คอลัมน์น่าสนใจ::ม้าลายกลับมาคืนชีพ!
คอลัมน์น่าสนใจ::ม้าลายกลับมาคืนชีพ!
ลุ้นกันระทึกทีเดียวสำหรับ ''ยูเวนตุส'' ที่ออกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดแรก ม้าลายไปด้วยสถานะเป็นรองพอสมควร เมื่อดูผลงานในลีกที่ผ่านมา เบียงโคเนรี่เพิ่งมีแต้มเดียวจากสามนัดแรก และเป็นคะแนนที่ได้มาอย่างหวุดหวิด ในการไล่ตีเสมอคิเอโว เกมเซเรีย อา นัดล่าสุด ขณะที่เรือใบสีฟ้าชนะมารวดทุกนัดในพรีเมียร์ลีก
11 คนแรกของเทรนเนอร์ มัสซิมิลิอาโน่ อัลเลกรี จัดแบบ 4-3-3 คือ จานลุยจิ บุฟฟ่อน - สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์, เลโอนาร์โด้ โบนุชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, ปาทริซ เอวร่า - สเตฟาโน่ สตูราโร่, แอร์นาเนส, ปอล ป็อกบา - ฮวน กวาดราโด้, มาริโอ มานด์ซูคิช, อัลบาโร่ โมราต้า ส่วนซิตี้ใช้แบบ 4-2-3-1 หัวหอกตัวเป้าส่ง วิลฟรีด โบนี่ เล่นแทน เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่บาดเจ็บ
ภาพรวมครองเกมต้องยอมรับว่า สโมสรอังกฤษครองเกมได้ดีกว่า คือเก็บบอลได้ถึง 59% ม้าลายแค่ 41% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม การที่แมนฯ ซิตี้ เปิดเกมบุกเต็มสูบ ดันขึ้นไปเติมเกมรุกกันเยอะ ก็ทำให้เบียงโคเนรี่มีพื้นที่โต้กลับ และทำเกมรุกได้บางเช่นกัน เรือใบสีฟ้าหาโอกาสยิงได้ 9 ยูเว่ 6 ยิงเข้ากรอบอยู่ในอัตรา 5 ต่อ 3 ครั้ง
เรื่องการผ่านบอล ต้องยกให้เจ้าบ้านที่ขึ้นชื่อเรื่องการเล่นบอลตามช่อง เล่น Passing game ได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ผ่านลูกได้ 602 ครั้ง ส่วนม้าลายเพียง 423 หน อัตราผ่านบอลสำเร็จ 87.5% ต่อ 82.3%
จังหวะการเคลื่อนบอลตรงกลางของม้าลาย ดูเหมือนยังเชื่องช้า โดยคู่ต่อสู้อ่านและชิงบอลตรงพื้นที่จุดเสี่ยงบ่อยครั้งเช่น การเสียบอลของ สตูราโร่ แถวเกือบกลางสนาม ทำให้เกือบโดนลงโทษเสียประตู เพราะซิตี้มีพื้นที่บุกเร็วทันที ยังดีที่บุฟฟ่อนเซฟลูกยิงของสเตอร์ลิงได้ อีกจังหวะป็อกบาถูกแฟร์นันดินโญ่ตัดลูกได้ก่อนยิงไกลเฉียดคานบนออกไป
โอกาสยิงของยูเว่ก็มี ทว่าลูกชาร์จของป็อกบาจากการเปิดของกวาดราโด้ล้ำหน้า ส่วนจังหวะบุกอื่นๆ ยูเว่ขึ้นบอลลึกไม่ได้เลย แม้ว่ามีพื้นที่รุกบ้างในแดนแมนฯ ซิตี้ แต่ก็มักขึ้นมาตัดแค่กรอบเขตโทษเท่านั้น ประสิทธิภาพการพาบอลขึ้นไปถึงแนวลึก หรือเส้นหลัง รวมถึงเข้าไปยิงในเขตโทษเป็นของเจ้าบ้านมากกว่า
