Members

เฌอโรม บัวเต็ง...จากแข้งเรือฟอร์มหล่นสู่หัวใจเกมรับถ้ำเสือ,รังอินทรี

เฌอโรม บัวเต็ง...จากแข้งเรือฟอร์มหล่นสู่หัวใจเกมรับถ้ำเสือ,รังอินทรี




เฌอโรม บัวเต็ง อดีตกองหลังทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำผลงานตอนย้ายมาค้าแข้งในประเทศอังกฤษได้ไม่น่าประทับใจ ก่อนโดยปล่อยให้กับบาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่แห่งประเทศเยอรมนี ปัจจุบันดาวเตะวัย 26 ปีกลายเป็นหัวใจสำคัญในเกมรับของต้นสังกัดและชาติของเขา

เฌอโรม บัวเต็ง ปราการหลังทีมบาเยิร์น มิวนิคต้องเจอกับประสบการณ์การเหยียดผิวในโลกฟุตบอลครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ปี โดย ณ เวลานั้น เขายังศึกษาอยู่ระดับชั้นประถม กองหลังทีมเสือใต้เดินทางไปแข่งขันฟุตบอลบริเวณย่านตะวันออกของเมือง เบอร์ลิน สถานที่เกิดของเขาซึ่งบิดาของนักฟุตบอลในวัยเด็กรายหนึ่งตัดสินใจมอบชื่อให้ กับเขาจากสีผิว

"พ่อของเด็กคนหนึ่งเรียกผมว่า...พวกคุณคงรู้ว่าคำว่าอะไร" สิ่งที่บัวเต็งกล่าวถึงคือคำว่า "นิโกร" ซึ่งเขาไม่อยากจะเอ่ยปากพูดออกมา

"ผมไม่รู้ว่าจะต้องรับมืออย่างไร ก่อนเกมเขาพูดแบบนั้นกับผมและมันทำให้ผมเริ่มร้องไห้เพราะว่าตอนนั้นผมยัง เด็กมากๆ อายุแค่ 11 หรือ 12 นี่ล่ะ"

"พ่อของผมเดินเข้ามา เขาไม่ได้คุยกับชายคนนั้นนะ เขาบอกกับผมว่าให้ผมใจเย็นๆ แค่เล่นฟุตบอลของตัวเองไปอย่าไปฟังอะไรหมอนั่นมาก พ่อบอกให้ผมแสดงฝีเท้าออกมาให้เห็นก็แค่นั้น"

"จากนั้นพ่อของเด็กคนอื่นๆก็เข้ามาและพูดกับชายคนนั้นว่า นายทำอะไรน่ะ? หุบปากแล้วปล่อยให้เด็กมันเล่นไปเลย พวกเขายังอายุน้อยมากๆ!"



สำหรับแฟนฟุตบอลของอังกฤษ บัวเต็งเป็นนักเตะที่ถูกรู้จักในฐานะกองหลังซึ่งโดนปล่อยตัวออกจากแมนเชส เตอร์ ซิตี้ เขาใช้เวลาค้าแข้งในเอติฮัด 1 ฤดูกาลภายใต้การนำของโรแบร์โต้ มันชินี่ซึ่งโดนจับโยกไปเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัด บาเยิร์น มิวนิคยื่นข้อเสนอซื้อตัวนักเตะไปร่วมทีม จากนั้นจนถึงปัจจุบันเขากลายเป็นกำลังสำคัญของทีมเสือใต้ และทีมชาติเยอรมนี...ช่วยพาพลพรรคอินทรีเหล็กคว้าแชมป์โลกซึ่งในสายตาของ หลายๆคนเขาคือแมน ออฟ เดอะ แมทช์ในนัดชิงกับอาร์เจนติน่า, พาบาเยิร์นคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, บุนเดสลีกา 2 สมัยและฟุตบอลถ้วยของประเทศเยอรมันอีก 2 สมัย

กับการเป็นบุคคลที่มีคุณพ่อเป็นชาวกาน่าผิวดำและมารดาเป็นชาวเยอรมันผิวขาว บัวเต็งเติบโตขึ้นมาในสภาวะแวดล้อมที่มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติย่านชาร์ ล็อทเท่นเบิร์กบริเวณเบอร์ลินตะวันตก ในสภาพแวดล้อมของพื้นที่ดังกล่าวการเหยียดผิวถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นน้อย มากๆ

