Members

บททดสอบต่อไป

     แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชั่วโมงนี้ถ้าพูดถึงทีมในลีกอังกฤษคงไม่มีใครไม่รู้จักทีมนี้แมนซิตี้กลายเป็นทีมที่มีฟอร์มร้อนแรงที่สุดในตอนนี้กับผลการแข่ง 4 นัดเก็บ 12 คะแนนเต็มยิงไปแล้ว 10 ประตู เสีย 0 นี่คือตัวเลขที่บ่งบอกแล้วว่าทั้งเกมรุกและเกมรับเล่นกันได้ยอดเยี่ยมขนาดไหน

     แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนจะเริ่มซีซั่นใหม่ถูกมองว่าเป็นแค่เต็งสี่เท่านั้นและอาจจะโดนลิเวอร์พูลเบียดแย่งกันตำแหน่งขึ้นมาด้วยซึ่งแชมป์ถูกมองว่าเชลซีของมูรินโญ่จะสามารถป้องกันแชมป์ได้

     และอันดับสองคือแมนยูที่จะมาเป็นทีมที่ขับเคี่ยวกับเชลซีโดยมีอาเซน่อลมาร่วมวงด้วยแต่แมนซิตี้คงจะวัดจากฟอร์มฤดูกาลที่ผ่านมาเลยทำให้ถูกมองข้ามหัว เอาตรงๆตัวผมเองแรกๆก็ยังไม่เชื่อมือเปเยกรินี่เหมือนกันในฤดูกาลที่แล้วบางฟิวยังมีงอแงอยากให้บอร์ดปลดจนกระทั่งมาถึง 6 นัดสุดท้ายของซีซั่นที่แล้วเปเยกรินี่มีการปรับเปลี่ยนทีมให้เห็นอย่างแรกเลยคือการหันกลับมาใช้หน้าเดี่ยว

     และไปเน้นสามประสานแนวรุกแทนซึ่งตอนแรกก็ยังทำท่าว่ายังหาไม่เจอจนมาเจอสูตรที่ลงตัวคือ มิลเนอร์ ซิลบา นาบาสที่สลับกันลงกับนาสรี่ ส่วนปัญหาแนวรับในช่วงนั้นยังเหมือนเดิมแต่ถ้าถามถึงแนวรุกซิตี้ดูกลับมามีชีวิตชีวาเมื่อท้ายซีซั่นที่แล้ว

     มาในฤดูกาลนี้ เปเยกรินี่ ยังติดใจในการเล่นหน้าเดี่ยวอยู่และดูจะยึดระบบนี้ไปอีกนานเขาลบทัศนคติเดิมๆออกไปปรับมิติเกมของซิตี้ให้มีชีวิตชีวาขึ้นโดยเน้นเกมรุกเหมือนเดิมแต่สปีดเกมดูจะเร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนเพราะมีทั้ง สเตอร์ลิง นาบาส และ ล่าสุดได้ เดอบรอยน์ เข้ามาร่วมก๊วนอีกด้วยนั้นทำให้การเล่นจังหวะเกมรุกริมเส้นของซิตี้ไม่มีปัญหาและกลายเป็นตัวป่วนกองหลังชั้นดีซึ่งแต่ละทีมโดนเผาเครื่องกันมาหลายทีมแล้ว

     ซิตี้ในซีซั่นนี้เราได้เห็นความเก๋าของเปเยกรินี่ไปแล้วในแต่ละเกมซึ่งเขาแสดงให้เห็นถึงการแก้เกมปรับแทคติกชั้นเซียนให้เราได้เห็น จากกุนซือที่ติดอันดับกุนซือที่มีการแก้เกมยอดแย่ในตอนนี้เชื่อว่าหลายท่านคงคิดต่างออกไปยกตัวอย่างเกมที่เจอ เอฟเวอร์ตัน กับ วัตฟอร์ด สองทีมล่าสุดนี้เน้นการตั้งรับลึกซึ่งรูปเกมของซิตี้จากที่ปีกซ้ายขวาเคยปั่นป่วนได้แบบมีลุ้นมาในสองเกมหลังเกมริมเส้นของซิตี้ถูกปิดตายยิ่งนัดที่เจอวัตฟอร์ดเราจะเห็นว่าทั้งนาบาสและสเตอร์ลิงดูไปก็อึดอัดไป

     จนในที่สุดเปเยกรินี่ปรับรูปเกมโดยเน้นแทคติกมากขึ้นเลยส่งผู้เล่นที่ชั้นเชิงสูงอย่างนาสรี่ลงมาซิตี้ปรับไปเล่นแผนที่เคยเล่นมาคือเน้นเคาะบอลตามช่องไปมาจนในที่สุดก็สามารถจบสกอร์และปิดบัญชีได้ ซึ่งเปิดหัวมาในลีกต้องบอกว่าเปเบกรินี่พาซิตี้กลับมาเป็นทีมที่ลุ้นแชมป์เต็มตัวอีกครั้ง

