แต่มองให้ลึกซึ้งไปกว่านั้น บางทีร็อดเจอร์สอาจพูดไม่ผิด
 
        สถานภาพของแมนฯ ซิตี้ เวลานี้ กำลังถูกสะท้อนด้วยผลงานในลีกที่หมดลุ้นป้องกันแชมป์ไปตั้งแต่ก่อนสงกรานต์
 
        มานูเอล เปเยกรีนี่ ถึงขั้นยอมรับว่าเก้าอี้ของเขามีเดิมพันกับโควตาแชมเปี้ยนส์ ลีก นั่นหมายความว่าในวาบหนึ่ง กุนซือชาวชิลีแอบหวั่นเล็กๆ ว่าเรือใบสีฟ้ามีสิทธิ์จะหลุดจากท็อปโฟร์
 
        หมดเวลาสำหรับความทระนงพองขนว่าต่อให้ซิตี้ล้มเหลว เขาจะยังได้ทำงานต่อในซีซั่นหน้า
 
        ฟุตบอลสมัยใหม่มีความเปลี่ยนแปลงรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง ชะตากรรมของปาร์ม่า ที่กลายเป็นสโมสรล้มละลาย สร้างความสะเทือนใจให้แฟนบอล อันดับต่ำเตี่ยเรี่ยดินของอดีตยักษ์ใหญ่แห่งบุนเดสลีกาอย่างฮัมบูร์กกับสตุ๊ ตการ์ท แสดงให้เห็นว่าไม่มีใครใหญ่เกินคำว่าหายนะ
 
        ทุกทีม ทุกคน ต้องยกระดับและพัฒนาตัวเองตลอดเวลาเพื่อให้ทันต่อโลกต่อยุคสมัย แมนฯ ซิตี้ลากทีมที่ใช้งานมาหลายปีจนไม่สามารถไปต่อได้แล้ว และถึงคราวต้องปรับเปลี่ยน
 
        แน่นอนว่าพวกเขาทำได้ด้วยเม็ดเงินที่มากพอๆ กับเม็ดทรายจากอาบูอาบี ถ้าโลกฟุตบอลยังไฟเขียวให้พวกเศรษฐีโปรยธนบัตรกันได้ตามใจชอบเหมือนเมื่อบาง ปีก่อน
 
        แต่อย่างที่บอกว่าความเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นรวดเร็ว พรีเมียร์ลีกวางกฎเพื่อจำกัดนักเตะต่างชาติแห่เข้ามาขุดทองในอังกฤษ ส่วนยูฟ่าก็ตั้งกฎเหล็กคุมโควตานักเตะนอก และที่สำคัญคือควบคุมบัญชีรายรับรายจ่ายของบรรดาสโมสร
 
        แมนฯ ซิตี้ ถึงแม้จะรวยล้นฟ้าน่าอิจฉากว่าทีมไหนๆ แต่การอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน พวกเขาไม่ต่างจากถูกจับแช่ช่องฟรีซ มือเท้าชา ตัวเย็นเฉียบ ขยับอะไรก็ยากลำบาก
 
        นี่คือปัญหาสำคัญที่หนักหนายิ่งกว่าการมองหากุนซือใหม่ ถ้าเปเยกรีนี่มีอันเป็นไป เอ๊ย...มีอันต้องไปขึ้นมาจริงๆ
 
        เพราะคนใหม่เข้ามา ก็ต้องเจออุปสรรคเดียวกันที่เปเยกรีนี่จะต้องเดินผ่านอยู่แล้ว
 
        ทุกวันนี้ อยากให้สังเกตครับว่าข่าวเชื่อมโยงแมนฯ ซิตี้ กับนักเตะหน้าใหม่ แทบรายไหนรายนั้นแปะป้ายอังกฤษ บนบัตรประชาชน
 
