มานูเอล เปเยกรีนี่ ต้องเผชิญปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อสองตัวหลักที่สำคัญกับทีมสุดๆ หลังจากอเกวโร่บาดเจ็บกล้ามเนื้อจากทีมชาติอาร์เจนตินา ตามติดมาด้วยซิลบาที่ข้อเท้าพังพักไปอีกคนจากกลางสัปดาห์เช่นกัน
 
         ไม่เพียงแค่นั้น ก็องปานีปราการหลังจอมเก๋าก็ฝืนคำสั่งสโมสรไปเล่นทีมชาติเบลเยียมเจอ อิสราเอลไปเกือบชั่วโมงเต็มในรอบคัดเลือก ยูโร 2016 ทั้งที่เจ็บไปนานเป็นเดือน
 
         แม้ก็องปานีกลับมาแบบไม่บุบสลาย แต่กุนซือชาวชิลีก็ตัดสินใจดร็อปเซนเตอร์จอมเก๋าเอาไว้เป็นสำรอง และส่ง เอเลียควิม ม็องกาล่า ยืนคู่กับนิโกลาส โอตาเมนดี้
 
         แถมด้วย ปาโบล ซาบาเลต้า เล่นแบ็กขวา แล้วโยก บาการี่ ซาญ่า ข้ามไปเล่นทางซ้ายแทน อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ที่เดี้ยงจากทีมชาติอีกคน เนื่องจาก กาแอล กลิชี่ ก็ไม่ฟิตเหมือนกัน
 
         ขณะที่แนวรุกเป็นหน้าที่ของ 3 ประสาน เฆซุส นาบาส, เควิน เดอ บรอยน์ และ ราฮีม สเตอร์ลิง ยืนอยู่ข้างหลังหน้าเป้า วิลฟรีด โบนี่ ที่ได้ลงเล่นเต็มๆ เกมหนแรกในลีก
 
         แมนฯ ซิตี้ ว่ามีปัญหาแล้ว แต่ด้วยขุมกำลังในทีมที่มีอยู่จึงไม่ถือว่าหนักหนาสาหัสเกินไปนัก โดยเฉพาะกับการเจอน้องใหม่จากแดนใต้ที่อยู่ในสภาพย่ำแย่กว่าเสียอีก
 
         ทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว ต้องแก้ไขปัญหาเรื่องแข้งหลักบาดเจ็บ ทั้ง คัลลั่ม วิลสัน หัวหอกที่หวดไป 5 ประตู เจ็บเข่าหนักต้องพักยาว เช่นเดียวกับ มักซ์ กราเดล และ ไทโรน มิงส์ ที่หายไปก่อนหน้านี้
 
         ซ้ำร้ายกัปตันทีม ทอมมี่ เอลฟิค ยังต้องขึ้นเขียงผ่าข้อเท้าพัก 10 สัปดาห์ ถือเป็นความเสียหายหนัก อีกทั้ง ''เดอะ เชอร์รี่ส์'' ไม่มีตัวเลือกในชั่วโมงนี้ โดยเฉพาะรายของวิลสันที่ยิงประตูช่วยทีมมาตั้งแต่ฤดูกาลก่อนในลี กแชมเปี้ยนชิพ
 
         เกล็น เมอร์เร่ย์ หอกใหม่ที่ซื้อมาจากคริสตัล พาเลซ ก่อนเส้นตายจึงกลายเป็นตัวหลักโดยอัตโนมัติ เช่นเดียวกับแนวรับที่ต้องเรียก ซิลแว็ง ดิสแต็ง กลับมาประจำการ
 
         ศักยภาพโดยรวมที่เป็นรองอยู่แล้ว เมื่อเจอปัญหารอบด้านแบบนี้ยิ่งทำให้บอร์นมัธเสียเปรียบทุกด้าน
 
         ขนาดก่อนเริ่มเกมที่นายประตู อาร์เทอร์ โบรุก เกิดบาดเจ็บตอนวอร์ม ทำให้ฮาวต้องส่ง อดัม เฟเดอริชี่ ลงเฝ้าเสากะทันหันอีกต่างหาก
 
         บอร์นมัธเริ่มต้นได้ดีและเกือบเรียกจุดโทษจากจังหวะลากลุยของ แดน กอสลิ่ง ที่โดนโอตาเมนดี้เสียบสกัดแบบหวาดเสียว แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็เข้าทางเจ้าบ้านแบบโชคช่วยเล็กน้อยตอนได้ประตูขึ้น นำใน 6 นาทีแรก
 

