Members

แชมป์พรีเมียร์ลีกได้แก่...?



     ศึกชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกกำลังห้ำหั่นกันอย่างเมามันเลยนะครับ แต่มีอันต้องถูกขัดจังหวะจากเอฟเอ คัพ รอบ 5 ในสุดสัปดาห์นี้ซะอย่างนั้น! 

 

        หมายความว่าทีมนำฝูงอย่างเลสเตอร์ จะเป็นเพียงทีมเดียวที่ได้พักน่องแบบเต็มๆ เพราะชิงตกรอบไปเรียบร้อย ขณะที่ สเปอร์ส, อาร์เซน่อล และแมนฯ ซิตี้ นอกจากจะต้องทำศึกถ้วยน็อกเอาต์เก่าแก่ของอังกฤษ พวกเขายังต้องซอยยิกในฟุตบอลสโมสรยุโรปอีกต่างหาก


        นี่คือข้อได้เปรียบของ "จิ้งจอกสยาม" ที่มุ่งเน้นและพุ่งเป้าแค่รายการเดียวแบบไม่ต้องพะวักพะวน แถมได้ถนอมตัวผู้เล่นไม่ให้เสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บและกรำศึกหนักมากเกินไปด้วย แต่ข้อเสียเปรียบของเลสเตอร์ ซิตี้ คือพวกเขามีขนาดของทีมที่เล็กกว่าอีก 3 ทีมลุ้นแชมป์ที่เหลือ


        ฉะนั้น ผู้เล่นสำคัญๆ อย่าง เจมส์ วาร์ดี้, ริยาด มาห์เรซ, เอ็นโกโล่ กองเต้ และ เวส มอร์แกน กับ โรเบิร์ต ฮูธ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามสไลด์หนอนเด็ดขาด

ADVERTISING


        สำหรับ 12 เกมสุดท้ายที่เหลือ ถือว่าหน่วงหนักพอๆ กัน แม้นเลสเตอร์จะเจอกับทีมที่ลุ้นแชมป์กันเองครบแล้วก็ตาม แต่หากมองจากชื่อชั้นและศักดิ์ศรีที่ด้อยกว่าของตัวเอง ทุกนัดที่เหลือถือว่าหนักหนาสาหัสสำหรับทีมของคนไทยทั้งประเทศ


        เรียนตามตรงว่าน่าเป็นห่วงมิใช่น้อย


        นาทีนี้ภาพยังไม่ชัดเจนมากนะครับว่าทีมใดจะพุ่งทะยานเข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งจัดเป็นฤดูกาลที่มองแชมป์ยากมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก เพราะมีลุ้นกันมากมายถึง 4 ทีม


        เข้าใจว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ถูกบรรจุเข้าไปในพงศาวดารของพรีเมียร์ลีกว่าเป็นซีซั่นที่มีการขับเคี่ยวกันอย่างถึงใจพระเดชพระคุณมากที่สุดแน่นอน เหมือนที่เคยบังเกิดขึ้นในฤดูกาล 1994-95 ที่แบล็คเบิร์นคว้าแชมป์ในแมตช์สุดท้าย ทั้งที่ประสบความพ่ายแพ้, ฤดูกาล 2011-12 ที่แมนฯ ซิตี้ เฉือนแมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยประตูได้เสียที่ดีกว่า และฤดูกาล 2013-14 ที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ทำถ้วยพรีเมียร์ลีกที่ควรจะเป็นของลิเวอร์พูลหลุดมือแบบไม่มีเหตุผล และไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น นี่คือ 3 ฤดูกาลที่ฝังอยู่ในความทรงจำมิอาจลืม


        ...ว่าแล้วมาดูเกมระดับ "อภิพญามหาศึก" ของทั้ง 4 ทีมที่เหลืออยู่ในฤดูกาลนี้พร้อมกับพยากรณ์ไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า


        เนื่องเพราะมันอาจช่วยให้เรามองเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าทีมใดมีโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกประจำซีซั่นนี้มากที่สุด


        กระนั้นก็เป็นเพียงภาพรวมแบบกว้างๆ นะครับ เพราะมีหลายปัจจัยที่อาจสร้างความพลิกผันได้ตลอดเวลา โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ขณะนั้นด้วย


        อ่านแล้ว กรุณาอย่าคิดมาก


        เริ่มจากวันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2016


        แมนฯ ยูไนเต็ด - อาร์เซน่อล


        นี่คือเกมสำคัญของพลพรรคปืนโต เพราะต้องบุกไปถล่มโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ให้ได้เพียงสถานเดียวเท่านั้น ทั้งๆ ที่เพิ่งจะเสร็จศึกหนักกับบาร์เซโลน่า ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เนื่องจากเลสเตอร์จะเจอกับนอริชในบ้าน ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร


        ทว่า 18 นัดหลังที่เจอกัน อาร์เซน่อลยัดเยียดความปราชัยให้ปีศาจแดงได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้นเอง  


        โอกาสทำได้แค่เสมอจึงมีค่อนข้างสูง ขณะที่คลับไก่จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของสวอนซี ตีเสียว่าน่าจะมี 3 แต้ม


        นั่นหมายความว่าโอกาสที่อาร์เซน่อลจะถูกเลสเตอร์และสเปอร์สทิ้งห่างออกไปมีค่อนข้างสูง


        ถัดไปวันพุธที่ 2 มีนาคม 2016


        แมนฯ ซิตี้ ต้องบุกไปเยือนแอนฟิลด์


        หากยังหวังจะลุ้นแชมป์ต่อไปก็ต้องบุกไปยัดเยียดความปราชัยให้ลิเวอร์พูลเพียงสถานเดียวเท่านั้น ขณะเดียวกับที่อาร์เซน่อลจะเจอกับสวอนซี ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม และสเปอร์สต้องบุกไปเยือนเวสต์แฮม ส่วนเลสเตอร์เล่นในบ้านเจอเวสต์บรอมฯ


        ขนาดเล่นในบ้านตัวเองยังโดนหงส์แดงบุกมาขยี้ บางทีเรือใบสีฟ้าอาจไม่ชนะที่แอนฟิลด์ จนห่างไกลจากตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกไปเรื่อยๆ


        อาร์เซน่อลน่าจะทุบสวอนซีได้ไม่ยาก ขณะที่สเปอร์สมีสิทธิ์พลาดทำแต้มหล่นเมื่อต้องเยือนอัพตัน พาร์ค สถานการณ์ระหว่าง "ปืน" กับ "ไก่" จะกลับมาสูสีอีกครั้ง โดยยังตามหลังจ่าฝูงอย่างเลสเตอร์ที่น่าจะเฉือนเอาชนะเวสต์บรอมฯ ได้อย่างหวุดหวิด


        แล้วก็มาถึงเกมสำคัญประจำฤดูกาลในวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม เมื่อสเปอร์สกับอาร์เซน่อลจะเซิ้งกันเองในศึกนอร์ทลอนดอน ดาร์บี้ ที่ไวท์ ฮาร์ท เลน


        นับตั้งแต่ได้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เป็นผู้จัดการทีม คลับไก่ยังไม่เคยเสียท่าให้ทีมสีหนาทปืนใหญ่เลยนะครับ


        ทีมใดพลาดท่าพ่ายแพ้นี่ถึง "เด๊ดห่า" เลยทีเดียวเชียว เพราะฉะนั้นจึงห้ามพลาดด้วยกันทั้งคู่ โอกาสที่จะเสมอกันมีสูงที่สุด ทั้ง 2 ทีมอาจจะแชร์แต้มกันเอง ขณะที่แมนฯ ซิตี้ จะถล่มแอสตัน วิลล่า ในบ้านได้ไม่ยากขยับแต้มเข้าใกล้มาอีกนิด


        ส่วนเลสเตอร์เจองานหนักระดับภูผาหมาเยี่ยวรดไม่สะทกสะท้าน เมื่อต้องออกไปเยือนวัตฟอร์ด โอกาสที่จะทำแต้มหล่นหายมีค่อนข้างสูงเลยทีเดียว


        สถานการณ์ในช่วงนั้นน่าจะยังสูสี "จิ้งจอกสยาม" อาจนำเป็นจ่าฝูงต่อ ตามมาด้วยผู้ชนะระหว่างสเปอร์สกับอาร์เซน่อล ก่อนที่จะบังเกิด "บิ๊กแมตช์" ขึ้นอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 19 มีนาคม และอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2016


        อาร์เซน่อลต้องออกไปเยือนเอฟเวอร์ตัน ขณะที่เลสเตอร์ต้องออกไปเยือนคริสตัล พาเลซ ซึ่งทั้งคู่มีโอกาสทำแต้มหล่นหายมากกว่าสเปอร์สที่รอเชือดบอร์นมัธ ในเล้าตัวเอง