        ไม่ว่า ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกจรวดจากลิเวอร์พูล, อารอน เครสส์เวลล์ แบ็กซ้ายที่เล่นให้เวสต์แฮมทุกนัดทุกนาทีในซีซั่นนี้ หรือ แดนนี่ โรส แบ็กผิวสีที่สเปอร์สส่งเข้าประกวด
 
        เพราะแมนฯ ซิตี้ถูกบีบด้วยสถานการณ์ ด้วยกฎ ให้ต้องหานักเตะท้องถิ่นเข้ามาเสริมทัพ
 
        ไม่ใช่นึกอยากได้ใครก็สอยมาในเมื่อมีเงินเสียอย่าง
 
        แต่ก็นั่นล่ะ นักเตะอังกฤษที่มีฝีเท้าถึงระดับอินเตอร์เนชันแนล อย่าว่าแต่ระดับโลก หายากกว่านักการเมืองที่ไม่เคยรับสินบนเลยแม้แต่บาทเดียว
 
        จะว่าไป หนึ่งในนั้นก็เป็นผู้เล่นของแมนฯ ซิตี้ อยู่แล้ว ได้แก่ โจ ฮาร์ท
 
        เวย์น รูนี่ย์ ไม่มีทางแปรพักตร์จากสีแดงเป็นสีฟ้าของแมนเชสเตอร์โดยเด็ดขาด แต่ก็ไม่แน่นะ คาร์ลอส เตเวซ ยังกล้าทำมาแล้ว
 
        ราฮีม สเตอร์ลิง อาจ available ก็เป็นได้ แต่เขาจะทำให้แมนฯ ซิตี้ ต้องจัดหนักจ่ายเต็มขนาดไหนนี่สิ
 
        ขนาด รอสส์ บาร์คลี่ย์ ยังเป็นข่าวว่าค่าหัว 60 ล้าน ฉะนั้น ราฮีมย่อมไม่ต่ำกว่านั้นแน่นอน
 
        นี่คืออุปสรรคของแมนฯ ซิตี้ ที่จะสร้างทีมบนเป้าหมายเพื่อทวงแชมป์คืนในฤดูกาลหน้า แต่หลายคนไม่รู้ หรืออาจไม่ให้ความสำคัญพอ
 
        ภายใต้กฎของพรีเมียร์ลีก ทุกทีมต้องใส่นักเตะที่เข้าข่าย "โฮมโกรว์น" อย่างน้อย 8 คนจาก 25 รายชื่อ
 
        อธิบาย "โฮมโกรว์น" โดยย่อ คือนักฟุตบอลสัญชาติอังกฤษ หรือหากเป็นตัวต่างชาติ ก็ต้องย้ายมาสังกัดอะคาเดมี่แห่งหนึ่งแห่งใดในอังกฤษ อย่างน้อย 3 ปีก่อนอายุครบ 21
 
        ถ้าทีมหนึ่งมีนักเตะ "โฮมโกรว์น" ไม่ถึงแปด โควตาส่งรายชื่อก็ต้องลดลงจาก 25 อาจจะเหลือ 24, 23, 22 หรือ 21 แล้วแต่ว่าขาดกี่คน
 
        ยกตัวอย่างแมนฯ ซิตี้ ฤดูกาลนี้ มีนักเตะเข้าข่าย "โฮมโกรว์น" แค่ 6 คน ได้แก่ โจ ฮาร์ท, ริชาร์ด ไรท์, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, เจมส์ มิลเนอร์, กาแอล กลิชี่ และ เดดริค โบยาต้า
 
        เห็นปัญหาที่รออยู่ในซีซั่นหน้ามั้ยล่ะครับ
 
        หนึ่งคือ แลมพาร์ด จะโบยบินไปเล่นให้ต้นสังกัดแท้จริงอย่างนิวยอร์ก ซิตี้ เอฟซี หลังจากพลิ้วมาครึ่งปี
 