เขาเคยได้ยินคำว่า "นิโกร" เพียงไม่กี่ครั้งในตอนเด็กนั่นคือก่อนเกมการแข่งขันฟุตบอลที่ได้กล่าวไปข้าง ต้น แม้ว่าบริบทจะแตกต่างออกไปแต่ประสบการณ์ดังกล่าวยังทำให้เขารู้สึกช็อคและ โดนเหยียดหยามจนถึงทุกวันนี้







ในวัย 10 ขวบ เฌอโรม บัวเต็งเคยปรากฎตัวในมิวสิควีดีโอ รับบทเป็นนักร้องตอนวัยเด็ก หลังจากการถ่ายทำ แร็ปเปอร์สซึ่งพยายามแสดงความเป็นมิตรกับเจ้าหนู ณ เวลานั้น ใช้ "N word" กับเขา โดยวัยรุ่นอเมริกันนิยมเรียกกันเพื่อสร้างความสนิทสนม

"ตอนนั้นผมไปถ่ายเอ็มวี มีแร็ปเปอร์สของเยอรมันคนหนึ่งซึ่งผมต้องรับบทเป็นเขาในตอนเด็ก หลังการถ่ายทำเขาเรียกผมว่า "เฮ้ ไอ้หนูนิกก้า" พอผมได้ยินผมก็วิ่งหนีและร้องไห้เลยเพราะไม่เคยมีใครใช้คำแบบนั้นกับผม พวกเขาได้เข้ามาอธิบายให้กับผมฟัง ผมอายุแค่ 10 ขวบและนั่นคือสิ่งที่ผมได้สัมผัสเป็นประสบการณ์ มีอยู่ 2 ครั้งที่ผมเสียน้ำตาเพราะเรื่องแบบนี้"

"จากนั้นผมได้พูดคุยกับแม่ของผม เธออธิบายหลายสิ่งหลายอย่างให้ผมรับรู้และบอกว่าเธออิจฉาสีผิวของผมอะไรแบบ นั้น แม่เป็นคนที่เข้าใจผมได้ดีมากๆ แม่บอกว่าหลายๆคนไม่เข้าใจและก็แค่อิจฉาตัวผม เธอบอกให้ผมภูมิใจกับสีผิวของตัวเอง แม่เป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ"

เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเป็นเพียงเรื่องเล็กๆในเส้นทางการค้าแข้งแต่สีผิวคือ ส่วนหนึ่งของเรื่องราวของเขา เขาเป็นคนที่นำเสนอสื่อถึงชาวเยอรมันรุ่นใหม่เช่นเดียวกับเมซุท โอซิลและลูคัส โพโดลสกี้ ซึ่งมีต้นกำเนิดของตุรกีและโปแลนด์ตามลำดับ

พี่ชายพ่อเดียวกันของเฌอโรม อดีตนักเตะทีมปอร์ทสมัธและเอซี มิลานนั่นก็คือเควิน-ปริ้นซ์ ตัดสินใจเลือกรับใช้ทีมชาติกาน่า แต่สำหรับตัวแข้งบาเยิร์น มิวนิคไม่มีความลังเลเลยว่าจะลงเล่นให้กับประเทศไหน

"สำหรับผมแล้วต้องเป็นเยอรมนี 100% ตอนที่ผมเติบโตขึ้นมาผมอยู่ในสังคมหลากเชื้อชาติ ผมมีเพื่อนจำนวนมากที่เป็นลูกครึ่งชาตินั้นชาตินี้ เพื่อนเยอรมันแท้ๆ 100% ผมก็มีอยู่หลายคน การที่ผมเป็นแบบนี้นั่นก็เพราะผมเติบโตขึ้นมาจากเมืองเบอร์ลินซึ่งมีหลาก วัฒนธรรมที่แตกต่าง"







ปัจจุบันบัวเต็งเป็นหนึ่งในรองกัปตันทีมชาติเยอรมนี โดยผู้นำคือบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ หากว่าสักวันหนึ่งเขาได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวจะถือเป็นการส่งข้อความสำคัญออก ไปทั่วโลก อย่างไรก็ตามบัวเต็งมองว่ามันเป็นเรื่องของอนาคตและไม่ได้มีอะไรสลักสำคัญ มาก ซึ่งเขาอยากจะชี้แจงเรื่องการให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้ที่ถูกมองว่าเขา พยายามจะล็อบบี้ชิงปลอกแขนมาครอบครอง

