แม้จะยังพูดได้ไม่เต็มปาก แต่ด้วยเม็ดเงินระดับมหาศาลที่ทุ่มซื้อแข้งระดับซุปตาร์มาร่วมทีมได้อย่างมากมายในทุกๆซัมเมอร์ มันคือภาพสะท้อนที่ทุกทีมต่างพากันอิจฉา

ในวันที่ฟูลทีมและได้เล่นในรังเหย้าอย่าง เอติฮัด สเตเดี้ยม ต่อให้เป็นทีมระดับท็อปโฟร์อย่าง เชลซี, อาร์เซนอล หรือ แมนฯ ยูไนเต็ด มาเยือนก็มีสิทธิ์ถูกยิงยับกลับไปได้เหมือนกับทีมเกรดกลางตาราง

ดังนั้นการเจอกับทีมน้องใหม่อย่าง บอร์นมัธ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไม่ต้องให้กูรูที่ไหนมาฟันธง แฟนบอลโดยทั่วไปก็สามารถชี้ชัดได้ว่าลูกทีมของ มานูเอล เปเญกรินี่ จะต้องได้ 3 คะแนนแน่ๆ

แต่ถ้าถามถึงสกอร์ที่เกิดขึ้น การถล่มคู่แข่งถึง 5-1 ถือว่าเป็นอะไรที่สร้างความประหลาดใจได้อยู่ไม่น้อย

เหมือนดั่งที่กล่าวไว้ข้างต้น หากเป็นวันที่ทีมสมบูรณ์พร้อม เรื่องถล่มคู่แข่งก็คงไม่ใช่อะไรแปลกใหม่ให้ต้องตกใจ

ทว่าเช็กรายอัพ 11 ตัวจริงในเกมนี้ ต้องบอกว่า แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมรบ เมื่อต้องไร้ชื่อ 3 แกนหลักของทีมอย่าง แว็งซ็องต์ กอมปานี, ดาวิด ซิลบา และ เซร์คิโอ อเกวโร่

ซีซั่นนี้เป็นอะไรที่เห็นภาพความสำคัญของ กอมปานี ได้อย่างชัดเจน 5 เกมแรกที่ยอดกัปตันชาวเบลเยี่ยม ได้ลงสนามทีมสามารถชนะรวดแถมยังรักษาคลีนชีตไว้ได้ครบ

ทว่าพอปราการหลังวัย 29 ปีเจอปัญหาบาดเจ็บรบกวน แนวรับของทีมก็ไม่เหมือนเดิม เรียกได้ว่าเปลี่ยนจาก "หน้ามือเป็นหลังเท้า"

ไม่ว่าจะเอาใครมาจับคู่กันในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ ผลงานในสนามก็ออกมาเละตุ้มเปะ หลังจาก 5 นัดแรก แมนฯ ซิตี้ เสียประตูทุกนัด และมีพลาดท่าแพ้ในลีกถึง 2 เกมติดต่อกัน

ด้าน อเกวโร่ กับ ซิลบา ก็ไม่ต่างอะไรกับคีย์แมนในเกมบุก เพราะนับถึงเวลานี้ อเกวโร่ ก็ยิงไปแล้วถึง 6 ประตู ขณะที่ ซิลบา ก็ทำไปแล้วถึง 6 แอสซิสต์

ดังนั้นโจทย์ที่แฟนบอลอยากเห็นก็คือ เปเญกรินี่ จะมีแนวทางการเล่นอย่างไร ผู้เล่นสำรองจะมีศักยภาพพอไมที่จะเข้ามารับมือกับสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ

และสิ่งที่ได้เห็นตลอด 90 นาที เรื่องของเกมรับยังถือว่าพิสูจน์อะไรไม่ได้มาก เพราะเกมนี้ทีมเยือนก็มาขาดกองหน้าตัวเก่งอย่าง คัลลั่ม วิลสัน ที่เจ็บยาว

เกล็น เมอร์เรย์ ที่ลงแทนแม้จะทำประตูได้ แต่แรงคุกคามก็ยังไม่ได้อยู่ในค่ามาตรฐานที่จะใช้ชี้วัดศักยภาพของแบ็กโฟร์ในเกมนี้

แต่ที่น่าประทับใจคือการวางหมากในเกมรุก ที่การทดลองแท็กติกของกุนซือชาวชิเลี่ยนจัดว่าดีเกินคาดชนิดให้ 3 ผ่านได้แบบสบายๆ

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่เกมกับ นิวคาสเซิล ทำผลงานได้ไม่ค่อยดีในตำแหน่งปีกซ้ายจนถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่ง เกมนี้ถูกวางเป็นตัวรุกตรงกลางอยู่หลังหน้าเป้า

