Members

ความสั่นสะเทือนที่แมนเชสเตอร์



     พสุธากัมปนาทไปเลยนะครับ เมื่อความลับถูกเปิดเผย 

 

        สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อาศัยจังหวะที่ชาวบ้านเขากำลังใจจดใจจ่อกับตลาดหน้าหนาววันสุดท้ายป่าวประกาศอย่างเป็นทางการว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คือผู้จัดการทีมคนใหม่ของพวกเขาในฤดูกาลหน้า


        อันที่จริงมันก็ไม่ได้คือเป็นความล้งความลับอะไรมากมายนักหรอก เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่เขาก็เดาออกอยู่แล้วว่ากุนซือหนุ่มใหญ่วัย 45 หยกๆ ผู้นี้จะเลือกคุมทีมใด หลังจากไม่ยอมทิ้งหัวใจไว้ที่ถ้ำเสือ


        ประการหนึ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีนิสัยติดหรู คือจะเลือกคุมทีมที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบเป็นอันดับหนึ่งของลีกนั้นๆ ทั้งตัวผู้เล่นและทรัพย์สินเงินทอง ไม่ว่าจะ บาร์เซโลน่า หรือ บาเยิร์น มิวนิค ที่จัดอยู่ในระดับอ๋องของลีกตัวเองทั้งคู่


        อีกประการหนึ่งคือ "สแปนิช คอนเน็คชั่น" เนื่องจาก แมนฯ ซิตี้ มีผู้อำนวยการฟุตบอลอย่าง ติกี้ เบกิริสไตน และหัวหน้าผู้บริหารระดับสูงอย่าง แฟร์ราน โซเรียโน่ ที่นับถือธงผืนเดียวกันอยู่แล้ว


        ถามว่าการประกาศแต่งตั้งล่วงหน้าแบบนี้ถือว่าเสียมารยาทและหักหาญน้ำใจกันมากเกินไปหรือเปล่า ในเมื่อผู้จัดการทีมคนปัจจุบันอย่าง มานูเอล เปเยกรีนี่ ก็ยังนั่งหน้าเหี่ยวอยู่ในหน้าที่ มิได้ทำอะไรผิดเสียหน่อยพลางพูดในใจว่า "ให้เกียรติกูบ้างเถอะ"


        จริงๆ กุนซือเจ้าของสมญา "ดิ เอ็นจิเนียร์" ก็ยังไม่ได้ผิดถึงขั้นต้องสั่งประหาร อย่างน้อยพี่แกคือผู้จัดการทีมที่ช่วยให้ แมนฯ ซิตี้ กะซวกแชมป์พรีเมียร์ลีกควบ ลีก คัพ เมื่อ 2 ฤดูกาลก่อน แต่หากใช้มาตรฐานเดียวกับตอนปลด โรแบร์โต้ มันชินี่ ออกจากตำแหน่งก็ถือว่ามีความชอบธรรมอยู่เหมือนกัน เพราะซีซั่นที่แล้วมีแต่ความบรรลัย


        ฤดูกาลนี้ แมนฯ ซิตี้ ยังอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก แถมยังคงเป็นเต็งหนึ่งซะด้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ลีก คัพ ก็เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ


        แบบนี้เข้าข่ายเจอคนใหม่ที่สวยกว่าและดีกว่า แล้วกูทิ้งคนเก่าเลย!


        อย่างไรก็ตาม


        ผมมองว่าการประกาศล่วงหน้าแบบนี้น่าจะมีผลดีมากกว่าผลเสีย


        หลายคนมองว่าการสั่งประหารขุนศึกกลางสงครามแบบนี้จะส่งผลให้ "เปเย" ทำงานไปวันๆ แบบซังกะตาย เพราะต่อให้ทำดีขนาดก็ต้องโดนปลดอยู่ดีนั่นแหละ


        นี่คือความคิดแบบไทยๆ โดยอาจลืมนึกไปว่าพวกนี้มีความเป็นมืออาชีพสูง ยิ่งรู้ตัวว่าโดนปลดยิ่งต้องทำผลงานให้ไฉไลที่สุด เพื่อเป็นการสั่งลาให้ชาวบ้านกล่าวขวัญถึง


        อีกมุมหนึ่งคือการสร้างความคึกคักและตื่นตัว


        เพราะข่าวนี้คือข่าวใหญ่ระดับ "Breaking F**king News" ที่สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วโลกและดาวอังคาร


        ใครที่จัดอยู่ในปรเภท "เดอะ ซิติเซนส์" อยู่แล้วก็จะทำจมูกบานเข้า-บานออก บานเข้า-บานออก พลางซอยบั้นเด้าด้วยความเร็วสูงระดับ 80 ยิก ต่อ 1 นาที


