เริ่มต้นยุคใหม่ของเรือใบพันล้าน

     หากมองย้อนไปในซีซั่นที่คว้าดับเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาล 2013-2014 แมนเชสเตอร์ซิตี้ในยุคของเปเยกรินี่กลายเป็นทีมที่มีเกมรุกดีที่สุดในลีกและก็ยังติดอันดับทีมที่มีเกมรุกดีสุดในยุโรปด้วยซึ่งวัดจากสถิติการยิงประตูการหาโอกาสยิงและสถิติอีกมากมายโดยซิตี้เป็นรอง บาซ่า , มากริด , บาเยิร์น  

     การเข้ามาทำทีมของปเยกรินี่เป็นไปได้อย่างยอดเยี่ยมและราบลื่นถึงจะมีสะดุดในช่วงแรกๆแต่พอเวลาผ่านไปเปเยกรินี่ก็ค่อยๆแก้ปัญหาต่างๆนั้นได้สำเร็จและพาซิตี้จบด้วยดับเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาล 2013-2014

     ในเวทียุโรปเปเยกรินี่พาทีมเข้ารอบ 16 ทีมมาสองซีซั่นติดแล้วแต่ก็ไปไกลสุดได้แค่นั้นเพราะดันมาเจอของแข็งอย่างบาเซโลน่าสองปีติดเลยทำให้ซิตี้กระเด็นปลิวตกรอบในสองปีที่ผ่านมา

     สองปีที่ผ่านมาของซิตี้ถ้าถามว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงมั้ยมีแน่นอนครับไม่ว่าจะเป็นการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ที่นับเป็นปีแรกในรอบหลายทรศวรรษ และ การเข้าสู่รอบ 16 ทีม ชปล ครั้งแรกของประวัติศาสตรืสโมสร บันทึกหน้าใหม่ทั้งหมดนี้ เปเยกรินี่ คือผู้เขียนมันไว้

     แต่มันมีอีกหนึ่งประเด็นครับเคยมีอดีตผู้จัดการทีมของแมนเชสเตอร์ซิตี้เคยกล่าวไว้ว่า “เปเยกรินี่เขาโชคดีที่ได้รับมรดกที่ผมทิ้งไว้ให้” คำพูดนี้คือคำพูดของ โรแบร์โต้ มันชินี่

     “เปเยกรินี่เขาโชคดีที่ได้รับมรดกที่ผมทิ้งไว้ให้” คืออะไร?

     ถ้าใครคือสาวกเรือใบที่ติดตามเรือใบมาอย่างยาวนานคงไม่ต้องสงสัยกับคำพูดนี้ มันคือความจริงครับนักเตะชุดคว้าดับเบิ้ลแชมป์รวทมาถึงชุดที่เล่นในปัจจุบัน ทั้งหมดล้วนมาจากการวางรากฐานไว้ของมันชินี่ เพียงแต่เปเยกรินี่เข้าปรับระบบการเล่นเน้นเกมรุกเป็นหลักเพิ่มอาวุธในการเข้าทำเกมรุกมากขึ้นนั้นเลยทำให้ซิตี้เป็นทีมที่ใครได้ยินชื่อต่างผวาไปตามๆกัน

     นักเตะหลักๆที่เป็นแกนหลักสำคัญมาตลอดสองปีหลังคือ ยาย่า ตูเร่ , คอมพานี , ซาบาเลต้า , ซิลบา , นาสรี่ , กุน อกูเอโร่ , มิลเนอร์ , โคลาลอฟ , กลิชี่ บรรดาผู้เล่นพวกนี้ล้วนแต่มาจากยุคมันชินี่ทั้งนั้นและความสำเร็จสองปีหลังเปเยกรินี่เรียกได้ว่ายังกินใบบุญเก่าของมันชินี่อยู่ นั้นเลยทำให้มันชินี่ออกมาพูดเช่นนั้น

