"สิงห์"ทุ่มพันล้าน สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง โดยล่าสุดสนับสนุนสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างเป็นทางการ

"สิงห์" ทุ่มสปอนเซอร์ 4 ทีมพรีเมียร์ลีกจับมือแมนฯ ซิตี้รุกสร้างแบรนด์-ฐานลูกค้าต่อยอดแมนฯ ยูฯ-เชลซี-เลสเตอร์ ซิตี้ พร้อมอัดงบฯสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งปีละ 1,000 ล้าน เน้นกีฬาระดับโลกสปริงบอร์ด การรับรู้คลุมยุโรป-อาเซียน พร้อมส่งร้านอาหาร เอส.33 สยายปีกอังกฤษ ญี่ปุ่น ชูคอนเซ็ปต์ไมโครบริวเวอรี่-อาหารไทยฟิวชั่นเสริมแกร่งธุรกิจเบียร์

ถึงวันนี้เบียร์สิงห์ยังคงเปิดเกมรุกตลาดในต่างประเทศด้วยกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการทุ่มงบฯในการเข้าเป็นผู้สนับสนุนสโมสรฟุตบอลชั้นนำในพรีเมียร์ลีกประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นลีกที่มีผู้ชมทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแบรนด์สิงห์ให้เป็นที่รู้จักและเป็นสปริงบอร์ดที่จะขยายตลาดไปยังประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้ บุญรอดฯยังเตรียมจะนำร้านไมโครบริวเวอรี่ "เอส.33" ออกไปบุกต่างประเทศด้วย

ทุ่มพันล้าน รุกสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง

นายจาตุรนต์ หิมะทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ธุรกิจ-การตลาดกีฬาต่างประเทศ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทมีนโยบายที่จะรุกตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอังกฤษที่เป็นตลาดที่สำคัญและจะต่อยอดไปยังประเทศอื่น ๆ ในยุโรป ล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบฯเพื่อเข้าไปสนับสนุนสโมสรฟุตบอลเป็นทีมที่ 4 โดยทีมล่าสุดคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากเดิมที่สิงห์เป็นสปอนเซอร์ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี ทั้งหมดเป็นสปอนเซอร์ในระดับโกลบอลพาร์ตเนอร์ และเพิ่งเซ็นสัญญาไปก่อนหน้านี้ คือ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เซ็นสัญญากัน 4 ปี ตั้งแต่ปี 2558-2561 โดยได้สิทธิ์จำหน่ายเบียร์ในคิงเพาเวอร์สเตเดี้ยม

ทั้งนี้ เพื่อต้องการจะสร้างแบรนด์สิงห์ในอังกฤษและยุโรปให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เนื่องจากฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่มีผู้ชมการแข่งขันมากที่สุดในโลก จึงมั่นใจว่ากลยุทธ์นี้จะสามารถสร้างอิมแพ็กต์ได้อย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมานอกจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว ในแง่ของแบรนด์สิงห์ก็เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น

"การมีทีมที่สิงห์เข้าไปเป็นสปอนเซอร์มากขึ้นนอกจากจะช่วยทำให้เรามียอดขายเพิ่มขึ้นแล้ว ยังส่งเสริมการรับรู้แบรนด์ของสิงห์ไปสู่คนกลุ่มใหม่ ๆ อย่างแฟนคลับของทีมนั้น ๆ ที่มีอยู่ทั่วโลก โดยเราเชื่อว่าพรีเมียร์ลีกจะสามารถสร้างอิมแพ็กต์ได้อย่างรวดเร็ว"

นายจาตุรนต์กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม นอกจากการเข้าไปสนับสนุนทีมฟุตบอลดังกล่าวแล้ว สิงห์ยังให้ความสำคัญและไปเป็นสปอนเซอร์กีฬาประเภทอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ จีพี, รักบี้, ฟอร์มูล่า วัน ซึ่งสำหรับปีนี้บริษัทจะใช้งบฯในส่วนนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาสิงห์เข้าไปสนับสนุนสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชลซีในระดับโกลบอลพาร์ตเนอร์มาตั้งแต่ปี 2553 และมีการต่อสัญญามาเป็นระยะ ๆ โดยจะได้สิทธิ์ในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ และป้าย LED ภายในสนาม และนำรูปนักเตะของสโมสร คำพูด ข้อความ ไปใช้ในการโฆษณาได้ทั่วโลก นอกจากนี้ ที่ผ่านมาสิงห์ยังได้จัดกิจกรรมทางการตลาดในหลาย ๆ ประเทศ ด้วยการนำตัวแทนจำหน่าย และลูกค้าไปชมการแข่งที่ประเทศอังกฤษเป็นระยะ ๆ ควบคู่กันนี้สิงห์ยังได้เข้าไปเป็นสปอนเซอร์ให้กับพรีเมียร์ชิป รักบี้ กีฬายอดนิยม