ตามผังอาจดูเหมือนว่า ราฮีม เล่นในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ แต่หากดูกันจริงๆ บทบาทของเจ้าตัวจะออกแนวกองหน้าตัวที่สองเสียมากมาย

หน้าที่ของอดีตแข้งของ ลิเวอร์พูล ไม่ใช่ตัวสร้างสรรค์เกม ที่ต้องมาปั้นบอลเพื่อแจกจ่ายให้เพื่อนเข้าทำเหมือนกับที่ ซิลบา เคยเล่นให้เห็นอยู่บ่อยๆ

สิ่งที่ เปเญกรินี่ กำชับมาก็คือให้ ราฮีม ค่อยเติมเข้าไปในเขตโทษเพื่อเป็นตัวความหวังในการทำประตูเคียงข้างกับ วิลเฟร็ด โบนี่

ตำแหน่งนี้ดูเหมือนจะลงตัวและเหมาะสมกับ ราฮีม อยู่ไม่น้อย แม้เจ้าตัวจะเป็นนักเตะที่มีความไว มีความคล่องตัวสูง แต่เรื่องของการตัดสินใจก็ยังขาดๆ บางครั้งก็เลี้ยงมากเกินไปจนทีมเสียผลประโยชน์

พอมาเล่นตำแหน่งนี้ การจำกัดนู้นนิด นี้หน่อย มันเหมือนกรอบที่ทำให้เจ้าตัวสามารถปล่อยทีเด็ดได้ถูกที่ถูกเวลา เหมือนกับเกมนี้ที่ปล่อยแสงซัดแฮตทริกแรกในสีเสื้อ “เรือใบสีฟ้า”

ที่ ราฮีม สามารถเล่นได้แบบนี้ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับ เควิน เดอ บรอยน์ ด้วย เพราะเจ้าตัวคือคนเสียสละโยกมารับผิดชอบทางฝั่งซ้ายแทน

แม้จะไม่มีความเร็วที่พร้อมจะฉีกแนวรับเหมือนปีกอาชีพ แต่สิ่งที่เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยี่ยมใส่ให้กับทีมคือความเข้าใจเกม การเข้าใจแท็กติกที่กุนซือวางไว้

เกมนี้ เดอ บรอยน์ ผสานงานเกมด้านซ้ายร่วมกับ บาการี่ ซานญ่า ได้ดี จังหวะสอดผสานดูลื่นไหลไม่แพ้กับทางขวาที่มี ซาบาเลต้า และ เฆซุส นาบาส

พูดถึง เดอ บรอยน์ แม้จะมีราคาที่ค่อนข้างแพง แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะคุ้มค่า วัดจากสไตล์การเล่นที่แตกต่างจากตัวทำเกมเดิมของทีมทั้ง ซิลบา และ ซาเมียร์ นาสรี่ ที่เป็นพวกครองบอลดี เน้นบอลสั้น บอลชิ่ง และการพาบอลไปเอง

เดอ บรอยน์ ดูจะได้ในเรื่องของวิชั่นส์ การจ่ายบอลไกล บอลทรูพาสทะลุช่องที่แม่นยำ และเรื่องของการยิงแถวสอง ซึ่งตรงนี้ช่วยเพิ่มมิติในแนวรุกให้กับทีมได้มาก

อีกคนที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้นั้นก็คือ โบนี่ ซึ่งที่ผ่านมาต้องบอกว่าน่าผิดหวัง เพราะไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งได้เหมือนสมัยอยู่กับ สวอนซี

พูดกันตรงๆ แฟนบอล “ซิติเซน” ไม่มั่นใจว่าเจ้าตัวจะเป็นอะไหล่ที่ดีพอสำหรับ อเกวโร่

แต่หากประเมินจากการเล่นในเกมกับ บอร์นมัธ ที่นอกจากจะยิงได้ถึง 2 ประตู ภาพรวม โบนี่ ถือว่าเรียกศรัทธาจากแฟนบอลกลับมาได้ไม่น้อย

เกมนี้กองหน้าทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ เล่นได้อย่างโดดเด่น เป็นกองหน้าตัวเป้าที่พักบอลได้ดี และมีส่วนร่วมกับเกมรุกของทีมอยู่ตลอด

ลูกกลางอากาศ (AerialsWon) ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ถึง 9 ครั้ง

ผลงานเกมรุกของทีมนัดนี้คือสิ่งที่แฟนบอล “เรือใบสีฟ้า” เฝ้ารอคอย ในวันที่พวกเขาไม่มีกระบี่มือหนึ่งอย่าง อเกวโร่ หรือ ซิลบา
แมนฯ ซิตี้ ก็ยังเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่มีแผนบีเจ๋งๆ แข้งสำรองเทพๆ ที่พร้อมจะกระซวกคู่แข่งให้ย่อยยับได้เหมือนกัน

******************************************************