        ส่วนแมนฯ ซิตี้ ทำศึกผ่าเมืองแมนแสนสะท้านกับทีมสีแดงที่เคยยิ่งใหญ่ ซึ่งลูกทีมของอาจารย์หลุยส์ในสภาพนี้น่าจะจัดการได้ไม่ยาก


        อย่างไรก็ตาม


        ผมเชื่อว่าสถานการณ์จะยังคงเหมือนเดิมคือเบียดเสียดกันอย่างสูสีจนเกิดประกายไฟ เลสเตอร์อาจยังเหนียวแน่นในตำแหน่งจ่าฝูง หรือไม่ก็ตามหลังแค่แต้มหรือ 2 แต้มเท่านั้น ทุกอย่างยังพลิกผันได้ตลอด


        แล้วก็มาถึงเกมที่ 32 ของฤดูกาล ตรงกับวันที่ 2 เมษายน 2016


        อาร์เซน่อล - วัตฟอร์ด


        เลสเตอร์ - เซาธ์แฮมป์ตัน


        ลิเวอร์พูล - สเปอร์ส


        บอร์นมัธ - แมนฯ ซิตี้


        ปัญหาอยู่ที่ทีมตราไก่นี่แหละครับ ขณะที่ "เดอะ ฟ็อกซ์ส" ก็ไม่ใช่ง่าย แม้จะเล่นในบ้านตัวเองก็ตาม


        บางทีจบสัปดาห์นี้ อาร์เซน่อลอาจคือทีมที่นำเป็นจ่าฝูง..ก็..เป็น..ได้


        เกมสุดสำคัญลำดับต่อมา ตรงกับวันเสาร์ที่ 16 เมษายน 2016


        เชลซี - แมนฯ ซิตี้


        อาร์เซน่อล - คริสตัล พาเลซ        


        เลสเตอร์ - เวสต์แฮม


        สโต๊ค - สเปอร์ส


        แมนฯ ซิตี้อาจหลุดวงโคจรจากการลุ้นแชมป์ในสัปดาห์นี้นี่แหละ ขณะที่สเปอร์สอาจไม่ชนะที่บริทานเนีย สเตเดี้ยม


        จุดน้ำกระฉูดอาจอยู่ในวันเสาร์ที่ 30 เมษายน 2016 ซึ่งดูโปรแกรมแล้วบอกได้คำเดียวว่าสะเด่า


        แมนฯ ยูไนเต็ด - เลสเตอร์


        เชลซี - สเปอร์ส


        เซาธ์แฮมป์ตัน - แมนฯ ซิตี้


        อาร์เซน่อล - นอริช


        เรียนตามตรงว่า เลสเตอร์กับสเปอร์สมีโอกาสเสียแต้มค่อนข้างสูง ส่งผลให้อาร์เซน่อลขึ้นนำจ่าฝูงแบบเต็มตัว เมื่อเหลืออีกแค่ 2 เกมสุดท้าย


        เกมที่ 37 ของฤดูกาล (วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม 2016) เลสเตอร์จะเซิ้งกับเอฟเวอร์ตัน ที่คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ซึ่งไม่ใช่งานง่ายแน่นอน แต่อาร์เซน่อลก็ต้องออกไปเยือนแมนฯ ซิตี้ ขณะที่สเปอร์สเจอกับ "นักบุญ" ที่เดอะ เลน


        หากลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ไม่ชนะแล้วเลสเตอร์กับสเปอร์สฉวยโอกาสที่อาร์เซน่อลทำพลาดได้สำเร็จ แชมป์พรีเมียร์ลีกจะต้องไปตัดสินกันในเกมสุดท้ายของฤดูกาลที่ลงสนามพร้อมกันหมดในวันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2016


        เชลซี - เลสเตอร์


        อาร์เซน่อล - แอสตัน วิลล่า


        นิวคาสเซิ่ล - สเปอร์ส


        สวอนซี - แมนฯ ซิตี้


        แน่นอนว่าไม่มีปัญหาสำหรับ "เดอะ กันเนอร์ส" แตกต่างจากเลสเตอร์กับสเปอร์ส ที่ยังไม่แน่


        อืมมมมมม...นะ


        ทีนี้พอจะมองเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นหรือยังครับว่าทีมใดจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้?

