเยอะ

        นับตั้งแต่ซัมเมอร์ 2009 มีแข้งกูนเนอร์สย้ายมาลงเรือสำราญสีฟ้าแล้ว 5 ราย (เฉลี่ยแล้วปีละ 1 คน)

        โคโล ตูเร่ สมาชิกชุดแชมป์ไร้พ่ายของปืนใหญ่ ควงคู่ เอ็มมานูเอล อเดบาบอร์ มาสวมเครื่องแบบเรือใบสีฟ้า ในยุคออกสตาร์ตการเทกโอเวอร์ของท่านชีค มานซูร์ ณ อาบูดาบี

        ตูเร่ ผู้พี่ ได้ทั้งแชมป์ เอฟเอ คัพ 2011 และเหรียญชนะเลิศพรีเมียร์อีกสมัยในปีถัดมา ก่อนย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูลในปัจจุบัน

        ขณะที่อเดบายอร์ไม่มีความทรงจำดีๆ ในรั้วเรือใบ เพราะไร้ความสำเร็จใดๆ แต่ดันทะลึ่งก่อวีรกรรมให้สาวกกูนเนอร์สเกลียดชัง ด้วยการยิงประตูและวิ่งข้ามฟากไปฉลองเย้ยหยันต่อหน้าบรรดาแฟนบอลเก่า แล้วที่แสบไม่สร่างซาก็คือการย้ายไปอยู่กับท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ คู่กัดตลอดกาลร่วมลอนดอนเหนือของอาร์เซน่อล และยังทำตัวเป็นชนวนของความขัดแย้งอย่างสม่ำเสมอ

        ฤดูร้อน 2011 สองแข้งฝรั่งเศส กาแอล กลิชี่ และ ซามีร์ นาสรี่ ทยอยกันมาหากินที่อีสต์แลนด์ โดยสะสมแชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้วคนละ 2 สมัย แล้วพร้อมเผชิญหน้าทีมเก่าอย่างไม่สะทกสะท้าน เพราะพวกเขาต่างพิสูจน์แล้วว่า มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

        ด้าน บาการี่ ซาญ่า ฟูลแบ็กเฟร้นช์แมนที่เพิ่งเซ็นสัญญาฟรีๆ ย้ายมาเป็นเฟรชชี่ของ แมนฯ ซิตี้ และคงแฮปปี้กับเม็ดเงินหลั่งไหลเข้าบัญชี แม้ส่วนใหญ่จะเป็นแค่สำรองของ ปาโบล ซาบาเลต้า ก็ตาม

        สไตล์การคุมทัพของเปเยกรีนี่ และเวนเกอร์ต่างเป็นบอลรุกเน้นเอนเตอร์เทนดูเพลิดเพลิน ก็ทำให้สามารถคาดเดาได้ว่าบิ๊กแมตช์ที่อีสต์แลนด์จะเป็นการต่อสู้ที่สนุกน่าตื่นตาตื่นใ

        เหมือนวันวาน 7 เกมลีกล่าสุดที่ทั้งสองทีมพังสกอร์ได้ถึง 28 ตุง เฉลี่ยแล้วนัดละ 4 เม็ดเลยทีเดียว

        พูดถึงการถล่มประตูก็ต้องโยงใยถึงยอดดาวซัลโว ซึ่งตอนนี้ ดีเอโก้ คอสต้า นำเป็นเบอร์หนึ่งหลังสอยไป 15 ลูก

        ส่วน เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน'' หายเจ็บเรียบร้อยและพร้อมสานต่อบัญชีเดิม 14 ดอก

        แต่คนที่มาแรงมากสุดบนชาร์ตท็อปสกอเรอร์ย่อมหนีไม่พ้น อเล็กซิส ซานเชซ สตาร์ชิลีที่เพิ่งสอยตาข่ายครบหนึ่งโหล และยกระดับขึ้นมาเป็นแข้งทรงอิทธิพลอย่างเต็มตัวเรียบร้อย

 

 

        กุน VS อเล็กซิส สองแข้งร่างกะทะรัดที่มีลีลาจี๊ดจ๊าดเป็นอีกเป้าสายตาที่ทั่วโลกต่างจับจ้อง เพราะต่างเจ๋งพอจะสร้างผลงานอลังการช่วยให้ทีมได้เปรียบและมีลุ้นเก็บชัยได้เลยทีเดียว

        หนสุดท้ายที่อาร์เซน่อลบุกมาจมเรือใบถึงถิ่น ต้องย้อนไปเมื่อ 24 ตุลาคม 2010 โดยนาสรี่เป็นคนเบิกสกอร์แรกในชัยชนะขาดลอย 3-0 และ 11 คนแรกวันนั้นต่างย้ายหนีเวนเกอร์ไปหมดแล้ว