        หนึ่งคือ มิลเนอร์ จะหมดสัญญา และคาดว่าแกเผ่นแน่
 
        ยกเว้น โจ ฮาร์ท แล้ว พวก "โฮมโกรว์น" ที่เหลือ มีก็เหมือนไม่มี
 
        กลิชี่ น่าผิดหวังกับฟอร์มในปีนี้ นั่นคือเหตุผลที่แมนฯ ซิตี้ กำลังเล็งหาแบ็กซ้ายคนใหม่
 
        โบยาต้า นักเตะเบลเจี้ยนที่มาอยู่กับซิตี้ ตั้งแต่อายุ 16 ยังสอดแทรกขึ้นมาลุ้นตัวจริงไม่ได้ แต่ซิตี้ก็จำเป็นต้องหยิบยื่นสัญญาใหม่ให้ เพื่อรักษาโควตาตัวท้องถิ่น
 
        ส่วน ริชาร์ด ไรท์ เอิ่ม ยังมีใครฝากผีฝากไข้กับนายทวารวัย 37 อีกหรือ
 
        กับกฎในแชมเปี้ยนส์ ลีก ยิ่งแล้ว ยูฟ่าระบุว่านักเตะ "โฮมโกรว์น" ต้องมี 8 คนเท่ากับพรีเมียร์ลีก แต่ที่เข้มงวดกว่า คือ 4 จาก 8 คน ต้องขึ้นชั้นสู่ชุดใหญ่จากระบบสร้างเยาวชนของแต่ละสโมสรเอง
 
        ไม่ใช่ว่าเป็น "โฮมโกรว์น" แต่ดันไปซื้อมาจากทีมอื่น
 
        ตอนนี้ ทางออกที่พอเป็นไปได้ของแมนฯ ซิตี้ มีอยู่สามชอยส์ แต่ทุกชอยส์ก็มีอุปสรรคหรือข้อเสียซุกซ่อนอยู่
 

1) ทุ่มเงินซื้อไปเลยเพื่อให้ได้นักเตะอังกฤษ ระดับหัวกะทิ
 
        แต่อย่างที่เขียนไปข้างต้นแหละครับว่านักเตะอังกฤษที่เก่งจริง มีไม่เยอะ และอุปทานกับอุปสงค์ ก็แตกต่างกันราวฟ้าเหว ทุกทีมอยากได้นักเตะท้องถิ่น แต่ในตลาดมันมีน้อยเหลือเกิน
 
        สเปอร์สจะยอมขาย แฮร์รี่ เคน งั้นหรือ ? แจ็ค วิลเชียร์ อาจได้ไฟเขียวย้ายจาก อาร์แซน เวนเกอร์ แต่แมนฯ ซิตี้ก็ต้องซื้อความเสี่ยงว่านักเตะมีอาการเจ็บเรื้อรังเป็นของแถม
 
        บางที แฟนเอฟเวอร์ตันอาจร้อนๆ หนาวๆ พลางภาวนาว่าอย่ามาเหล่ของตรู...ไอ้หนู จอห์น สโตนส์ !
 
        ถ้าข้อแรกเป็นอะไรที่ยากอยู่ และต้องใช้เงินเยอะในช่วงที่สโมสรถูกบีบรัดจนหน้าเขียวภายใต้กฎไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ ลองหันดูข้อนี้เผื่อเป็นทางเลือก
 

2) ดันนักเตะเยาวชนของตัวเองขึ้นมา
 
        ในโลกแห่งอุดมคติ เห็นทุกอย่างเป็นสีชมพูหวานแหวว นี่คือทางเลือกที่เพอร์เฟกต์ที่สุด โดยเฉพาะพวกเขาลงทุนกว่าสองร้อยล้านปอนด์ สร้างฐานทัพพัฒนาเยาวชน แต่ปัญหามีอยู่ว่ามันต้องใช้เวลาในการสร้างและหล่อหลอม เจ้าของสโมสรจะอดทนรอได้ล่ะหรือ
 
        คำตอบที่พอจะเดาได้คือโน เวย์ !
 