เกมครึ่งหลังตอนเรือใบสีฟ้าได้ประตูนำ 1-0 (น.57) จากการโขกของ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ที่โหม่งลูกเตะมุมเข้าไป ก็น่าจะฟาวล์เพราะกองหลังชาวเบลเยียมขึ้นกดคิเอลโล่ชัดเจน
ปัญหาเรื่องการตั้งโซนรับแดนกลางของยูเว่ค่อนข้างมีปัญหาเยอะ ตามความเร็วคู่แข่งไม่ทันในหลายจังหวะ เกือบโดนเม็ดสองอีกต่างหากตอนโดนตัดบอลได้แล้วรุกกลับเร็ว จิจี้ บุฟฟ่อน ซูเปอร์เซฟสองหนเลยทีเดียว
แต่มิใช่ว่า เรือใบสีฟ้าจะตัดบอลเป็นฝ่ายเดียวนะครับ เบียงโคเนรี่ก็แย่งลูกคืนได้เยี่ยมในหลายจังหวะ โดยเฉพาะ "แอร์นาเนส" ที่แย่งบอลได้ 11 ครั้ง จากทั้งหมด 59 หนที่ม้าลายทำได้ตลอดทั้งเกม ป็อกบา กับ โบนุชชี่ ทำได้ 6 ครั้ง (แฟร์นันดินโญ่ แย่งบอลได้มากสุดของแมนฯ ซิตี้ คือ 9 หน) แต่กองกลางชาวบราซิลก็เสียบอลบ้าง และนำมาซึ่งการเสียเตะมุมและเสียประตูไปก่อน นั่นเป็นจุดที่ยูเว่ต้องแก้ไขอย่างหนึ่ง เรื่องการเสียบอลแดนกลาง ขณะทีมตนเองได้ลูกกำลังขึ้นเกม
อย่างไรก็ตาม แอร์นาเนส ถือว่าเป็นจุดหมุนของเกมสำคัญไม่น้อย ผ่านบอลให้เพื่อนได้ 37 หน วางบอลยาว 3 ครั้ง หาช่องยิงเองได้จากนอกกรอบหนึ่งหน และซัดฟรีคิกชนเสาไปครั้งด้วย เสียบอลไป 14 หนจากการได้บอล 61 ครั้ง สื่อมะกะโรนีมองการทำหน้าที่ของแข้งชาวบราซิลแล้วทำให้นึกถึง อันเดรีย ปีร์โล่ หน่อยๆ เหมือนกัน
แอร์นาเนสยังเปิดทำทางบอลให้เพื่อนได้ดีด้วย ทั้งการจ่ายให้มานด์ซูคิชที่พยายามม้วนลงมาเก็บบอล รวมถึงเปิดให้ อัลบาโร่ โมราต้า ที่ขยับออกไปลงมารับลูกริมเส้นเช่นเดียวกับกวาดราโด้
กลไกอีกอย่างที่ทำให้ยูเว่ชนะในเกมนี้คือแรงฮึดสู้ ช่วยกันเล่นด้วยหัวใจเต็มร้อย วิ่งขึ้นลงช่วยกันไล่บดไม่มีหยุด ป็อกบา แม้ว่าเล่นผิดพลาดบ้างในครึ่งแรก แต่โดยรวมถือว่าผลงานไม่เลวนัก ได้ลูก 71 ครั้ง ตัดบอลได้ 6 ครั้ง ปะทะแย่งลูกได้ 3 เลี้ยงผ่านคู่แข่งได้ 5 หน ซึ่งอันนี้ถือว่าสำคัญเช่นกันเพราะทำให้เปิดพื้นที่แนวรุกได้ นอกจากนั้นสร้างโอกาสยิงได้สองหน และที่สำคัญคือการเปิดบอลให้ มานด์ซูคิช ชาร์จเป็นประตู 1-1 (น.70) จังหวะนั้น แมนฯ ซิตี้ ปิดพื้นที่ผิดพลาด ทำให้มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสมีเวลาและที่ว่างเหลือเฟือให้คิดและโยนให้กองหน้า ทีมชาติยูเครนเข้าทำ
แม้ม้าลายสร้างเกมรุกไปถึงเส้นหลังหรือแนวลึกได้ไม่บ่อยนัก ทว่าการแก้ไขแท็กติกด้วยการวางบอลยาวให้ตัวริมเส้นขึ้นไปรับบอลก็ถือว่าได้ ผล อย่างเช่นลูกตีเสมอ รวมไปถึงประตูนำ 2-1 (น.81) ของยูเวนตุส ที่โบนุชชี่วางบอลยาวไปทางด้านขวา กวาดราโด้วิ่งเบียดไปกับ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ก่อนที่กองหลังเรือใบโหม่งไม่ดี กลายเป็นตั้งเข้ากลาง และเป็นโมราต้ายิงไซด์โค้งเสียบเสาสองอย่างงดงาม และเป็นลูกที่สี่ในแชมเปี้ยนส์ ลีก แล้วของกองหน้าชาวสเปน และเป็นการยิงสี่เกมติดต่อกันต่อเนื่องจากฤดูกาลก่อนด้วย