        นอกจากนาสรี่แล้วก็มี ลูคัส ฟาเบียนสกี้, บาการี่ ซาญ่า, เซบาสเตียง สกิลลาชี่, โยฮัน ฌูรู, กาแอล กลิชี่, เชส ฟาเบรกาส, เดนิลสัน, อเล็กซ์ ซง, อังเดร อาร์ชาวิน และ มารูอาน ชามัค

        93 ปี สมัยที่ยังใช้สังเวียนอาร์เซน่อล สเตเดี้ยม หรือคุ้นหูในนาม ''ไฮบิวรี่'' ต้องยอมว่า เดอะ กูนเนอร์สเป็นทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ติดแถวหน้าของอังกฤษ

        แต่พอย้ายเข้าบ้านใหม่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม พวกเขากลับได้ฉลองแค่โทรฟี่ เอฟเอ คัพ 2014 แม้รายรับเรื่องค่าตั๋วและผลประโยชน์หลากหลายจะเมกมันนี่ฟันกำไรให้สโมสรมหาศาล ทว่ามันก็ชดเชยแรงกระหายความสำเร็จของบรรดากองเชียร์ผู้จงรักภักดีไม่ได้เท่าไหร่

        นโยบายบริหารจากผู้มีอำนาจบวกแนวคิดไม่เหมือนใครของเวนเกอร์ทำให้แฟนๆ ต้องทนเห็นขวัญใจคนแล้วคนเล่าตบเท้าไปซบอกศัตรูฉกาจทั้งหลาย

        ไม่ต้องมองไกลไปจับผิดถึงเครือข่ายข้ามประเทศระหว่าง ''อาร์เซน่อล-บาร์เซโลน่า'' ที่ส่งส่วยให้กันเป็นธรรมเนียมบ่อยครั้ง

        เพราะแค่ย้ายจากเอมิเรตส์สู่เอติฮัด แม้ชื่อเรียกจะใกล้เคียง และ เมด อิน ยูเออี เหมือนกัน

        แต่ชีวิตมันช่างแตกต่างระหว่างทะเยอทะยานลุ้นแชมป์กับกระเสือกกระสนแย่งตั๋ว ชปล.

 

* เปริมี่ *

from :   http://www.siamsport.co.th/Column/150116_128.html

Views: 425

Reply to This

Replies to This Discussion

โหมโรง เพื่อความระทึกในการแข่งขัน

ก้าวขึ้นสู่การเป็นเช้มป์ EPL นะ แมนฯ ซิตี้ 

อ่านจบ สรุปแล้วว่ามันมีอะไรมากกว่า เกมวันอาทิตย์นี้ เพราะนักเตะย้ายข้ามฟาก และการลุ้นแชมป์ รวมทั้งพื้นที่ ucl ทำให้บิ๊กแมตช์ของสองทีมใหญ่น่าตื่นตาตื่นใจกันมากขึ้น แต่ด้วยฟอร์มปัจจุบัน น่อลเองเกมล่าสุดดูดุดันมาก ส่วนเรือเองก้อทำผลงานได้ดีในช่วงบ็อกซิ่งเดย์ แต่เกมล่าสุดก้อยังดูไม่ค่อยดี รวมถึงการขาดยาย่าทำให้น่าเปนห่วง นาสรี่ก้อมาเจ็บ แต่การได้กัปตัยกอมปานีกลับมาเฝ้าาหลังบ้านคู่กับเดมิเคลิส น่าจะช่วยให้อุ่นใจขึ้น รวมทั้งกุนน่าจะได้ลงล่าตาข่ายตัวจริง ด้วยฟอร์มร้อนแรงลุ้นดาวซัลโวปีนี้ ส่วนตัวผมเชื่อว่า อย่างน้อยทีมเรือใบสีฟ้าจะเบียดเก็บ 3 คะแนนในบ้านได้ครับ อิอิ แมนซิตี้สู้ๆๆๆ

งานหนักเลยเรือ ยามขาด ยาย่า

งานหนักยังไงผมก็ยังอุ่นใจได้ว่ากัปตันกลับมาแล้ว และเชื่อว่าเราจะกลับมาเป็นทีมที่แข็งแกร่งได้

..อย่าลืมเรือมีสุดยอดซุปเปอร์ซับแบบป๋าแลมพ์..

..ที่สำคัญอย่าดองไว้จนเกือบนาทีสุดท้าย..

..พอเริ่มครึ่งหลังก้อเตรียมปล่อยมาได้เลย เด๋วจาสายเกินแก้แบบเกมท็อฟฟี่ ^^

เจ้าของเป็นแขกจากตะวันออกกลางแถมเ็ป็นเจ้าของสายการบินด้วยกันทั้งคู่ด้วยครับ น่าสนุกตื่นเ้น

...เรือใบ ชนะ  2 : 0       กุนยิง  2  เม็ด  ,   กัปตันก้อม  ยันเกมส์ปืนโต  0 เม็ด  clean sheet

ประเดิมสนาม เกมบิ๊กแมตช์ เรียกน้ำย่อยคนดูแท้ๆ

ชนะพอ

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.