Members

คอลัมน์น่าสนใจ :: แมตช์เดิมพันแชมป์

คอลัมน์น่าสนใจ :: แมตช์เดิมพันแชมป์



      ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ คู่ดึกวันเสาร์นี้ ถูกพูดอ้างอิงถึงแพร่หลายในฐานะแมตช์ตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกกันเลยทีเดียว

 

        สถานการณ์เป็นไปปัจจุบัน เชลซี ฉีกหนีแมนเชส เตอร์ ซิตี้ ห่างเป็น 5 คะแนน หลังจากเรือใบสีฟ้า พลาดพลั้งทำแต้มหล่นมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เปลี่ยนศักราชใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเกมบุกเสมอ
เอฟเวอร์ตัน 1-1 หรือพ่ายอาร์เซน่อลคารัง 0-2

        เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งสองยักษ์ใหญ่ต่างกอดคอกันโดนทีมรองบ่อนพลิกล็อกเขี่ยตกรอบ 4 เอฟเอ คัพ ก่อนที่สิงโตน้ำเงินคราม จะก้าวเดินตามเส้นทางความสำเร็จซีซั่น 2013/14 ของเรือใบสีฟ้า ด้วยการเข้าชิงแคปปิตอล วัน คัพ และรอสอยบัลลังก์พรีเมียร์ลีกพ่วงด้วย

        นอกเหนือจากความสำคัญของเกมเดิมพันแชมป์แล้ว ยังมีอีกแง่มุมให้โฟกัสกัน สำหรับบิ๊กแมตช์ @ เดอะ บริดจ์

        เริ่มด้วยประเด็นของแม่ทัพสองทัพ ซึ่ง 11 หนที่ประลองกึ๋นกันปรากฏว่า โชเซ่ มูรินโญ่ ชนะถึง 7 และแพ้ต่อ มานูเอล เปเยกรีนี่ แค่ 2 หน

 

 

        ชื่อของกุนซือมือทองทั้งสองรายต่างโดนนำมาพัวพันกันในหลายๆ กรณี โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการแก่งแย่งแข่งขัน แต่ความจริงที่หลายคนอาจหลงลืมนั้นคือบทบาทเทรนเนอร์ของเรอัล มาดริด ซึ่งมูรินโญ่ เข้าเทกโอเวอร์ภารกิจของเปเยกรีนี่ ช่วงซัมเมอร์ 2010 หลังกวาดทุกแชมป์กับอินเตอร์ มิลาน 

        ทว่าการนำเรือใบสีฟ้า ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่นก่อน ก็ย่อมให้โค้ชชาวชิลี ได้รับเครดิตอื้อซ่า และน่าจะเป็นทีมเดียวที่ทำให้เชลซี รู้สึกได้ว่ามีศัตรูคอยเขย่าบัลลังก์จ่าฝูงของพวกเขา

        ความก้าวหน้าทะลุสู่รอบน็อกเอาต์ของไอวอรี่โคสต์ ในแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2015 เป็นการหยิบยื่นข่าวร้ายให้กับแมนฯ ซิตี้ เพราะยังต้องหมดสิทธิ์ใช้งาน ยาย่า ตูเร่ จอมทัพเอก รวมทั้งหัวหอกป้ายแดงอย่าง วิลฟรีด โบนี่ เหมือนเดิม

 

        แมนฯ ซิตี้ ยามไร้ ยาย่า ไม่ สามารถเก็บชัยเกมพรีเมียร์ลีกได้เลยนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2014 รวมทั้ง 2 นัดประเดิมศักราชใหม่ และมันก็คือสถิติบั่นทอนจิตใจใครต่อใครในแถบอีสต์แลนด์

        บนหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก เชลซี ถือ เป็นของแสลงสำหรับซิตี้ อย่างแท้จริง เพราะสามารถยัดเยียดความปราชัยให้เรือใบสีฟ้า ได้ถึง 22 ครั้งเท่ากับอาร์เซน่อล ที่เพิ่งบุกมาทำแสบถึงเอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อสองวีกที่แล้ว