        เพียงแค่ประกาศชื่อผู้จัดการทีมคนใหม่ในฤดูกาลหน้า ฐานแฟนบอลของ แมนฯ ซิตี้ ในต่างแดน โดยเฉพาะในจีนแผ่นดินใหญ่คงจะเพิ่มมากขึ้นอีกบาน เพราะยี่ห้อเป๊ปรับประกันความสำเร็จและสนุกสนานอยู่แล้ว


        สำหรับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า


        แน่นอนว่าพี่แกเป็นผู้จัดการทีมรุ่นหนุ่มใหญ่ที่มีความร้ายกาจมิใช่น้อย


        เพียงแต่ดูจะปอดแหกไปนิดที่เลือกความสบายมากกว่าความท้าทาย


        เพราะถ้าชอบความท้าทาย หรือชอบอะไรที่มันยากๆ ดราม่าๆ ต้องมา แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ดูจะสมศักดิ์ศรีมากกว่า แถมยังได้พิสูจน์ความสามารถที่แท้จริงของตัวเองอีกต่างหาก (อิอิอิ)


        ภารกิจแรกของ "เป๊ป" คือทำให้ที่นั่งโหรงเหรงๆ ใน เอติฮัด สเตเดี้ยม เต็มความจุเสียก่อน ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ แมนฯ ซิตี้ อยากมีผู้จัดการทีมระดับซูเปอร์สตาร์แบบนี้


        ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้จัดการทีมฝีมือดี กุนซือคนปัจจุบันของ บาเยิร์น มิวนิค ผู้นี้ยังมากด้วยฤทธาบารมีบรม เมื่อบวกกับความมั่งคั่งและร่ำรวยของพวกโอรสเจ้าอาหรับเจ้าของทีมเรือใบสีฟ้า


        นั่นหมายถึงการไหลมาและเทมาที่ อิสต์แลนดส์ ของดาวดังระดับโลก


        เห็นรายชื่อของดาวดังที่สื่ออังกฤษคาดว่า "โค้ชเป๊ป" อาจจะกระชากตัวมาร่วมงานกันในฤดูกาลหน้าหรือยังครับ?


        ลิโอเนล เมสซี่ อย่างนี้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ อย่างนี้


        อืมมมมมมม...นี่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ มึงเอาแชมป์ล่วงหน้าไปเลย 10 ฤดูกาลติดต่อกัน 5555


        ส่วนทีมที่ได้รับผลกระทบจากการมา แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อย่างรุนแรงมากที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นเพื่อน (อริ) ร่วมเมืองเดียวกันอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด นั่นแหละ


        เพราะสิ่งที่ แมนฯ ซิตี้ จะทำเป็นอันดับแรกคือเหยียบปีศาจแดงให้จมธรณีแล้วฉาบเมืองแมนเชสเตอร์ให้เป็นสีฟ้า


        ในอดีตทีมสีฟ้าแห่งแมนเชสเตอร์เคยตกเป็นทั้ง "ลูกไล่" และ "เบี้ยล่าง" ของทีมสีแดงในเมืองเดียวกันมาตลอด พวกเขาด้อยกว่าทั้งชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ ประวัติศาสตร์ และจำนวนของแฟนบอล


        เพิ่งจะมาลืมตาอ้าปากได้บ้างก็ตอนที่โคตรมหาเศรษฐีจากอาบูดาบีเข้ามาเป็นเจ้าของทีมนี่แหละ


        แฟนบอลของ ซิตี้ จึงค่อนข้างมีปมด้อย เวลาเดินสวนกับพวกเด็กผีในเมืองต้องก้มหน้าก้มตา เพราะกลัวถูกจับได้ว่าเชียร์ทีมอะไร


        สิ่งเดียวที่พอจะเอาชนะเด็กผีได้บ้าง คือการอ้างว่าทีมตัวเองเป็นทีมประจำจังหวัดที่มีแฟนบอลท้องถิ่นมากกว่า ซึ่งมันคือเรื่องที่คนส่วนใหญ่เข้าใจมาตลอด


        กระทั่งมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองแมนเชสเตอร์ทะลึ่งทำผลสำรวจด้วยการถามประชาชนที่ฝังหนอกอยู่ในเขต "เกรท แมนเชสเตอร์" ทุกครัวเรือนว่าพวกมึงเป็นสีแดงหรือสีฟ้า?


        ผลปรากฏว่า"สีแดง" ยังอุตส่าห์มากกว่า...ซะอย่างนั้น!