อีกประเภทหนึ่งในอังกฤษ โดยได้เซ็นสัญญาเป็นพาร์ตเนอร์กับการแข่งขันพรีเมียร์ชิป รักบี้ อังกฤษ เป็นเวลา 2 ปีครึ่ง ตั้งแต่ต้นปี 2558-พฤษภาคม 2561 และได้รับสิทธิ์ในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ภายในสนามทั้ง 12 ที่แข่งขันในลีก และมีป้ายตราสัญลักษณ์สิงห์ติดข้างสนามทั้งหมด

นอกจากนี้ สิงห์ยังได้มีการจัดกิจกรรมด้วยการออกบูทในงานต่าง ๆ ทั้งในอังกฤษและหลาย ๆ ประเทศในยุโรป เช่น ไทยเฟสติวัล, เทสต์ ออฟ ลอนดอน, ไทยแลนด์ แกรนด์ เฟสติวัล ที่เนเธอร์แลนด์ การจัดกิจกรรมเพื่อลุ้นตั๋วดูฟอร์มูล่า วัน กรังด์ปรีซ์ 2015 ที่เบลเยียม เป็นต้น

ดันไมโครบริวเวอรี่โกอินเตอร์

นายพร ดารีพัฒน์ กรรมการผู้จัดการประจำสำนักงานกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังจากเปิดร้าน เอส.33 ร้านไมโครบริวเวอรี่มา 6 ปี ล่าสุดมีแผนนำร้านดังกล่าวไปเปิดยังต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับพาร์ตเนอร์จากอังกฤษและญี่ปุ่น ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ จากการศึกษาพบว่าตลาดไมโครบริวเวอรี่

ในประเทศดังกล่าวยังมีช่องว่างที่จะเติบโตได้ นอกจากเบียร์ของ เอส.33 ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น การนำข้าวกล้อง ข้าวเหนียวดำมาเป็นส่วนผสมในการหมักเบียร์แล้ว ยังจะชูจุดขายในเรื่องของการเป็นอาหารไทย-ฟิวชั่น เพื่อความแตกต่างจากที่อื่น

"เราต้องการใช้อังกฤษเป็นสปริงบอร์ดสร้างการรับรู้ไปสู่ประเทศอื่น ๆ ในยุโรปด้วย และนอกจากญี่ปุ่นเรายังมองโอกาสจากประเทศอื่น ๆ อาทิ สิงคโปร์และฮ่องกง เนื่องจากเป็นตลาดที่เติบโตสูง ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีไลฟ์สไตล์การกินอาหารนอกบ้าน"

นายพรยังระบุต่อไปอีกว่า ส่วนตลาดในประเทศตั้งเป้าจะเปิดเพิ่มปีละ 1 สาขา ลงทุนสาขาละประมาณ 50 ล้านบาท บนพื้นที่ 450 ตร.ม. โดยจะยังเน้นในกรุงเทพฯเป็นหลัก และในอนาคตอันใกล้มีแผนจะเปิดร้านแฟลกชิปในโครงการ "สิงห์ คอมเพล็กซ์" บริเวณแยกอโศก ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จในอีก 3 ปีจากนี้ พร้อมกับปั้นร้านแฟลกชิปของแบรนด์อื่น ๆ ในเครือ อาทิ ฟาร์ม ดีไซน์ และคิตะโอจิด้วยเช่นกัน

"จากนี้ไปเรายังเน้นการขยายธุรกิจร้านอาหารด้วยกลยุทธ์ Build & Buy โดยไม่เพียงโฟกัสไปยังการสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังมองไปที่การซื้อแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาเสริมพอร์ตให้ครบยิ่งขึ้น"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสิงห์ได้จัดตั้งบริษัทไฟน์ ฟู้ด แคปปิตอล เพื่อขยายธุรกิจอาหารสำเร็จรูปทั้งในและต่างประเทศแล้ว ในปีที่ผ่านมาสิงห์ได้เข้าไปซื้อกิจการร้านอาหารในประเทศอังกฤษของกลุ่ม

ออร์คิด กรุ๊ป (Orchid Group) จำนวน 4 ร้าน มูลค่า 1 ล้านปอนด์ โดยอนาคตจะนำผลิตภัณฑ์ของสิงห์เข้าไปใช้ในร้าน เพื่อต่อยอดการรับรู้แบรนด์นอกเหนือจากการใช้กลยุทธ์สปอนเซอร์ชิป

**********************************************************

Cr.prachachat.net/  ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th