        กระแสแรงลือกันให้แซ่ดในตลาดซื้อขายนักเตะมกราคม 2015 เวลานี้ย่อมหนีไม่พ้นการเปิดไฟเขียวยอมให้ อันเดร เชือร์เล่ ดาวเตะแชมป์โลกย้ายจากถิ่นเดอะ บริดจ์ และเชลซี ต้องการนำงบประมาณดังกล่าวไปสมทบทุนล่าตัว ฮวน กวาดราโด้ ปีกจี๊ดจ๊าดโคลอมเบียนของฟิออเรนติน่า

        สำหรับเชือร์เล่ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวแสบที่สามารถสอยตาข่ายซิตี้ ได้ทั้งสองเกมที่มีโอกาสลงสนาม และอาจสั่งลาเครื่องแบบสิงห์บลูส์ด้วยผลงานแจ่มๆ ในบิ๊กแมตช์เสาร์นี้ หากยังอยู่ในเกมแพลนของเดอะ สเปเชียล วัน

        8 เกมหลังที่เผชิญหน้ากันในลีก เชลซี สามารถคว้าชัยได้ 50 เปอร์เซ็นต์ นั่นก็คือ 4 หน และแพ้ 2 หน ซึ่งก็คือการไปเยือนแมนเชสเตอร์ทั้งหมด

        ส่วนชัยชนะหนล่าสุดที่ถ้ำสิงห์ของเรือใบสีฟ้า ต้องถอยหลังย้อนไปไกลเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2009 โน่นเลย

        สมัยนั้นเป็นยุคตั้งไข่ของซิตี้ ภายใต้การบริหารของท่านชีค มานซูร์ แห่งอาบูดาบี และเริ่มทยอยซื้อนักเตะดังมาเสริมทัพ แม้ไม่ใช่ระดับสตาร์เหมือนในปัจจุบันก็ตาม

        แมตช์ดังกล่าวเป็นการเผชิญหน้าของสองทีมเศรษฐีสโมสรใหม่ และกลายเป็นตัวละครเด่นบนเวทีช่วงชิงความสำเร็จ รวมทั้งการขับเคี่ยวแย่งนักเตะในตลาดลูกหนัง ซึ่งหนึ่งในดีลแห่งความขัดแย้งก็คือตอนล่าตัว เอแด็น อาซาร์ จากลีลล์ของฝรั่งเศส แต่สุดท้ายเพลย์เมกเกอร์เบลเยียมก็เลือกเชลซี และเชื่อว่าตนเองตัดสินใจถูกต้อง เพราะแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการฝีเท้าที่รุดหน้า ถึงยังไม่เคยสัมผัสแชมป์พรีเมียร์ก็ตาม

 

        วกกลับมารำลึกถึงแมตช์ที่ซิตี้ ชนะ เชลซี ถึงบ้านเมื่อเกือบ 5 ปีก่อนกันต่อ และมันก็ดันเป็นช่วงที่ประเด็น ''เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด'' กำลังเป็นกระแสเชี่ยวกราก

        เลิฟ สตอรี่ ฉบับเราสามคม ระหว่าง จอห์น เทอร์รี่ - วาเนสซ่า - เวย์น บริดจ์ เป็นอีกฉาวบนบันทึกของพรีเมียร์ลีก และภาพการเมินไม่จับมือเจที ของบริดจ์ ก็แสดงให้เห็นถึงจุดยืนว่าเจ้าตัวชิงชังอดีตคู่ซี้แค่ไหน

        ขณะเดียวกันความแค้นสุมทรวงของอดีตแบ็กซ้ายทีมชาติอังกฤษ ก็กลับกลายเป็นพลังแฝงเพิ่มความมุ่งมั่นให้กับแข้งซิตี้ ซึ่งเพิ่งได้ โรแบร์โต้ มันชินี่ เข้ามากุมบังเหียนแค่ 3 เดือน