 


บอ.บู๋

/////////////////////////////////////////////////////////

Cr.siamsport. ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทยwww.mcfc.in.th

Views: 614

Reply to This

Replies to This Discussion

แมนซิตี้สิครับถ้ามาถามเด็กเรือใบสีฟ้า แต่ด้วยฟอร์มและโปรแกรมสุดหรรษาครบทั้ง 4 รายการอีกด้วยนักเตะบาดเจ็บก้อต้องบอกว่า งานหยาบจริงๆ ครับ แต่ยังไงก้อต้องสู้และลุ้นกันไปจนนาทีสุดท้ายของฤดูกาล อย่างน้อยที่สุดขอแชมป์ แคปปิตอลที่อยู่ใกล้มือที่สุดในเวลานี้มาประดับก่อนนะครับ ส่วนถ้วยแชมป์อื่นค่อยว่ากันตามระเบียบ

สามทีมนั้นมีภาษีมากกว่าแมนซิตี้ ณเวลานี้

วิเคราะห์ก็คือ การวิเคราะห์

สถิติ ก็คือ สถิติ 

ฟุตบอลเป็นเกมที่มีปัจจัยบวกลบในแต่ละแมทช์เยอะแยะเต็มไปหมด อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้

ไม่คิดบ้างเหรอครับว่า อีก 3-4 เกม วาร์ดี้ มาห์เรซ อาจเดี้ยง ซานเชส อาจเจ็บอีก เคนอาจโดนใบแดงห้ามเล่น 3 เกม 

ส่วนกุน ผีเข้า ยิงระเบิดเถิดเทิง หรือสเตอร์ลิ่ง องค์ลง ซัดตุงตาข่ายและแอสซิสต์พุ่งสุดขีด

ขอมองโลกในแง่ดีว่า แมนซิตี้ แชมป์ครับ 555

..ในสถานการณ์เยี่ืยงนี้ถ้าเป็นฤดูกาลก่อนๆ ด้วยประสบการณ์ลุ้นแชมป์ของซิตี้ในโค้งสุดท้าย..

..บอกเลยว่ามี่ความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง..

..แต่ว่าวันนี้ไม่ใช่วันนั้น วันที่ทีมมีผู้จัดการที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะคว้าแชมป์มาครอง..

..วันนี้เปเย่ถูกปลดกลางอากาศ มีเวลาที่จะอยู่อีกแค่ 4 เดือนเท่านั้น ความมุ่งมั่นไม่เต็มร้อยแน่นอน..

..คุมทีมไปตามความรับผิดชอบเท่านั้น เลิกคิดที่จะหาวิธีจูงใจ และกระตุ้นนักเตะให้มุ่งมั่นกระหายชัย..

..ที่หนักที่สุดก็คือนักเตะตัวหลักอายุมาก เริ่มโรยรา พร้อมจะเดี้ยงทุกครั้งที่ลงสนาม..

..ที่หนักไปกว่านั้นซิตี้มีโปรแกรมถี่ยิบ 4 รายการซึ่งจะทำให้นักเตะล้าและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บอีก..

..สิ่งที่่ซิตี้จะต้องทำคือการประคองตัวให้ติดท้อปโฟร์เพื่อการได้ไปแชมเปี้ยนส์ลีกให้ได้..

..แชมเปี้ยนส์ลีกมีความหมายต่อซิตี้ในฤดูกาลหน้ามาก..

..เพราะเป๊ป กวาร์ดิโอล่าจะเข้ามาผลักดันทุกวิธีให้ซิตี้ประสบความสำเร็จในเวทียุโรปในครั้งนี้ !

ได้สักแชมป์ก็พอใจแล้ว เอาให้มันได้แล้วกัน เริ่มจากแคปปิตัลก่อนเลยนะลุง

แก่ หมดไฟทั้งโค้ชทั้งนักเตะ
จะเอาเด็กลง ก็ปล่อยยืมฟรีไปหมดแล้ว

แล้าเราจะมาดูกัน

มันอาจจะไม่เป๊ะแบบนี้ก้อได้ แย่งกันไปแย่งกันมา 3 ทีมดันเสมอเยอะ แมนซิตี้อาจจะพลิกชนะ อย่างงี้ มันก้อเกิดขึ้นได้ แค่ 2 เกมส์เอง ลุ้นกันยาวๆ น่า 5 นัดท้ายค่อย เฉลย

ปีนี้อ่าลุ้นเหนื่อยปีหน้าลุ้นหนัก เพราะมีแต่โค้ชเก่งๆเข้ามาพรีเมียลีค 555+

ได้แก่เรือใบสีฟ้าเลยแล้วกัน

ต้องชนะรวดแล้วล้ะ ไม่งั้นคงยาก

ดูแล้วอาเซน่อลมีโอกาสสูงมากฮะ แมนซิที่สี่ตรงตามลำดับฮะปีนี้

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.