"ผมอยากจะอธิบายเรื่องนี้อีกครั้งนะเพราะว่าพวกเขาทำให้มันดูเหมือนกับว่าผมอยากจะยึดปลอกแขนกัปตันทีม"

"มันไม่ใช่ว่าผมจะไปแย่งชิงตำแหน่งดังกล่าวจากบาสเตียนซะหน่อย โยอาคิม เลิฟให้สัมภาษณ์บอกว่าโทนี่ โครสกับผมก็สามารถเป็นกัปตันทีมได้ ผมก็แค่บอกไปว่ามันคงเป็นเกียรติสำหรับผม หากว่าผมได้เป็นกัปตันทีมชาติเยอรมนีเพราะผมเป็นคนผิวสี"

บัวเต็งตระหนักดีถึงบทบาทของนักเตะอย่างพอล อินซ์, โซล แคมป์เบลล์และริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่สถาปนาเครดิตความเป็นผู้นำของโลกฟุตบอลยุโรปโซนตะวันตกด้วยการก้าวขึ้น เป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษ "พวกเขาเป็นแบบอย่างที่ดีมากๆ ฝรั่งเศสก็เคยมีปาทริค วิเอร่าเป็นกัปตัน สำหรับตัวผมหากได้ทำหน้าที่นั้นก็คงจะเป็นเกียรติอย่างยิ่ง"







บัวเต็งได้เอ่ยย้อนความหลังถึงช่วงการค้าแข้งให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งมีเรื่องอื่นๆมากมายนอกเหนือวงการฟุตบอลที่เกิดขึ้นกับเขา

"ตอนนั้นผมยังเด็ก แฟนสาวของผมตั้งครรภ์ เราอยากให้เธออยู่ที่เยอรมนีและคลอดลูกที่นั่น จากนั้นผมมีปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า โค้ชสัญญากับผมว่าจะให้ผมเล่นเซ็นเตอร์แต่ผมโดนโยกไปเล่นแบ็คซ้ายบ้าง แบ็คขวาบ้าง"

"หลังจากนั้นผมก็มาเจ็บเข่าอีกครั้ง คราวนี้ต้องเข้าผ่าตัดด้วย ผมไม่มีความสุขกับสถานการณ์ทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นและก็เป็นบาเยิร์นที่ ยื่นมือเข้ามา"

"กับซิตี้ผมได้เรียนรู้เรื่องต่างๆเยอะแยะเลยแม้กระทั่งการฝึกซ้อมกับนักเตะ ที่นั่น มันคือสาเหตุที่ผมย้ายไปค้าแข้งเลยก็ว่าได้นะ นักเตะอย่างวิเอร่า, กอมปานี, เตเบซและอเดบายอร์ ทุกๆคนล้วนแล้วแต่เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองและพวกเขาก็ได้มอบคำแนะนำดีๆให้ สิ่งดังกล่าวทำให้ผมกล้าพูดได้ว่าผมไม่เสียใจเลยที่เคยย้ายไปค้าแข้งในแมน เชสเตอร์"

ช่วงเวลาที่ค้าแข้งอยู่กับซิตี้ บัวเต็งชื่นชมความทะเยอทะยานของสโมสรและความปรารถนาที่จะคว้าแชมป์ฟุตบอล ยุโรปมาครอบครอง อย่างไรก็ตามเขากล่าวว่ามันไม่ใช่กระบวนการที่จะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เหมือนกับการคว้าแชมป์ลีก

"เรื่องแบบนี้คงต้องใช้เวลาเพราะว่าการแข่งขันแชมเปี้ยนส์ ลีกนั้นเป็นเรื่องที่ยากและแตกต่างจากฟุตบอลลีกหรือว่าบอลถ้วยอื่นๆ"

"ความผิดพลาดเล็กๆหรือรายละเอียดที่ไม่แน่นพออาจจะทำให้คุณจบได้เลย แน่นอนว่าซิตี้มีโอกาสจะคว้าแชมป์ พวกเขาอุดมไปด้วยยอดนักเตะ และในอนาคตก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ"

