"เรือใบสีฟ้า" เป็นทีมเดียวในลีกที่มีลุ้นทั้ง 4 ถ้วยในโค้งสุดท้าย แม้การพ่ายแพ้ติดๆ กันต่อ เลสเตอร์ และ สเปอร์ส จะทำให้โอกาสในลีกเหลือน้อยลง จากช่องว่างที่ห่างจากจ่าฝูง เลสเตอร์ 6 แต้ม รวมทั้ง อาร์เซน่อล กับ สเปอร์ส อีก 4 แต้ม ก็ตาม

        ขณะที่บอลถ้วย ทีมของ มานูเอล เปเยกรีนี่ ทะลุเข้าชิง แคปปิตอล วัน คัพ กับ ลิเวอร์พูล เช่นเดียวกับแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย รอเจอดินาโม เคียฟ กลางสัปดาห์หน้า

        เมื่อทีมลุ้นความสำเร็จหลายรายการ สิ่งที่กุนซือชาวชิลี หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยคือโปรแกรมเตะที่กระชั้นชิดเข้ามาจนน่าปวดหัว

        ยิ่งสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ไฟเขียวให้ช่องทีวีในอังกฤษเลือกคู่ถ่ายทอดสดได้ตามใจชอบ ทำให้เกมใหญ่กับเชลซี ขยับไปวันอาทิตย์ ทำให้เวลาเตรียมตัวก่อนบินไปเยือนเคียฟ น้อยลงอีก

        บวกกับสภาพอาการบาดเจ็บของนักเตะในทีม ทั้ง เควิน เดอ บรอยน์, ฟาเบียน เดลฟ์, บาการี่ ซาญ่า, เอเลียควิม ม็องกาล่า, ซามีร์ นาสรี่ และ วิลฟรีด โบนี่ บีบให้กุนซือชาวชิลี ต้องเลือกทำอะไรสักอย่าง ในเมื่อแข้งหลักเหลือให้เลือกแค่ 13 คน

        ทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ และเปเยกรีนี่ก็ย้ำก่อนเดินทางมาลอนดอนว่า การส่งดาวรุ่งลงสนาม คือแนวทางที่จำเป็น แม้จะเป็นโอกาสลุ้นถ้วยสำคัญอย่าง เอฟเอ คัพ ส่งท้ายก่อนลาจากในซัมเมอร์นี้

        นั่นคือที่มาของโอกาสที่บรรดาดาวรุ่งของทีมเรือใบสีฟ้าจะได้ลงโชว์ฝีเกือก แถมเป็นเกมใหญ่กับคู่แข่งดีกรีแชมป์พรีเมียร์ลีก ที่อัดแน่นไปด้วยอาวุธหนักเต็มทีม

        ดาวรุ่งของ "ซิตี้" คือผลิตผลของทีมเรือใบ ในโครงการในชื่อ "EDS" (Elite Development Squad) ที่เลือกเฟ้นแข้งหัวกะทิมารวมกันเมื่อฤดูกาล 2011-12 และลงทำศึกในพรีเมียร์ลีก รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ซึ่งถือว่ามีอายุทำการไม่นานสำหรับระบบเยาวชนใหม่ของแมนฯ ซิตี้ ที่อยู่เหนืออะคาเดมี่ของสโมสรอีกชั้นหนึ่ง

        แข้งเรือใบรุ่นเยาว์เหล่านี้ เคยมีโอกาสวาดลวดลายในรายการ "เน็กซ์เจน" ซึ่งฝ่ายจัดส่งเทียบเชิญทีมจากอะคาเดมี่ที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในยุโรป 16 ทีมไปดวลแข้ง นอกจากนั้นยังลงแข่งใน แมนเชสเตอร์ ซีเนียร์ คัพ และแลงคาเชียร์ ซีเนียร์ คัพ รวมทั้งรายการอื่นๆ อีกมากมาย

        อย่างไรก็ดี เมื่อพูดถึงประสบการณ์ในทีมชุดใหญ่ ดาวรุ่งกลุ่มนี้คงมีไม่มาก อันเนื่องมาจากนโยบายการซื้อสตาร์ดังมาร่วมทีม ตั้งแต่กลุ่มทุน ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป เข้ามาเทกโอเวอร์กิจการแล้ว

        เรียกว่าถ้าสถานการณ์ไม่หนักหนา หรือเป็นคิวบอลถ้วย แฟนเรือใบอาจไม่ได้ชมฝีเกือกของดาวรุ่งบ่อยนัก หากไม่เกาะติดแบบจริงจัง

        และนี่ก็คือโอกาสที่พวกเขาจะได้สัมผัสฝีเกือกของดาวรุ่งในทีม นอกเหนือจาก เคเลชี่ อีเฮนาโช่ หัวหอกไนจีเรียน ที่ได้ลงล่าตาข่ายให้ชุดใหญ่ในวัย 19 ปีอยู่แล้วหนึ่งราย

        ส่วนจะต่อกรกับเจ้าถิ่น "สิงโตน้ำเงินคราม" ที่จะมากันเกือบฟูลทีมได้ดีแค่ไหน ต้องติดตามกัน

ชู้ตเอ๊าต์

*****************************************************************