     แต่ถ้ามองอีกด้านคือเปเยกรินี่ก็คงจะพอใจในขุมกำลังชุดนี้ที่มันชินี่ทิ้งไว้ให้เขาก็เลยไม่ต้องทำการเสริมทีมอะไรมากคือทำการเสริมบางจุดที่ตนต้องการมาแก้ให้เข้ากับระบบแค่นั้นซึ่งเราจะเห็นว่า แบรี่ ที่ดูจะเล่นแข็งแกร่งในยุคมันชินี่ก็ถูกดร็อปจนต้องย้ายออกไปและทำการดันเฟอร์นันดินโญ่ขึ้นมาแทนเพื่อเน้นกลางที่ผลัดกันทำเกมรุกได้มายืนคู่กับยาย่า ตูเร่

     เท่านั้นยังไม่พอผู้เล่นหน้าใหม่ที่แจ้งเกิดในยุคเปเยกรินี่ยังมี เดมิเคลิส ที่ล้างสนามไปเกือบปีก็กลับมาโชว์ความเก๋าได้อีกครั้ง อัลบาโร่ เนเกรโด้ กลายมาเป็นขวัญใจคนใหม่ของแฟนๆ นาบาส มาเติมสีสันเกมริมเส้นให้กับเรือใบ

     ไม่ใช่แค่นั้นเปเยกรินี่ทำการขัดเกลานักเตะอย่าง นาสรี่ , โคลาลอฟ , เชโก้ ให้กลับมาระเบิดฟอร์มเทพอีกครั้งหลังจากที่ยุคของมันโช่ผู้เล่นพวกนี้ดูจะดร็อปๆไป

     ซึ่งนี่อาจจะเป็นการด่าโดยทางอ้อมของเปเยกรินี่ว่าในเมื่อมีทีมที่แข็งแกร่งอยู่แล้วเราก็ไม่ต้องเสริมอะไรมากมายเพียงแค่เราปรับทัศนะคติและระบบการเล่นของทีมใหม่ให้ดูมีมิติมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นก็จะกลายเป็นยอดทีมได้

     “ผู้เล่นก็ชุดเดิมๆ ผมไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากมายจากชุดของมันชินี่แต่ทำไมผมพาทีมเดินไปได้ดีมากกว่ามันชินี่ทั้งที่ผู้เล่นก็คนๆเดิม ทีมก็ทีมเดิมไม่ได้ปรับอะไรมากมายแต่ผลงานที่มองในภาพรวมผมกับทำได้ดีกว่า”

     นี่อาจจะเป็นคำตอบที่อยู่ในใจของเปเยกรินี่สวนกลับไปด้วยผลงานของตัวเองมากกว่าจะสวนกลับไปด้วยวาจา

     มาจนถึงจุดนี้เมื่อฤดูกาลที่แล้วผู้เล่นหลายที่เคยอยู่ในยุคมันชินี่ก็เริ่มแสดงอาการที่ว่ากันว่าโรยราไปตามอายุ ทั้ง ยาย่า ตูเร่ , ซามีร์ นาสรี่ , กาแอล คลิชชี่ ,  แว็งซองต์ กอมปานี , เอดิน เชโก้ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ฟอร์มการเล่นเริ่มดูจะเริ่มดร็อปลงและทุกคนที่กล่าวมาอายุเริ่มแตะหลัก 30 แล้ว และในฤดูกาลที่ผ่านมามีอยู่ช่วงนึงที่เล่นแบบไร้แรงจูงใจ

     ซึ่งถ้าถามว่าตอนนี้บรรดานักเตะวัยเก๋าที่อยู่ในทีมซิตี้ต้องการอะไรเป้าหมายสุดท้ายของพวกเขาตอนนี้จับจ้องอยู่ที่ แชมป์เปี้ยนลีก การที่จะได้เป็นเจ้ายุโรปนั้นคือเป้าหมายสุดท้ายของบรรดาแข้งวัยเก๋าที่อยู่ในทีม