        ทั้งที่แมนฯ ซิตี้ จะว่าไปแล้ว อุดมด้วยนักเตะดาวรุ่งเก่งๆ เพียบๆ กำลังจะเล่นรอบชิงยูธ คัพ กับเชลซี ส่วนยูฟ่า ยูธ ลีก ที่เชลซีเพิ่งได้แชมป์ (ชนะชัคตาร์ โดเนตส์ค ในนัดชิง) เด็กๆ เรือใบก็แล่นฉิวถึงรอบก่อนรองฯ
 
        คีน ไบรอัน ได้รับการจับตาถึงขนาดถูกเปรียบกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ว่ามีโอกาสไต่เต้าขึ้นชุดใหญ่ของแมนฯ ซิตี้ มากที่สุด และเป็นคนแรกนับตั้งแต่ ไมเคิ่ล จอห์นสัน !
 
        ถ้าข้อนี้ จะเป็นแผนการระยะยาวในอนาคต งั้นข้อสามอาจจะช่วยสนองความต้องการให้แมนฯ ซิตี้ ชั่วโมงนี้ได้
 

3) ไม่ต้องไปแย่งของดีที่สุด แต่ลดระดับลงมาซื้อนักเตะอังกฤษระดับบี ที่มีราคาถูกกว่า
 
        แดนนี่ โรส หรือ อารอน เครสส์เวลล์ ที่กำลังเป็นข่าว น่าจะเข้าข่ายข้อนี้
 
        แต่แฟนแมนฯ ซิตี้ จะยอมรับมาตรฐานที่เตี้ยลงได้หรือไม่ และบางที เปเยกรีนี่ หรือกุนซือคนใหม่ จะทนใช้งานพวกเขาโดยรู้ทั้งรู้ว่าฝีเท้ายังไม่ดีพอได้นานขนาดไหน
 
        โรแบร์โต้ มันชินี่ อดีตกุนซือชาวอิตาเลียน มีจุดเริ่มต้นความขัดแย้งภายในก็เพราะเหตุนี้ หลังจาก ไบรอัน มาร์วู้ด ซึ่งตอนนั้นรับผิดชอบเรื่องการซื้อผู้เล่น ไปคว้านักเตะอังกฤษอย่าง สกอตต์ ซินแคลร์, แจ็ค ร็อดเวลล์ และ อดัม จอห์นสัน เข้ามายังสโมสร
 
        ครั้งหนึ่งตอนที่มันโช่ถูกถามความเห็นเกี่ยวกับสามนักเตะอังกฤษ เขาตอบอย่างฉุนเฉียว "ไปถามมาร์วู้ดดูเองสิ !"
 
        มันชินี่ไม่แฮปปี้กับการซื้อผู้เล่นเกรดนี้มาเสริมทัพ ขณะที่เขาหมายมั่นจะต่อกรกับยักษ์ยุโรปอย่างบาร์เซโลน่า และเรอัล มาดริด บนเวทีแชมเปี้ยนส์ ลีก
 
        ถ้าคราวนี้ ซิตี้โดนตีกรอบให้ต้องเลือกนักเตะประมาณนี้มาเสริมทีมอีกครั้ง มันชวนคิดครับว่านอกจากความรู้สึกของกุนซือ และแฟนบอลแล้ว
 
        เรือใบลำนี้อาจต้องทำใจว่าจะถูกทิ้งห่างจากสองพยัคฆ์อังกฤษอย่างเชลซีกับแมนฯ ยูไนเต็ด ไปแบบสุดลูกหูลูกตา....

...มาริโน่...

_____________________________________

Cr.www.siamsport. ติดตามข่าวสารทีมได้ที่เวปหลักแมนชิตี้ไทย :http://mcfc.in.th