การไม่ยอมต่อสัญญาใหม่ หมายความว่าหลังจบฤดูกาลนี้พี่แกสามารถย้ายไปคุมทีมไหนก็ได้แบบสุดแต่ใจจะปรารถนา

        ทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และ แมนฯ ซิตี้ ต่างจ้องมองกุนซือวัย 44 ผู้นี้พลางทำจมูกบานเข้าบานออก โดยมีข่าวออกมาเป็นระยะว่าต่างฝ่ายต่างจะ "เอานะ" ให้จงได้

        หลังพุ่งชนความสำเร็จกับบาร์เซโลน่า ในลา ลีกา ของสเปน ตามมาด้วย บาเยิร์น มิวนิค ในบุนเดสลีกาของเยอรมัน คาดว่าพรีเมียร์ลีกของอังกฤษนี่แหละคือความท้าทายบทต่อไปของ "โค้ชเป๊ป" เพราะพี่แกคงยังไม่กลับไปที่แดนกระทิงดุ ขณะที่ในเมืองเบียร์ก็ไม่มีทีมไหนยิ่งใหญ่กว่าทีมเสือใต้อีกแล้ว

        ถ้าไปคุม "เปแอสเช" ในลีก เอิง เพราะค่าจ้างมหาศาลก็ดูจะ "ตุ๊ด" ไปหน่อย เพราะต่อให้ เดวิด มอยส์ เป็นกุนซือยังน่าจะช่วยให้ทีมนี้คว้าแชมป์ฝรั่งเศสได้ไม่ยาก

        ฉะนั้นสมรภูมิแข้งที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเมืองมนุษย์อย่างพรีเมียร์ลีกนี่แหละเหมาะสมกับศักดิ์ศรีของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มากที่สุด

        ขึ้นอยู่กับว่าพี่แกจะเลือกทีมไหน

        แน่นอนว่าตัวเลือกมีแค่ แมนฯ ยูไนเต็ด กับ แมนฯ ซิตี้ ขอแถมเชลซีในฐานะม้ามืดให้อีก 1 ทีมแล้วกัน

        ณ จุดนี้ ดูเหมือนน้ำหนักจะเทไปทางทีมสีฟ้าแห่งเมืองแมนเชสเตอร์มากกว่า เฉพาะอย่างยิ่งสื่อในสเปนที่เอาเลื่อยไฟฟ้าหั่นธงขาดว่าเขาน่าจะไป แมนฯ ซิตี้ ด้วยหลายปัจจัย

        ทีมที่เขาจะไปคุมต้องพร้อมสมบูรณ์ด้วยตัวผู้เล่นระดับดาวดัง การเลือก บาเยิร์น มิวนิค หลังวางมือจาก บาร์เซโลน่า คือตัวอย่างชัดเจน

        จุดนี้ แมนฯ ซิตี้ ได้เปรียบ แมนฯ ยูไนเต็ด

        ตัวผู้เล่นของสำเภาเศรษฐีดีกว่าอยู่แล้วนะครับ เข้ามารับงานแล้วเสริมทัพด้วยตัวเจ๋งๆ อีกสัก 2-3 ตำแหน่งก็น่าจะคว้าแชมป์ได้เลย!

        ค่าจ้างเป็นอีกอย่างที่สโมสรของท่าน ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน พร้อมจะวอดวายมากกว่าแบบไม่กลัวขนหน้าแข้งหลุด

        ทีมที่มีเจ้าของเป็นโคตรอภิมหาเศรษฐีได้เปรียบเรื่องนี้แน่นอน เพราะไม่จำเป็นต้องรอผลประกอบการ ไม่ต้องระมัดระวังการใช้เงิน  แบบว่ากูรวย กูพร้อมทุ่มไม่อั้น แม้แต่ดวงจันทร์สีฟ้าในอวกาศ ถ้าอยากได้ก็จะไปสอยมาให้เป็นรางวัล

        เท่านั้นไม่พอ แมนฯ ซิตี้ มีเงินให้ "เป๊ป" เอาไปถลุงในตลาดนักเตะมากกว่าด้วย ชนิดที่ค่าตัว 200 ล้านปอนด์ และค่าจ้างสัปดาห์ละ 1 ล้านปอนด์ของ ลิโอเนล เมสซี่ อาจมิใช่ปัญหา

        บอกแล้วว่าคนรวยทำอะไรไม่น่าเกลียด

        สำหรับเหตุผลสำคัญอีกประการที่จะชักจูงอดีตกุนซือของบาร์ซ่ามาที่อีสต์แลนด์สพากย์ภาษาอังกฤษว่า "สแปนิชคอนเนคชั่น"

        ตอนนี้ในบอร์ดบริหารระดับเบื้องบนของ แมนฯ ซิตี้ มีคนที่พูดภาษาสเปนเป็นภาษาหลักถึง 3 หน่วย

        หนึ่งคือ ไอตอร์ "ติกี้" เบกิริสไตน์ ตำแหน่งผู้อำนวยการลูกหนังประจำสโมสร

        พี่คนนี้เป็นอดีตปีกของบาร์เซโลน่า และทีมชาติสเปนเคยเล่นด้วยกันกับ โจเซป กวาร์ดิโอล่า ที่คัมป์ นู ถึง 5 ปี (1990-1995) ก่อนจะย้ายไป เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า