        พุทโธ่...คือจะให้พวกกูเหนือกว่าสักอย่างก็ไม่ได้ ว่าแล้วก็หงายเงิบกันไปตามระเบียบ กระนั้นยังมีคนพยายามหลอกตัวเองว่าแมนเชสเตอร์เป็นสีฟ้า...แมนเชสเตอร์เป็นสีฟ้า ทั้งที่สำรวจก็แล้ว เอาข้อมูล และเอาหลักฐานมายืนยันก็แล้ว แต่กูไม่ยอมรับซะอย่าง ใครจะทำไม?


        คอยดูนะครับว่าเดี๋ยวต้องมีคนเข้ามาแสดงความเห็นประมาณ "ที่แมนเชสเตอร์มีแฟนบอลของ แมนฯ ซิตี้ มากกว่า" อย่างแน่นอน


        แต่ขอโทษ!...การมาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อาจหมายถึงการก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจลูกหนังอังกฤษของแมนฯ ซิตี้ เลยทีเดียวนะครับขอบอก


        และยิ่งประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ เมืองแมนเชสเตอร์ยิ่งกลายเป็นสีฟ้าชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น


        ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป สักวันหนึ่งแฟนบอลปีศาจแดงก็คงจะต้องหาอะไรมาอ้างให้ตัวเองดูดีมีชาติตระกูลกว่าเพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญบ้าง


        ยกตัวอย่างเช่น ในเมืองแมนเชสเตอร์มีแฟนบอลของ ยูไนเต็ด มากกว่า หรือทีมมึงเคยได้แชมป์ยุโรป 5 สมัย เอ๊ย! 3 สมัยเหมือนทีมกูหรือเปล่า?


        การมาที่ เอติฮัด สเตเดี้ยมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จึงไม่ต่างจากการเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว และโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด


        มันคือการเร่งปฏิกิริยาให้หน่วยเหนือของสถาบันปีศาจแดงต้องทำอะไรสักอย่างเร็วขึ้น เพื่อไม่ให้ทีมตัวเองตกเป็นเมืองขึ้นของเพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญไปตลอด


        กุนซือที่มีความสามารถพอฟัดพอเหวี่ยงและสมน้ำสมเนื้อกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ตอนนี้ที่ยังว่างงานอยู่ก็มีเพียงคนเดียวนั่นแหละ แถมคุณพี่เขามีความโรคจิตและใฝ่ฝันอยากคุมทีมปีศาจแดงซะด้วย


        ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณมึงจะรอแมวน้ำอะไร


        เรียนตามตรงนะครับว่าถ้า ฯพณฯ เอ็ด วู๊ดเวิร์ด หัวหน้าผู้บริหารระดับสูงของ แมนฯ ยูไนเต็ด และพวกพ้องตระกูลเกลเซอร์ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนปล่อยให้ หลุยส์ ฟาน กัล นั่งเหน็บแดกส์คุมทีมต่อไป หรือเสี่ยงเดิมพันให้มือใหม่ไฟแรงอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ เป็นผู้จัดการทีมคนต่อไปคงบอกได้คำเดียวล่ะครับว่า...เด๊ดห่า!


        ด.น.น. เด๊ดห่าแน่นอน


        เพราะมันไม่ได้หมายถึงการกลายพันธุ์กลายเป็นทีมดาดๆ แถวกลางตารางเพียงอย่างเดียว แต่ทุกอย่างที่เคยเป็นมันจะกลับตาลปัตรกัน


        แมนฯ ยูไนเต็ด จะกลายเป็นทั้งลูกไล่และเบี้ยล่างของ แมนฯ ซิตี้ เหมือนที่ครั้งหนึ่ง แมนฯ ซิตี้ เคยตกเป็นลูกไล่และเบี้ยล่างของ แมนฯ ยูไนเต็ด มาตลอด

 


บอ.บู๋

 

****************************************************************

 Cr.siamsport. ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th

Views: 719

Reply to This

Replies to This Discussion

ว่าไป บอ บู๋

ออกแนวอิจฉาตาร้อนไปไหมเจ้าบู๋

กลัวอะดิ๊ กรั่กกกกกๆๆๆๆๆ

กลัวล่ะซิ บอ.บู๋

ก็รอ เอิร์ธเควกที่จะมาละพกัน

ยึดเมืองเลย

ไอ้เป็ดไม่มีวันได้เกิดแน่มึง

สะเทิอนทั่ววงการล่ะครับเล่นเอาตลาดซื้อขายข่าวเงียบกริบเลย

เด็กผีเขียนจบข่าว

เพราะสิ่งที่ แมนฯ ซิตี้ จะทำเป็นอันดับแรกคือเหยียบปีศาจแดงให้จมธรณีแล้วฉาบเมืองแมนเชสเตอร์ให้เป็นสีฟ้าฮะ ฮรี่ๆโดนใจ

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.