ราฮีม สเตอร์ลิง กดแฮตทริกเป็นรางวัลในความพยายาม

 
         บอลเริ่มจากการวางยาวเข้าไปในเขตโทษของแฟร์นันดินโญ่ ให้ซาบาเลต้าสอดขึ้นเติมเกมรุกแล้วโหม่งย้อนมาให้โบนี่สับไกยิงพลาด แต่บอลก็เด้งไปหาสเตอร์ลิงวิ่งมาจิ้มเข้าไปง่ายๆ
 
         เฟเดอริชี่ยังพลาดง่ายๆ เมื่อตะปบลูกโยนของซาญ่าหลุดไปเข้าทางโบนี่เกี่ยวหลบเข้าไปยิงเป็นประตูนำ ห่าง 2-0 ทำให้สถานการณ์พลิกผันอย่างรวดเร็ว
 
         บอร์นมัธอาจได้คืนมาจากลูกยิงไกลของเมอร์รี่ย์ แต่อีกไม่กี่นาที แนวรับที่หละหลวมก็โดนเจาะคืนอีก หนนี้เป็น เดอ บรอยน์ แทงทะลุให้สเตอร์ลิงหลุดเข้าไปสำเร็จโทษสบายเกือกเป็น 3-1
 
         ด้วยสกอร์นี้ก็น่าหนักใจแทนทีมเยือนอยู่แล้ว ช่วงทดเวลาท้ายครึ่งแรกยังแถมส้มหล่นให้เจ้าถิ่นอีกลูก จากลูกเตะยาวของ โจ ฮาร์ท ที่กองหลังไม่เข้าใจกับนายทวาร ปล่อยให้นาบาสฉกไปยิงติดบล็อก แต่ก็ไม่พ้นสเตอร์ลิงเอาไปยิงมุมแคบเป็นแฮตทริกของปีกทีมชาติอังกฤษจนได้
 
         เมื่อเกมขาดตั้งแต่ครึ่งแรก เปเยกรีนี่ที่มีคิวหนักทั้งเซบีย่าในแชมเปี้ยนส์ ลีก และแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ในวันอาทิตย์หน้า ก็ลงมือปรับทัพ ถอด ยาย่า ตูเร่ ออกตั้งแต่หัววัน ทยอยตามมาด้วย เดอ บรอยน์ และ สเตอร์ลิง พร้อมกับผ่อนเกมลงอย่างชัดเจน
 
         กระนั้นก็ดี บอร์นมัธที่ยังไม่ชนะใครตั้งแต่ 19 ก.ย. ก็ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แถมโดนโต้กลับเสียประตูง่ายๆ อีกตอนท้าย เมื่อนาบาสขึ้นทางขวาเปิดเข้ากลางให้โบนี่จับแล้วพลิกยิงด้วยซ้ายอย่างง่าย ดายเป็น 5-1 และถ้าผู้ช่วยผู้ตัดสินไม่พลาด เคเลชี่ อีเฮนาโช่ ตัวสำรองเกือบบวกลูกที่ 6 ด้วยซ้ำ
 
         ชัยชนะสบายนัดนี้ นอกจากทำให้ยึดจ่าฝูงเหนียวแน่น ยังเป็นการเตรียมตัวสำหรับสองเกมใหญ่ถัดไป ทั้ง เซบีย่า และ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่หนักกว่านี้อีกหลายเท่า
 
         ส่วนบอร์นมัธได้รับบทเรียนครั้งใหญ่ไปเต็มๆ เพราะนอกจากนักเตะเป็นรองหลายช่วงตัว เกมรับที่ไม่รัดกุม บวกกับอาการเจ็บยาวของตัวหลัก ทำให้ เอ็ดดี้ ฮาว กุนซือหนุ่มต้องหาทางปรับปรุงใหญ่ ซึ่งคงต้องรวมถึงงบพิเศษจากเจ้าของสโมสรชาวรัสเซีย มักซิม เดมิน ซื้อแข้งใหม่เพิ่มในช่วงปีใหม่
 
         ไม่เช่นนั้น นักเตะที่มีอยู่คงเอาตัวไม่รอดท่ามกลางเสือสิงกระทิงแรดเป็นแน่แท้

ชู้ตเอ๊าต์

*******************************************************