        หลังจากแขวนสตั๊ด "ติกี้" กลับมารับตำแหน่งผู้อำนวยการฟุตบอลที่บาร์เซโลน่า ตั้งแต่ปี 2003 ถึง 2010 ซึ่งนั่นทำให้เขาได้ร่วมงานกับ "เป๊ป" อีกครั้ง ก่อนจะขายตูดให้มิลติ-มิลเลียนแนร์ชาวอาบูดาบี ในปี 2012

        แน่นอนว่า ถ้ากุนซือหัวเหม่งเลือกมาทำงานที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ติกี้ เบกิริสไตน์ น่าจะเป็นคนสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังอย่างไม่ต้องสงสัย

        นอกจากนี้ แมนฯ ซิตี้ ยังมีหัวหน้าผู้บริหารระดับสูง (ตำแหน่งเดียวกับ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ของแมนฯ ยูไนเต็ด นั่นแหละ) อย่าง แฟร์ราน โซเรียโน่ ที่เป็นชาวกาตาลันโดยกำเนิด เช่นเดียวกับผู้อำนวยการเทคนิคชื่อ โรดอลโฟ่ บอร์เรลล์

        ส่วนในทีมสตาฟฟ์โค้ชตอนนี้ก็มีสเปนอีก 2 หน่อ คือ ซาเบียร์ แมนซิซิดอร์ โค้ชผู้รักษาประตู และ โฆเซ่ กาเบลโล่ ที่เป็นโค้ชฟิตเนส

        ทั้งหมดคือข้อได้เปรียบของ แมนฯ ซิตี้ ที่มีเหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด และนาทีนี้

        แล้วปีศาจแดงต้องทำอย่างไรถึงจะกระชาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาเป็นพ่อใหญ่แห่งโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คนใหม่?

        ในเมื่อมีเพียงสิ่งเดียวที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เหนือกว่า แมนฯ ซิตี้ คือชาติตระกูล

        แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่มีประวัติศาสตร์มากกว่า

        ไม่เพียงแต่จำนวนของความสำเร็จที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แมนฯ ยูไนเต็ด ยังอุดมไปด้วยเรื่องราวในอดีตอันน่าจดจำมากกว่า แฟนบอลก็มากกว่าแบบเทียบกันไม่ติด แน่นอนว่าพวกเขาเป็นทีมที่มีเสน่ห์อันน่าดึงดูดใจมากกว่า

        บาร์เซโลน่ายิ่งใหญ่ที่สุดในสเปน (แม้จะได้แชมป์น้อยกว่า เรอัล มาดริด) บาเยิร์น มิวนิค ยิ่งใหญ่ที่สุดในเยอรมัน ถ้าคุณพี่เขาใช้ความยิ่งใหญ่เป็นหลักเกณฑ์ในการเลือกทีมที่จะไปคุม  แมนฯ ยูไนเต็ด ก็น่าจะเหมาะสมกับศักดิ์ศรีของกุนซือผู้นี้มากกว่า แมนฯ ซิตี้ แม้จะได้แชมป์ยุโรปไม่ถึง 5 สมัยก็ตาม

        เพียงแต่ "เป๊ป" อาจไม่แยแสกับเรื่องประเภทนี้ก็เป็นได้

        ฉะนั้น & ฉะนี้

        สิ่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องทำคือพยายามทำทุกอย่างให้มันเหนือกว่าเพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญ

        ตัวผู้เล่นที่ด้อยกว่าสามารถทำให้มันดีขึ้นได้ด้วยการใช้เงินแบบหน้ามืดตามัว และการยอมวอดวายกว่า 250 ล้านปอนด์ ในเวลา 2 ฤดูกาล บ่งว่า แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมจะทุ่มทุนสร้างอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน

        ค่าจ้างมหาศาลที่เป็นส่วนสำคัญในการมัดตัว หากอยากได้จริงๆ มันต้องลงทุน อย่าลืมว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คือทีมที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวงลูกหนัง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยความมั่งคั่งของเจ้าของสโมสรมาเป็นตัวช่วย

        ถ้า แมนฯ ซิตี้ มี ติกี้ เบกิริสไตน์ เป็นผู้อำนวยการลูกหนังประจำสโมสร - แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีผู้มากบารมีอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่อาจทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เกรงใจได้บ้าง (ล่ะน่า)

        ก่อนจะวางมือ ป๋าแกเคยทาบทามมาแทนตำแหน่งตัวเองด้วย

        และบางที "เด็กผี" อาจต้องเชียร์ให้ แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่มีความชอบธรรมในการปลด มานูเอล เปเยกรีนี่ ออกจากตำแหน่ง (มาถึงจุดนี้ได้ยังไง?)

        ถ้า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ชอบสีฟ้ามากกว่าสีแดงก็ไม่ต้องคิดมากครับ แมนฯ ซิตี้ ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเพิ่มขึ้นแน่ๆ

        เข้าใจครับว่ามันเป็นลักษณะนิสัยในการเลือกคุมทีมของกุนซือท่านนี้ เพียงแต่มันจะท้าทายอะไร

        การกระชาก แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาจากป่าช้าพลางเสกให้กลายเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งต่างหาก คือบทพิสูจน์ความสามารถที่แท้จริงของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

"บอ.บู๋"

//////////////////////////////////////////////////////