     ซึ่งแรงจูงใจในเวทียุโรปมันส่งกระทบถึงเวทีในลีกรึป่าวอันนี้ผมก็ว่ามีส่วนนะครับนักเตะบางคนอาจจะถึงช่วงอิ่มตัวในลีกแล้ว ก็บางคนได้มาหมดแล้วทั้งแชมป์ลีก ลีกคัพ เอฟเอคัพ ความกระหายเวลาเล่นในประเทศก็ดูจะหดหายไปแต่พอเป็นเวทียุโรปทุกคนก็จะดูจริงจังซีเรียสกันไปคนละแบบซึ่งนี่อาจจะเป็นที่มาในการเริ่มโปรเจคผ่าตัดทีมครั้งใหญ่

     ซิตี้ในตอนนี้เริ่มร่างโปรเจ็คยักษ์ในการที่จะดึงดาวรุ่งเข้ามาประดับทีมโดยข่าวซื้อขายนักเตะถ้าเราลองสังเกตกันดีๆเป้าหมายของซิตี้แต่ละดีลอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 20-25 ปี ที่เน้นฝีเท้าดีอายุน้อยอยู่ในแผนการทำทีมระยะยาว

     ซึ่งต่างจากที่ผ่านๆมาซึ่งตั้งแต่ ซิกิ เบกิริสไตน์ ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการด้านกีฬาที่เข้ามาบริหารเรื่องการจัดซื้อในตลาดนักเตะแต่ละดีลต้องบอกว่าอยู่ในคอนเซปที่ว่าเน้นนักเตะที่มีประสบการณ์เป็นหลักซึ่งอายุอยู่ที่ 26-30 ปี

     มาในฤดูกาล 2015-2016 ที่จะถึงนี้แมนซิตี้มีมีโครงการซื้อนักเตะที่เรียกว่าทุบคลังทุ่มเงินซื้อถึงขั้นยอมผิดกฎแฟร์เพล์กันอีกรอบเลยทีเดียวโดยตอนนี้ดีลยังอยู่ที่แข้งดาวรุ่งสามคนคือ ป็อกบาจากยูเว่ สเตอร์ลิงจากลิเวอร์พูล เดอบรอยน์จากโวล์ฟบวร์ก

     ซึ่งสามคนราคารวมกันตกอยู่ที่ 145 ลป และเท่านั้นไม่พอยังมีนักเตะที่อยู่ในลิสต์อีกเยอะมากทั้ง อิสโก้ , วิลเชียร์ ซึ้งทั้งหมดที่ว่ามาราคา 30 อัพทุกคน และโครงการผ่าตัดทีมครั้งใหญ่ของซิตี้ราคาในการผ่าตัดครั้งนี้ยอดรวมทะลุ 200 ลปแน่นอน

     และนี่คือการระดมเงินซื้อนักเตะครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งของแมนซิตี้ที่ไม่ค่อยได้เห็นตั้งแต่ยุคมันชินี่ ซึ่งถ้าซิตี้ปิดดีลได้ครบหมดตามลิสต์ที่เคยตกเป็นข่าวแน่นอนครับรับรองได้มีการยกเครื่องทีมใหม่หมดแน่และนักเตะที่ต้องกระเด็นหลุดก็ต้องบอกว่ามีแน่นอนซึ่งบรรดาตัวเต็งที่จะถูกโละก็มีเยอะไม่ว่าจะเป็น นาสรี่ , โยเวติช , เชโก้ , ซางญ่า และบรรดานักเตะสำรองและดาวรุ่งที่ปล่อยยืมบ้างก็ย้ายออกไปหมดแล้ว ซึ่งในปีนี้เราอาจจะเห็นการยกเครื่องและก้าวเข้าสู่ ยุคใหม่ ของเรือใบภายใต้การคุมทัพของเปเยกรินี่

- บลูมูน -