     เวทีต่อไปที่จะพิสูจน์กึ๋นของเปเยกรินี่ว่าดีแค่ไหนนั้นคือเวทียุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ซึ่งซิตี้ก็เหมือนเดิมตามที่ผ่านๆมาครับซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่ม กรุ๊ปออฟเดธ ตามเคยซึ่งปีนี้ซิตี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มดีซึ่งมีคูแข่งอย่างรองแชมป์เก่ารายการนี้นั้นก็คือ ยูเวนตุส และดีกรีแชมป์ยูโรป้าสองสมัยอย่าง เซบีย่า และยอดทีมจากเมืองเบียร์นั้นก็คือ กลัดบัค ซึ่งสามทีมที่ซิตี้จะเจอนี้คือยอดทีมของลีก อิตาลี สเปน และ เยอรมัน

     นี่คือบททดสอบต่อไปของเปเยกรินี่ ที่เจ้าตัวประกาศย้ำชัดแล้วว่าแฟนๆจะได้เห็นซิตี้รูปแบบใหม่ในแชมป์เปี้ยนลีกแน่นอนซึ่งแฟนๆอย่างเราๆก็น่าจะทำได้แค่รอดูเท่านั้นว่านี่เป็นแค่ ราคาคุย หรือ เปเยกรินี่ทำได้จริงๆ

     ว่ากันถึงรายการแชมป์เปี้ยนลีก ก็ต้องบอกว่าไม่พ้นสื่อที่ต้องมีการวิเคราะห์วิจารณ์รวมถึงตัวผม แน่นอนสาย D นี้ลุ้นกันมันส์แน่โดยสื่อยก ซิตี้เป็นเต็งสองส่วนแชมป์กลุ่มน่าจะเป็นรองแชมป์เก่าอย่าง ยูเวนตุส และเซบีย่าน่าจะไปเล่นยูโรป้า ส่วนกลัดบัคก็ไปเก็บประสบการณมาอีก แต่บางที่ก็บอกว่าแมนซิตี้อาจจะหล่นไปอันดับสามและเซบีย่าทีมที่กำลังมาแรงในลาลีกาน่าจะเบียดมาขึ้นแท่นอันดับสอง

     โอ้ย บลา บลา บลา ต่างๆนาๆก็ไม่เข้าใจครับว่าทำไมหลายสื่อถึงมองซิตี้ว่าเปนทีมที่ไม่น่าประสบความสำเร็จประหนึ่งลูกเมียน้อย ผมขอให้ปรับความคิดใหม่ว่าซิตี้ต่างหากที่เป็นทีมที่ทีมอื่นต้องกลัวไม่ใช่ ซิตี้ต้องไปกลัวทีมอื่น สื่อจะเอาอะไรมาวัดฟอร์มการเล่นหรอเอางี้เราไปเช็คฟอร์มการเล่นของทีมร่วมสายของซิตี้กันหน่อยครับ

     

     ทีมเต็งแชมป์กลุ่มแข่งไปสองนัด หาแต้มไม่เจอสักแต้มแพ้มาสองนัดติดพอกันกับกลัดบัคแข่งสามนัดแพ้สามนัดติดตัวกุนซือยังรอมร่อว่าจะโดนเด้งไม่โดนเด้ง ส่วนเซบีย่าพึ่งได้ไปคะแนนเดียวจากสองนัด ถ้าวัดกันตามฟอร์มมีซิตี้เท่านั้นที่ดีที่สุดเปิดสนามมาสี่นัดยังไม่แพ้และยังไม่เสียเลยสักประตูเดียว

     แต่มันติดอยู่ที่ว่าเวลามาเวทียุโรปทีไรซิตี้มักจะโชว์ฟอร์มเทพไม่ค่อยออกนี่เลยเป็นประเด็นที่ว่า เปเยกรินี่ จะของจริงรึป่าวเวทีนี้คือตัวตัดสิน และ ผมขอย้อนไปพูดถึงทรรศนคติมุมมองของผมนะครับในสายนี้ผมขอแหกด่านสื่อไปเลยผมขอมองว่า ซิตี้ จะจบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ยูเว่น่าจะจบอันดับสองเหมือนที่ผ่านๆมา อันดับสามน่าจะเป็นเซบีย่าที่จะต้องไปลุ้นป้องกันแชมป์ยูโรป้าอีกรอบ กลัดบัคน่าจะต้องเก็บเลเวลไปอีกตามที่สื่อคาด

     

     เอาอะไรมาแน่ใจตั้งแต่ผลการจับฉลากออกผมก็ทำการศึกษาข้อมูลและไปเช็คฟอร์มของแต่ละทีมมา กลัดบัค ตอนนี้มีปัญหาทุกอย่างภายในทีมทั้ง หน้า กลาง หลัง ตอนนี้กลายเป็นทีมที่ยิงน้อยโดนเยอะไปแล้วโดยยิงไปแค่ 2 ลูก และเสียถึง 8 ในสามนัดที่ผ่านมา

