ในซีซั่นที่เท่าไหร่จำได้ไม่ชัดนัก แต่เป็นตอนที่เนื้อเรื่องหลักคือ แก๊งตัวเอก หน่วยปราบปรามอาชญากรรมพิเศษของนิวยอร์ค (โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับคดีทางเพศ และผู้เยาว์) ต้องไปช่วยหญิงสาวรายหนึ่ง
 
        หญิงสาวรายนี้ ถูกแมงดาหลอกให้มาขายตัวตั้งแต่เป็นเด็กวัย 12-13 ช่วงหนึ่ง เธอพูดถึงการต้องยอมพลีกายเพื่อแลกกับเงินว่า หลังจากผ่านไปสักพัก ผู้ชายคนไหนๆ ก็หน้าตาเหมือนกันหมดแล้ว
 
        มันคือความชาชิน อยากทำอะไรก็ทำ การโดนกดขี่ทางเพศกลายเป็นเรื่องปกติเหมือน กินข้าว อาบน้ำ ไปเสียแล้ว
 
        มองเห็น เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" ยิงลูกที่ 2-3-4-5 แล้วยังมี เควิน เดอ บรอยน์ คั่นกลาง ภาพทับซ้อนคือแนวรับนิวคาสเซิ่ลกำลังโดนชำเราอย่างหื่นกระหาย โดยไม่ตอบโต้ ไม่หือไม่อือใดๆ ทั้งสิ้น
 
        ขณะที่อีกด้าน มันคือความใจร้าย ความโรคจิตของผู้กระทำ
 
        แมนฯ ซิตี้ลงสนามโดยพกความกดดันลงไปด้วยไม่น้อย หลังจากแพ้ในลีกมา 2 เกมติด ต่อเวสต์แฮมและท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
 
        ก่อนแข่ง ตำแหน่งจ่าฝูงที่นอนกอดสบายใจมาตั้งแต่ออกซอง ต้องหล่นไปอยู่ในมืออริร่วมเมืองที่มาจากไหนไม่รู้ ค่อยๆ ย่องแล้วแซงไปดื้อๆ
 
        2 แกนหลักอย่าง แวงซ็องต์ ก็องปานี กับ ยาย่า ตูเร่ ก็ร่างกายไม่สมบูรณ์ กว่าจะกลับมาได้ก็ต้องหลักเบรกทีมชาติ
 
        เอเลียคิม ม็องกาล่า กับ นิโกลัส โอตาเมนดี้ จับคู่กันยังมีรอยรั่วให้เห็น กลางสนาม แฟร์นานโด กับ แฟร์นานดินโญ่ ก็เทียบกับตอนมี ยาย่า ไม่ได้
 
        ทีมสาลิกาดงเพิ่งจุดไฟติด เครื่องเริ่มมา เสียงดังฮึ่มๆ เพราะอาทิตย์ก่อนทำไว้สวย เสมอเชลซีแบบน่าชนะ (แต่คงลืมไปว่ากองหลังเชลซีนาทีนี้ ใครบ้างจะยิงไม่ได้)
 
        เสียงนกหวีดจาก เควิน เฟรนด์ ดังปุ๊บ ชายฉกรรจ์ในชุดขาว-ดำ ก็ไล่บดไล่บี้กับเจ้าถิ่นทันที
 
        รูรั่ว รอยร้าว จากเกมรับที่ไม่นิ่งของแมนฯ ซิตี้ เปิดช่องให้ทีมเยือนนำก่อนด้วยซ้ำ ตั้งแต่นาทีที่ 18 เมื่อ เควิน เอ็มบาบู หนุ่มวัย 20 พาบอลขึ้นมา โดนสกัดแต่บอลยังมาเข้าทาง จินี่ ไวนัลดุม ที่เปิดเข้ากลางให้ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ทิ้งตัวโขกตุงตาข่าย
 
        แอบง้างปากแฟนบอลซิตี้หลังเกมได้ความว่า ตอนโดนลูกนี้เข้าไปใจหายวาบ นึกว่าเอาอีกแล้วหรือนี่ เหมือนเกมกับเวสต์แฮมและสเปอร์ส
 
        นักเตะเสื้อสีฟ้าในสนาม พอโดนเจาะตาข่ายไปก่อนก็เหมือนตื่นจากภวังค์ พยายามไล่บดขยี้นิวคาสเซิ่ลเป็นการใหญ่
 
        เป็นเกมที่ สตีฟ แม็คลาเรน ตั้งใจมาแลกอยู่แล้ว ส่งทั้ง อาโยเซ่ เปเรซ ทั้ง มิโตรวิช เป็นหน้าคู่ ซึ่งถือเป็นทีเด็ดในเกมสวนกลับด้วย แต่ทั้งสองคนกลับฉกฉวยโอกาสในช่วงยังนำ 1-0 ไว้ไม่ได้
 
        ที่น่าแปลกใจคือ โยอัน กุฟฟร็อง ถูกส่งลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับคู่ เวอร์น่อน อานิต้า ทั้งที่ฤดูกาลนี้ยังไม่ได้สัมผัสเกมลีกสักนาทีเดียว
 
        แม้จะมีความไวมาทดแทนแต่เกมรับไม่ใช่เรื่องที่อดีตหัวหอกจากก็อง และบอร์กโดซ์ รายนี้จะทำได้ถนัดนัก ช่วยสกรีนให้แผงหลังแทบไม่ได้เลย
 