        นักเตะเรือใบสีฟ้า ทุ่มเทสุดชีวิตในการเล่นสู้เพื่อเป็นกำลังใจให้บริดจ์ โดยสองกองหน้าพันธุ์บู๊อย่าง คาร์ลอส เตเวซ และ เคร็ก เบลลามี่ ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนโดดเด่น

tabเตฟ และ เบลเลอร์ส สอยคนละ 2 ตุงนำซิตี้ คว้าชัยกลับอีสต์แลนด์ 4-2 ส่วนเจ้าถิ่นที่เหลือแค่ 9 คนหลัง ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ กับ มิชาเอล บัลลัค โดนใบแดงนั้นได้ 2 สกอร์กู้หน้าจาก แฟร้งค์ แลมพาร์ด อีกหนึ่งบุคคลที่โดนจับตาจ้องเขม็งแน่นอน สำหรับการเยือนถิ่นเก่าหนแรกในฐานะคู่ปรปักษ์

 

 

        ซูเปอร์แฟร้งค์ อาจไม่ใช่ลูกหม้อของเชลซี เพราะย้ายจากเวสต์แฮม ยูไนเต็ด แต่สาวกเดอะ บลูส์ต่างยกย่องให้เขาเป็นขวัญใจอันดับต้นๆ และอำลาเดอะ บริดจ์ ด้วยการเป็นดาวซัลโวสูงสุดของสโมสร 211 ประตู ในช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2001-2014

        ทว่าเกมแรกที่อีสต์แลนด์ แลมพ์ส ก็ทำให้แฟนสิงห์อึ้งไปตามๆ กัน เมื่อเป็นคนทำประตูช่วยให้ 10 คนของซิตี้ ตีเสมอ เชลซี 1-1 ในช่วงท้ายเกม

 

        อย่างไรก็ตาม ต่อให้ผูกพันลึกซึ้งกับทีมเก่ามากแค่ไหน แต่ด้วยวิถีของมืออาชีพ แลมพาร์ด ก็ต้องพยายามสุดความสามารถ หากได้รับโอกาสจากเปเยกรีนี่

        ในเมื่อหน้าที่ของเขา และแข้งซิตี้ทุกคน คือการขัดขวางเชลซีไม่ให้ทิ้งห่างพวกเขาไปไกลกว่านี้

___________________^^__________________
Cr.www.siamsport. ติดตามข่าวสารทีมได้ที่เวปหลักแมนชิตี้ไทย :http://mcfc.in.th/

Views: 244

Reply to This

Replies to This Discussion

อ่านเพลินเลย ยังจำยุคที่บุกไปเอาชนะเชลซีถึงถิ่นได้ครับ เกมนั้น นักเตะทุกคนของเรือใบเล่นได้ดีมากๆ โดยเฉพาะเตฟ กับ เบลามี่ ทุกคนเล่นเพื่อแก้แค้นกลายๆให้ เวย์น บริดจ์ และเอาชนะเก็ยสามแต้มกลับออกมาได้ แบบสะใจกองเชียร์ ถ้าเปนไปได้ เกมนี้อยากให้เล่นเพื่อแลมพ์ ที่เชลซีโลละทิ้งไม่ยอมต่อสัญญา จะได้ช่วยเปนแรงกระตุ้นให้ทีมมีพลังแฝงได้มากขึ้นแน่ๆ อิอิ ยังไงก้อเต็มที่ครับ แมนซิตี้สู้ๆๆๆ

จะมีดราม่ากันไหม....

มูเคยแยงงานเปเยตอนสมัยคุมทีมมาดริดที่สเปน แบบนี้เปเยยอมไม่ได้นะครับ สู้ๆให้เต็มที่

..เชส ฟราเบกาส ถ้าได้ลง แต่ซิตี้ไม่มียาย่า มันจะหมดความสมน้ำสมเนื้อกันเลย..

..อยากจะให้แลมพ์ลงครึ่งหลังเต็มๆ ประเภทโผล่มาท้ายเกมขอเถอะเปเญ..

..เพราะจะไม่มีประโยชน์อันใดเลย !

สำคัญมากเป็นแมตเดิมพันแชมจริงถ้าชนะเหลือช่องว่างห่าง 2 แต่ถ้าแพ้ 8 มันแตกต่างกันลิบลับเลยทีเดียว

สิง มันได้เปรียบเรือเรา เชส ของสิงฟิตลงได้ เเต่เรือขาด ยาย่า

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.