เหล่ายอดขุนพลนักเตะของบาเยิร์น มิวนิคชุดนี้เองก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จกันตั้งแต่ต้น พวกเขารับบทเรียนความเจ็บปวดกันอย่างช้าๆจากการพ่ายแพ้รอบชิงชนะเลิศในปี 2010 และปี 2012 ก่อนสุดท้ายจะคว้าแชมป์ได้ในปี 2013 ที่สนามเวมบลีย์ ฤดูกาลแรกของบัวเต็งกับเสือใต้ทำให้เขาเจอประสบการณ์สุดขมขื่นซึ่งเป็นการ พ่ายต่อเชลซีจากการยิงจุดโทษคาสนามเหย้าของตัวเอง

"ผมว่าพวกเขาไม่คู่ควรกับแชมป์ปีนั้นเลยนะ!" บัวเต็งกล่าวพลางหัวเราะ

"ไม่หรอก" บัวเต็งแก้ "นั่นแหละคือฟุตบอล หากพวกเราคว้าเอาไว้ไม่ได้ พวกเขาก็คู่ควรที่จะได้ไป มันเป็นความรู้สึกที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิตของผมเลย ผมกินอะไรไม่ลงไป 2 วันเชียวล่ะ"



"ผมจำได้หนึ่งวันหลังแพ้รอบชิงให้กับเชลซี โธมัส มุลเลอร์ส่งข้อความให้กับผมและนักเตะคนอื่นๆบอกว่า "เฮ้ย พวกเราแพ้ไปแล้วแต่ว่าปีหน้าเราจะคว้าถ้วยนี้กันให้ได้ เคนะ!"

"เมื่อคุณมาถึงรอบชิงชนะเลิศอีกครั้งมันพลางทำให้คุณนึกถึงข้อความของเขา เราจำเป็นต้องคว้าโอกาสดังกล่าวเอาไว้ ไม่ใช่ทุกวันหรอกที่คุณจะผ่านเข้าชิงได้"

ปัจจุบันความรู้สึกบอกพวกเราแฟนบอลว่าเฌอโรม บัวเต็งกลายเป็นนักเตะที่เป็นขาประจำของการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศไปซะแล้ว

ตอนนี้หลายๆคนคงเชื่อว่าอนาคตทั้งบาเยิร์น มิวนิคกับทีมชาติเยอรมนีซึ่งเฌอโรม บัวเต็งลงเล่นรับใช้ คงจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของรอบชิงชนะเลิศอีกหลายครั้งแน่ๆ...

_________________________^^______________________
Cr:www.ssballthai. ติดตามข่าวสารทีมได้ที่เวปหลักแมนชิตี้ไทย :http://mcfc.in.th/

Views: 769

Reply to This

Replies to This Discussion

จำได้ว่าเรือใบขายได้กำไรนิดหน่อย แต่ไม่ได้มีความรู้สึกไม่ดีต่อกันถึงขาย นักเตะมีอาการบาดเจ็บเล่นงานบ่อย และฟอร์มไม่ค่อยดี คู่เซ้นเตอร์จากตอนแรกมันชินี่จะใช้บัวเต็ง  แต่ก้อแทรกตัวจริงไม่ได้เพราะคู่ของ กอมปานี+เลสคอตต์เล่นเข้าขากันได้ดีมากตอนนั้น เลยจับบัวเต็งเล่นแบ็คขวา แต่ทำผลงานได้ไม่ดีเท่าไหร่ สุดท้ายนักเตะขอย้ายเอง เพราะครอบครัวไ่ได้ย้ายมาด้วย ภรรยาและลูกอยู่เยอรมัน และเปนบาเยิร์นที่ยื่นข้อเสนอเข้ามา ด้วยราคาที่สูงกว่าที่ซิตี้ซื้อมา ก้อเลยยอมขายออกไป ตามเจตนารอมณ์ของนักเตะที่อยากย้ายด้วยครับ ถือว่าแฮปปี้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย นักเตะก้อทำผลงานได้ดีกับพี่เสือ และทีมชาติ ยินดีด้วยครับ

ก็คงไม่เหมาะกับลีคอังกฤษ....

ไปได้ดีก็ดีแล้วครับ ลีกอังกฤษโปรแกรมมหาโหด

...มันโช่  เลือกซื้อของ(นักเตะ) เก่ง  นี้และความดีของ ท่านมันโช่

ยินดีกับความสำเร็จด้วยนะ...ทุกครั้งที่เห็นเขาลงเล่นกะมิวนิคก็ยังรู้สึกดีๆเสมอกับแบ็คขาโหดของเรารายนี้

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.