ท้ายเกมนี่เสียวโดนตีเสมอเหมือนกัน ม้าลายลงไปตั้งโซนรับกันต่ำมาก แล้วเปิดพื้นที่หน้ากรอบเขตโทษตัวเองเยอะ ทำให้ ยาย่า ตูเร่ ได้ปั่นโค้งๆ ชนิดน่าเสียบตาข่ายอย่างยิ่ง แล้วก็เป็นบุฟฟ่อนที่ปัดพ้นคาน ช่วยเซฟ 3 แต้มสำคัญไว้ได้ และนี่คือชัยชนะที่เบียงโคเนรี่รอมานานเหลือเกิน หนล่าสุดต้องย้อนไป 20 พฤศจิกายน 1996 ในเกมบุกชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0
แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของยูเว่ต้องยกให้ "จิจี้ บุฟฟ่อน" ขนานแท้ ซูเปอร์เซฟชัดๆ นี่ 3 หนที่น่าจะเสียประตู สื่ออิตาลีให้คะแนนความสามารถถึง 8 เรียกว่า มากกว่ากองหน้าทั้งมานด์ซูคิชและโมราต้าที่ทำประตูสำคัญเสียอีก
ส่วนฟอร์มแย่สุดของฝั่งม้าลายคือ สตูราโร่ ทำพลาดเสียบอลถึงสองหน เรียกว่าทำให้ทีมเสี่ยงต่อการเสียประตูขึ้นอีกมาก
มานด์ซูคิชได้คะแนนไป 7 นอกจากยิงประตูตีเสมอแล้ว ยังฉีกตัวออกไปช่วยครอสบอลได้ 4 ครั้ง ปะทะแย่งบอลได้ 3 หน ช่วยแย่งลูกคืนให้ทีมได้ 2 ครั้ง ผ่านบอลทั้งหมด 28 หน เพื่อนได้บอล 22 และผ่านเสียเพียง 6 ครั้ง
มาริโอ มานด์ซูคิช หนึ่งในนักเตะยูเว่ที่ฟอร์มดี
โมราต้าก็ได้ 7 เช่นกัน ในเกมหาโอกาสยิงได้ 2 ครั้ง เลี้ยงผ่านคู่แข่ง 1 หน ปะทะแย่งบอลได้ 4 และตัดบอลแย่งลูกคืนได้ 7 หน ภาพรวมถือว่าทุ่มเทให้ทีมอย่างมาก ทั้งเกมรุกและรับ วิ่งขึ้นลงตลอดเลยทีเดียว ผ่ายบอลรวม 30 ครั้ง ผ่าน สำเร็จ 19 และผ่านเสีย 11 อาจผ่านลูกเสียเยอะไปบ้าง แต่ภาพรวมถือว่าใช้ได้ในความขยันวิ่งช่วยเพื่อนตลอด
กวาดราโด้จรวดทางเรียบ มีส่วนช่วยเกมรุกและรับของทีมมากเช่นกัน สื่อให้คะแนน 6.5 พร้อมทั้งบอกว่า เป็นประโยชน์ต่อเกมอย่างยิ่ง ขณะที่ ป็อกบา ได้ 7 อาจมีความผิดพลาดไปบาง แต่ก็ช่วยผ่านลูกให้ทีมตีเสมอได้ และมีส่วนสร้างจังหวะดีๆ หลายหน
แอร์นาเนส ได้ 6.5 นัดนี้ยืนเป็นมิดฟิลด์หน้าแนวรับ เป็นจุดหมุนของเกมได้ดี อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นได้คะแนนไป 7 นสพ.อิตาลีมองว่า ตัวนักเตะเพิ่งมาร่วมทัพไม่นาน ต้องให้เวลาปรับตัวกับโลกใหม่หน่อย
เห็นม้าลายเล่นแล้ว ต้องบอกว่าดูมีชีวิตชีวามีพลังมากกว่าสามเกมแรกในเซเรีย อา ที่ดูเฉื่อยๆ ขาดความพยายามและความมุ่งมั่นไปหน่อย นสพ.กีฬาดังมะกะโรนีคือ ลา กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต ก็พาดหัวชม "Bentornata super Juve!" หรือต้อนรับการกลับมาของซูเปอร์ยูเว่แล้ว