        แมนฯ ซิตี้ไล่ขยี้อยู่นาน โดนลูกพัวพัน ลูกขลุกขลิก วืดวาดไปหมด กระทั่งจะจบครึ่งแรกอยู่แล้ว ก็ตามตีเสมอสำเร็จจาก เอล กุน

        การได้ประตูนี้ถือว่าสำคัญต่อสภาพจิตใจและความเชื่อมั่นของซิตี้อย่างมาก เหมือนลงมาครึ่งหลังแล้วเริ่มต้นกันใหม่
 
        เปเยกรินี่เองก็ไม่อยู่เฉย ส่ง เฆซุส นาบาส ลงมาแทน ราฮีม สเตอร์ลิง ที่เล่นไม่ออกทันที
 
        คราวนี้ โฉมหน้าเกมเปลี่ยนแล้ว จากความเลินเล่อเพียงเล็กน้อยของแนวรับ เมื่อคุณต้องเจอกับศัตรูอย่าง เควิน เดอ บรอยน์, เซร์คิโอ อเกวโร่ และ ดาบิด ซิลบา หมายถึงหายนะ
 
        แล้วฉากแห่งความเสื่อมถอยทางศีลธรรมก็มาถึง ชายฉกรรจ์ในชุดขาว-ดำ ทีแรก กลับกลายเป็นหญิงสาวผู้ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้
 
        ตุงแล้วตุงเล่า ยิงจนเมื่อย นับไปนับมา ภายใน 20 นาที ตั้งแต่โขกตีเสมอ ตัดเวลาพักครึ่งออกไป หัวหอกอาร์เจนไตน์ทำคนเดียว 5 ประตู
 
        กุน สมัครสมาชิก ลงชื่อตัวเองเข้าสู่ "คลับ 5" กลุ่มลึกลับสำหรับยอดดาวเตะล่าสังหาร ประกอบด้วย แอนดี้ โคล (ผู้ก่อตั้ง), อลัน เชียร์เรอร์ (รองประธาน), เจอร์เมน เดโฟ และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
 
        หากดูตามสภาพ มันจบตั้งแต่ 3-1 แล้ว เหลือไว้เพียงร่างที่ไร้วิญญาณ มีแต่ลมหายใจ เหมือนหญิงสาวผู้ตกเป็นเหยื่อในคดีของ SVU ที่ว่าไว้
 
        แนวรับนิวคาสเซิ่ลปล่อยให้ระลอกคลื่นเกมบุกของเจ้าถิ่นโถมเข้าใส่ เล่นไปตามมีตามเกิด ไม่มีฮึด ไม่มีแรงกระตุ้น
 
        สตีฟ แม็คลาเรน ทำหน้าบอกไม่ถูก จะโวยวาย กรี๊ดกร๊าดก็ไม่ใช่จริต เพราะด้วยความเป็นคนมาดไนซ์ ดูสุภาพ เลยทำได้แค่ลุกไปลุกมาเหมือนหนูติดจั่น มันจุกอกจนพูดไม่ออก
 
        ด้านเปเยกรินี่ หลังเฮเต็มเสียงกับลูกที่ 2 และ 3 ประตูนับจากนั้นมาก็เฉยๆ เสียแล้ว
 
        หลังจากหน้ามืดชำเราเหยื่ออย่างทารุณอยู่พักใหญ่ มโนธรรมเลยเกิดแก่กุนซือชาวชิลี ด้วยการถอด "เอล กุน" ออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 66 ขณะสกอร์เป็น 6-1 ไปเรียบร้อย
 
        ตามทิศทางของเกม ถ้าลองยังอยู่ต่อ หอกอาร์เจนไตน์ก็คงไม่ต้องขอพี่ๆ เข้าร่วมคลับคนยิง 5 แต่คงจะได้ตั้งคลับของตัวเองขึ้นมาใหม่แน่ๆ ยิง 6-7 ลูกไปโน่น
 
        อีกอย่าง การเปลี่ยนตัวแบบนี้ ยังเป็นการรักษาความกระหายของลูกทีมไว้ด้วย เรียกความเก็บความอยากไปยิงนัดอื่นบ้าง พร้อมๆ กับเปิดโอกาสให้ตัวสำรองอย่าง วิลฟรีด โบนี่ ได้โชว์ฝีเท้า เรียกความมั่นใจ
 
        ที่ผ่านมาใน 2 เกมก่อน แมนฯ ซิตี้แพ้ให้เวสต์แฮมกับสเปอร์ส ใช่ว่าจะเล่นไม่ดี ปัญหาตรงเกมรับหลวมก็ใช่ แต่ส่วนหนึ่งก็มาจากเกมรุกที่ไม่เด็ดขาด ใช้โอกาสเปลืองด้วย
 
        ผิดกับนัดนี้ หลังจากกุนเริ่มเข้าฟอร์มก็ยิงเอายิงเอา ไม่เปิดโอกาสให้คู่แข่งได้หายใจ
 
        สิ้นเสียงนกหวีด แฟนบอลลุกขึ้นปรบมือยาวให้กับฟอร์มเฉียบของนักเตะ
 
        แมนเชสเตอร์ ซิตี้กลับมาเป็นทีมที่พวกเขาควรจะเป็น และบอกว่าฟอร์มการเล่น 5 นัดแรกนั้นไม่ใช่ภาพลวงตาอย่างที่หลายคนคิด

ซันเดย์

******************************************************

Cr.siamsport ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทยwww.mcfc.in.th