หลังรับทราบว่า จ่าฝูง เชลซี สะดุดเมื่อทำได้แค่เสมอน้องใหม่ เบิร์นลี่ย์ 1-1 เพียงไม่กี่นาทีก่อนหน้า ทางด้านของ มานูเอล เปเยกรีนี่ ก็ "จัดหนัก" ทันทีในการเปิด เอติฮัด สเตเดี้ยม รับ นิวคาสเซิ่ล ในศึกพรีเมียร์ลีกคู่สุดท้ายประจำวันเสาร์ที่ผ่านมา
 
        กุนซือชาวชิลี เน้นมากกับเกมนี้ โดยปรับทัพ 3 จุดจากชุดบุกอัด สโต๊ค ซิตี้ 4-1 ในนัดก่อน เปิดโอกาสให้ ซามีร์ นาสรี่, ยาย่า ตูเร่ และ เอดิน เชโก้ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ขณะที่ม้านั่งสำรอง มีชื่อ วิลฟรีด โบนี่ หัวหอกตัวใหม่ ซึ่งถูกบรรจุชื่อในทีมเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ย้ายมาจาก สวอนซี เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่าน ด้วยสนน 25 ล้านปอนด์
 
        ฝั่ง จอห์น คาร์เวอร์ นายใหญ่ "สาลิกาดง" ฝากความหวังไว้กับ มุสซ่า ซิสโซโก้ กองกลางตัวรุก ที่เคยป่วน แมนฯ ซิตี้ มาแล้ว จนช่วยให้ นิวคาสเซิ่ล บุกประกาศชัยชนะที่ อีสต์แลนด์ส ได้สำเร็จ ในศึก แคปิตอล วัน คัพ รอบสี่ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
 
        อย่างไรก็ตาม เริ่มต้นเกมเพียง 28 วินาที ความหวังของ คาร์เวอร์ และผอง "ทูน อาร์มี่" ก็เริ่มแตกสลายอย่างรวดเร็ว เมื่อ เวอร์นอน อนิต้า กองกลางตัวรับ ดันจับบอลแรกไม่ดี จนไปเข้าเหลี่ยม เชโก้ ทำให้มิดฟิลด์ดัตช์ ที่ถูกเลือกให้ลงเล่นแทน เรมี่ กาแบลล่า ซึ่งไม่ฟิต ต้องทำฟาวล์หอกร่างใหญ่ และผู้ตัดสิน คริส ฟอย ก็ไม่ลังเลที่จะเป่าเป็นจุดโทษของเจ้าถิ่น พร้อมควักใบเหลืองเตือน อนิต้า ด้วย
 
        เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" รับหน้าที่เพชฌฆาต สังหารเข้าไปอย่างเลือดเย็นให้แชมป์เก่าเริงร่า 1-0 ตั้งแต่ไก่โห่ ตอกย้ำความเป็นตัวแสบสำหรับ "สาลิกาดง" ด้วยประตูที่ 5 จากการพบกัน 7 หนหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
 
        หลังได้ประตูเร็ว ทุกอย่างเข้าทางเจ้าบ้าน แดนกลางที่ได้ ตูเร่ กลับมาจากการช่วยทีมชาติไอเวอรี่โคสต์คว้าแชมป์ แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ สามารถตรึงสถานการณ์ไว้ได้หมด หลังจากที่ แมนฯ ซิตี้ เก็บชัยได้เพียงแค่ครั้งเดียว จาก 7 นัดที่ไร้เงายักษ์ใหญ่จากกาฬทวีปในการเล่นพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้
 
        เมื่อแดนกลางแน่นหนา ทำให้ "เรือใบสีฟ้า" แล่นฉิว ต่อบอลสั้นสลับยาวโจมตีทีมเยือนเป็นระลอก กระทั่งนาทีที่ 13 เชโก้ หลุดขึ้นทางซ้าย แล้วตวัดเข้ากลางเลยมาถึง นาสรี่ ที่จับอย่างนิ่มนวล ก่อนขยับหลอกและซัดเสยเพดานตาข่ายชนิดที่ผู้เล่นทีมเยือนทำได้แค่มอง
 
        นาทีที่ 21 พ่อมด ดาบิด ซิลบา วางยาวจากกลางสนามข้ามหัว ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่ หยดเข้าแผงอกล่ำๆ ของ เชโก้ ที่พักแล้วหวดจาก 12 หลาอย่างเด็ดขาด ส่งเด็กๆ ของ เปเยกรีนี่ หนี 3-0
 
        21 นาที มี 3 ประตู เฉลี่ยแล้วจะมี 1 ประตูทุกๆ 7 นาที
 
        อันที่จริง ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะก่อนเกมนี้ สถิติอย่างเป็นทางการของหน่วยงานที่เชื่อถือได้อย่าง "OPTA" ระบุว่า แมนฯ ซิตี้ คือทีมที่มีเกมรุกสะท้านทรวงที่สุด โดยหาโอกาสส่องประตูได้ถึง 423 ครั้งในฤดูกาลนี้ มากกว่าเพื่อนร่วมลีกทุกทีม
 
        ครึ่งหลัง หลังจากที่ คาร์เวอร์ กับมือขวาอย่าง สตีฟ สโตน อบรมลูกทีมแล้ว ดูเหมือน นิวคาสเซิ่ล จะเปิดฉากได้อย่างวูบวาบ หลังปล่อยให้ครึ่งแรก ตกเป็นของเจ้าถิ่นฝั่งเดียว
 