     และจากฟอร์มการเล่นผมก็ไม่ค่อยรู้จักตัวผู้เล่นมากนักแต่เท่าที่เห็นไม่น่าเชื่อว่านี่คือทีมที่จะเข้ามาเล่นใน ชปล ได้ถ้าดูจากฟอร์ม แต่อะไรไม่แน่นอนครับการเล่นอย่างไม่ประมาทนับว่าเป็นแทคติกที่ดีที่สุด ผมไม่ได้ดูถูกกลัดบัคแต่กลัดบัคดูไม่ใช่กลัดบัคทีมเดิมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

 

   เซบีย่า ถ้าถามถึงฟอร์มการเล่นต้องบอกว่าก็ยังอยู่ในมารตฐานเดิมยังเน้นการเล่นบอลกับพื้นเน้นการเล่นเป็นระบบเหมือนเดิมและยังคงมีแทคติกเคาท์เตอร์แอกแทคที่น่ากลัวเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าขาดจังหวะจบสกอร์สองนัดที่ผ่านมายังยิงไม่ได้สักประตูเดียวเละเสียไปแล้วสามประตู บัคก้าที่ดูจะเป็นตัวความหวังแต่ฟอร์มดูจะหายไป ส่วน ยอรันเต้ ดูแล้วยังต้องใช้เวลาในการปรับตัวอยู่สักพัก

     แต่ขึ้นชื่อว่าเซบีย่า การไปเยือน เอสตาดิโอ ราม่อน ซานเชซ นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย นี่นับเป็นนรกทีมเยือนอีกทีม เซบีย่า ยามเล่นในบ้านต้องบอกว่าแข็งแกร่งทีเดียวแต่สิ่งที่ยังขาดหายไปคือการจบสกอร์ถ้าแก้ไขตรงนี้ได้เร็วนับว่าจะกลับมาดุดันได้เหมือนเดิม

     

     ส่วนทีมสุดท้ายนี่ป่วยหนักเลยสำหรับดีกรีรองแชมป์อย่าง ม้าลาย ยูเวนตุส กลายเป็นว่าประสบปัญทุกด้านตั้งแต่โค้ชไล่ไปยันนักเตะ ยูเว่ยามเล่นในลีกเน้นหลังสามเป็นหลักเพื่อความเหนียวแน่น แต่ทีมยามไร้ เตเวซ ปีร์โล่ วิดัล สามแกนหลักนี้กลายเป็นว่ายูเว่ดูจะดร็อปลงไปมาก บวกกับนักเตะที่ฟอร์มดูจะร่วงลงไปอย่าง สเตฟาน ลิชต์สไตเนอร์ และ มานซูคิช ก็ดูจะมีปัญหาในการปรับตัว ทำให้ตอนนี้ยูเวนตุสยังอยู่ในช่วงขาลง

     และกลายเป็นว่ามีเรื่องปวดหัวให้ แม็ก อันเลกรี ได้แก้ไขอีกเยอะแน่โดยเฉพาะการเข้าทำเกมรุก ยูเว่ กลายเป็นทีมที่หาเกมรุกไม่เจอรูปเกมไม่ค่อยประติดประต่อการพาบอลจากหลังหรือกลางไปหน้าดูจะมีปัญหา การขาดปีร์โล่ไป นับว่าเป็นการเสียหายเป็นอย่างมาก บวกกับเตเวซเคยเปป็นความหวังของทีมก็ไม่อยู่แล้ว เฮ้อ… ในสามทีมก็มียูเว่นี่แหละครับที่รูปเกมไม่เป็นรองกลัดบัคเลย

     แต่ ยูเว่ ใน ชปล นับว่าเป็นคนละเรื่องในศึกใหญ่จะเน้นเกมรับที่เหนียวแน่นเป็นหลักตามสไตร์บอลดั้งเดิมของอิตาลีนั้นคือการตีหัวแล้วเข้าบ้าน ซึ่งจุดนี้นับว่าเป็นจุดแข็งของยูเว่ ซึ่งเราต้องมาดูกันในวันที่ 15 กันยายน นี้ว่า เปเยกรินี่ จะทำได้อย่างที่พูดรึป่าว

   

     ไม่ว่าจะเจออะไรใน ชปล ผมขอบอกว่าหินทุกทีมยามเล่นในเวทีใหญ่เช่นนี้ความกระตือรือร้นความกระหายแรงกดดันมันคนละอย่างราวกับเป็นคนละทีม ผมก็ทำได้แค่พูดว่า อย่าประมาท เป็นดีที่สุดครับ และนี่คือบททดสอบต่อไปของเปเยกรินี่ครับว่า เขาจะพา ซิตี้ ไปโลดแล่นในเวทียุโรปนี้ได้ไกลแค่ไหน จะสามารถพาทีมไปไกลกว่ารอบ 16 ทีมได้มั้ยต้องมาคอยดูกันครับ

- บลูมูน -

Views: 1184

Reply to This

Replies to This Discussion

วิเคราะห์ได้ดีครับผมปีนี้ผมว่ามีลุ้น ucl รอบแบ่งกลุ่มจบไม่ทีหนึ่งก็ที่สองครับ

ถ้าเล่นกันแบบนี้นะคับด่านไหนๆก็ผ่านได้

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.