หลังจากเอื่อยๆ มานานในลีก บรรยากาศในแชมเปี้ยนส์ ลีก และชัยชนะนัดนี้ อาจเป็นจุดเปลี่ยนทำให้เบียงโคเนรี่ฟื้นคืนชีพอีกครั้งในลีกกัลโช่ด้วย เหมือนที่อัลเลกรีพูดไว้หลังเกม "หลังจากเกมกับคิเอโว ผมตระหนักว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงในการเจอกับซิตี้ ผมต้องให้นักเตะของผมเรียกศักยภาพดีที่สุดของตนออกมาให้ได้ ผมขอชมเชยลูกทีมที่ทำได้ดีเยี่ยม มันเป็นช่วงเวลาที่พลิกผันของเรา ตอนนี้เราเป็นทีมใหม่ แล้วก็เพิ่งฝึกซ้อมทำงานด้วยกันได้แค่สัปดาห์เดียว และผลงานของเรากำลังออกมาดี ชัยชนะของเรานัดนี้ จะสร้างความมั่นใจให้เราด้วยในคัมปิโอนาโต้"
เห็นยูเว่เล่นแบบนี้แล้ว มีลุ้นเข้ารอบได้เหมือนกัน ช่วยกันเชียร์ต่อไปในเกมนัดที่สองซึ่งจะรับการมาเยือนของเซบีย่า วันที่ 30 กันยายนนี้
เปสเช่
****************************************
Cr.siamsport. ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th
Replies to This Discussion
-
Permalink Reply by ʍ૯ʍѳ૨y㋡ on
-
..ต้องไม่ลืมว่าซิตี้มีตัวสร้างแนวรุกทั้งซิลบาและสเตอร์ลิ่งที่ยังเรียกความฟิตได้ไม่เต็มที่..
..ที่สำคัญไม่มีหน้าเป้าจอมทะลุทะลวงประตูที่ยังไม่พร้อมที่จะลง ทำให้ทีมขาดอาวุธหนัก..
..ทีมไม่สมบูรณ์ในด้านความเร็วที่จะเข้าทำเพราะนาบาสไม่ได้เข้ามารับบทบาทที่ควรจะมี..
..เดอ บรอยน์ที่น่าจะเข้ามาเปลี่ยนเกมก็เข้ามาในเวลาที่ช้าเกินไป..
..สรุปคือทีมขาดความพร้อมที่จะชนะทีมระดับรองแชมป์ UCL ได้ในครั้งนี้..
..ก็ต้องลุ้นกันต่อไป ด้วยสปิริตนักสู้และอาวุธที่พร้อมจริงๆในเกมนัดหน้า
-
Permalink Reply by P4Nl3ol3el24 EET on
-
มารับและรอสวนลองทำเกมบุกแบบในลีกก็เละ
-
Permalink Reply by LongMaCheerDoo on
-
ยูเว่เจอเซบีย่าจะรอดไหมครับ
-
Permalink Reply by เอกราช เก่งทุกท่าทาง on
-
ผมว่าซิตี้ทำเกมบุกใส่ดีกว่าแต่เจอแท็คติคของตำรับอิตาลีรับแล้วรอสวนด้วยลูกโยนยาวสลับสั้น ไม่กี่ทีถึงหน้าปากประตูแล้วได้จบ อย่างเฉียบขาด ซิตี้เองก็ต้องคอยระวังในเกมเจอกับขุนค้อนเอาไว้ให้ดีๆอาจจะเจอแผนนีอีกครับ
-
Permalink Reply by matthewcity on
-
ดีใจด้วยครับทำการบ้านมาดีในการเจอเรือใบสีฟ้าครับ
-
Permalink Reply by Sarat Suriyakanthorn on
-
สรุป เราเล่นไม่ดีเองอะนะ ยูเว่ก็ใช่จะเล่นดี คือนั่งดูแล้วอึดอัดมากครับบอกตรง เกมช้าเกินไป
© 2024 Created by thaiMCFC.
Powered by