        ปาปิส เด็มบา ซิสเซ่ กองหน้าเซเนกัล เจ้าของตำแหน่งนักเตะที่มีค่าเฉลี่ยการยิงประตูต่อนาทีที่ดีที่สุดในฤดูกาล นี้ (74 นาทีต่อ 1 ลูก) ซึ่งกดไป 10 ลูกจากการเล่นพรีเมียร์ลีก 16 นัด ได้วอลเล่ย์แฉลบไปให้ โจ ฮาร์ท ออกแรงเซฟตั้งแต่นาทีที่ 46
 
        กระนั้น ความเด็ดขาดยังอยู่ที่ฝั่ง ซิตี้ อีกเพียงนาทีเดียวต่อมา จากการประสานงานสุดสวย เริ่มจาก อเกวโร่ ไปทางขวาให้ นาสรี่ ตบเข้ากลางให้ ซิลบา ซัดเสียบเสาสองง่ายๆ ขยับสกอร์ 4-0
 
        จากนั้น ยาย่า ตักบอลให้ "กุน" ในกรอบเขตโทษ แม้ดาวยิงอาร์เจนไตน์ จะพักอกกระฉอกเล็กๆ ทว่าก็กลายเป็นเข้าทางปืน ซิลบา ที่วอลเล่ย์ตูมเดียวหายเป็นประตูที่ 2 ของเพลย์เมกเกอร์สแปนิชในนัดนี้ 
 
        แมนฯ ซิตี้ นำสบายๆ 5-0 ในขณะที่เหลือเวลาอีกมากกว่าครึ่งชั่วโมง กุนซือ เปเยกรินี่ จัดการเก็บนักเตะตัวหลักอย่าง ซิลบา และ "กุน" ไว้สำหรับเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ บาร์เซโลน่า คืนวันอังคารหน้า พร้อมกับเปิดโอกาสให้ โบนี่
 
        ดาวยิงร่างตันที่กระทุ้งไป 9 ดอกส์ในครึ่งซีซั่นแรกกับ สวอนซี มีประวัติที่ไม่เลวในการประเดิมสนาม เมื่อเขาเคยเหมาสองลูก ตอนเปิดซิงในฐานะแข้ง "หงส์ขาว" หลังย้ายมาจาก วิเทส พร้อมดีกรีดาวซัลโวลีกดัตช์ ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์เมื่อปี 2013
 
        อย่างไรก็ดี โชคไม่เข้าข้าง โบนี่ เมื่อลูกยิงเหน่งๆ ของเขา ถูก ทิม ครูล มือกาวดีกรีทีมชาติฮอลแลนด์ ใช้ขาป้องกันไว้ได้
 
        แต่คงจะไม่มีอะไรให้ต้องเป็นทุกข์ เมื่อจบเกม แมนฯ ซิตี้ เก็บ 3 คะแนนอย่างสวยสดงดงาม ด้วยชัยชนะ 5-0 ล้างแค้น นิวคาสเซิ่ล ได้สำเร็จ พร้อมยืดสถิติกำราบ "สาลิกาดง" ในพรีเมียร์ลีก เป็น 11 เกมติดต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 5 นัดหลังสุด รัวไปถึง 17 ลูก และไม่เสียเลยแม้แต่เม็ดเดียว
 
        แฟนๆ แมนฯ ซิตี้ เดินออกจากสนามกลับบ้านพร้อมรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า หลังจากพานพบกับวันที่สุดแสนสวยงามของพวกเขา
 
        ไม่ใช่ทีมชนะแบบเหนือชั้น โดยยิงทะลุถึง 5 เม็ด เท่านั้น แต่ เชลซี ผู้ท้าชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกยังสะดุดเหลือเชื่อ จนทำให้ช่องว่างห่างเหลือ 5 แต้ม ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เพื่อนบ้านพ่ายสุดช็อกอีก
 
        ขณะเดียวกัน  แมนฯ ซิตี้ กลายเป็นศูนย์รวมความบันเทิงของพรีเมียร์ลีก เมื่อมีท็อป 4 บนชาร์ตนักเตะที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกมากสุดในรอบปี 2014 อยู่ในทีมด้วยกันหมด ทั้ง โบนี่ (18 ประตู), อเกวโร่ "กุน" (16 ประตู), เชโก้ (14 ประตู) และ ย. ตูเร่ (14 ประตู)
 
        ณ จุดนี้ หลังระเบิดตาข่ายไปถึง 9 ลูกจาก 2 นัดหลัง เด็กๆ ของ เปเยกรีนี่ กำลังพร้อมเต็มที่สำหรับโปรแกรมหนักในถ้วยยุโรปที่รออยู่กลางสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คู่แข่งอย่าง บาร์ซ่า เพิ่งแพ้เป็นนัดแรกในรอบ 12 เกม
 
        ย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีที่แล้ว พลพรรค "เรือใบสีฟ้า" เรียกความพร้อมในการเจอกับ บาร์ซ่า ด้วยการขย่ม เชลซี 2-0 ใน เอฟเอ คัพ ทว่าอีก 3 วันต่อมา พวกเขากลับโดน "เจ้าบุญทุ่ม" บุกซัดกลิ้ง 2-0 ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก
 
        แต่กับปีนี้ ดูเหมือนงานของ บาร์ซ่า คงไม่ง่ายดายแบบนั้น

เปาผี

//////////////////////////////////////////////////////////////////

Cr.www.siamsport ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักแมนซิตี้ประเทศไทย >> http://mcfc.in.th/