ซันเดอร์แลนด์ ตกอยู่ในความครอบครองของ เอลลิส ชอร์ต นักธุรกิจชาวอเมริกันแบบเบ็ดเสร็จแล้ว หลังมีการกว้านซื้อหุ้นเพิ่มเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ ปอร์ทสมัธ จ่อได้ สุไลมาน อัล-ฟาฮิม เศรษฐีพันล้านจากดูไบเข้ามาโอบอุ้มสโมสร

สำนักข่าวบีบีซี รายงานเมื่อวันพุธที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ชอร์ต เพิ่มจำนวนการถือครองหุ้นของสโมสร “แมวดำ” จากเดิม 30 เปอร์เซ็นต์ เป็น 100 เปอร์เซ็นต์ และยังเข้าเทคโอเวอร์กลุ่มทุนของ ไนออลล์ ควินน์ ประธานสโมสรคนปัจจุบันที่เข้ามาซื้อทีมเมื่อปี 2006 อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ชอร์ต ยังคงให้ ควินน์ อดีตหัวหอกของแบล็กแคตส์ดำรงตำแหน่งประธานสโมสรต่อไป ซึ่ง ควินน์ ออกมาแถลงผ่านเว็บไซต์ของทีมว่า “นี่เป็นข่าวดีอย่างยิ่งของสโมสร ในขณะที่เราพยายามลงทุนอย่างรอบคอบ เขา (เอลลิส ชอร์ต) ก็เดินหน้าในด้านบริหารการเงินเพื่อแข่งขันในระดับสูงอย่างชาญฉลาด”

อนึ่ง ชอร์ต ถือเป็นเศรษฐีมะกันรายที่ 4 ที่เป็นเจ้าของสโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่อจาก ตระกูลเกลเซอร์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), ทอม ฮิคส์ กับ จอร์จ ยิลเลตต์ (ลิเวอร์พูล) และ แรนดี เลอร์เนอร์ (แอสตัน วิลลา)

ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานเพิ่มเติมว่า ซันเดอร์แลนด์ ได้รับอนุญาตจาก วีแกน แอธเลติก ในการเปิดโต๊ะเจรจากับ สตีฟ บรูซ เพื่อดึงมารั้งเก้าอี้ผู้จัดการทีมแทน ริคกี สบราเกีย ที่สละตำแหน่งหลังพาทีมรอดตกชั้นแล้ว โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ และอาจต้องจ่ายเงินชดเชยเหมือนครั้งที่ “เดอะ ลาติกส์” ดึง บรูซซี มาจาก เบอร์มิงแฮม ซิตี ภายใต้ข้อตกลง 3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 165 ล้านบาท)

นอกจากนั้น บีบีซี ยังรายงานต่ออีกว่า ปอร์ทสมัธ กำลังจะได้ สุไลมาน อัล-ฟาฮิม มหาเศรษฐีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ผู้นำกลุ่มทุน อาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป (ADUG) เข้าฮุบกิจการ แมนเชสเตอร์ ซิตี มาเป็นเจ้าของสโมสรคนใหม่แทน อเล็กซานเดอร์ กายดามัค

ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุว่า กายดามัค เจ้าสัวชาวรัสเซียจะเจรจากับ อัล-ฟาฮิม ในระหว่างที่ทั้งคู่เดินทางไปยังกรุงโรม ประเทศอิตาลี เพื่อชมเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ บาร์เซโลนา ในคืนวันพุธที่ 27 พฤษภาคมนี้ ซึ่งล่าสุด “ปอมปีย์” ออกมาแถลงผ่านเว็บไซต์ของสโมสรว่าตอบตกลงข้อเสนอของ อัล-ฟาฮิม เรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่มีการเปิดเผยจำนวนเงินที่ยื่นเข้ามาแต่อย่างใด


ผมงงตรงตัวหนาอ่ะครับมันหมายความว่าไร หัวกลุ่มอาบูดาบีเข้าฮุบ ชิตี้ มาเป็นเจ้าของคนใหม่เนี่ย งงงง