ทีมจากอังกฤษมีชัยอยู่ทีมเดียวคือ แมนฯ ซิตี้ ขณะที่ เชลซี กับ อาร์เซน่อล พ่ายแพ้ เปอร์เซ็นต์ตกรอบสูง

        ในจำนวน 8 คู่ ผมว่ามี 3 ทีมที่น่าจะตบเท้าเข้ารอบไปได้ค่อนข้างแน่นอนแล้ว นั่นคือ แมนฯ ซิตี้, บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด จากสกอร์นัดแรกที่บุกชนะ 3-1, 2-0 และ 2-0 ตามลำดับ เกมสองได้กลับมาเล่นในบ้านไม่น่าพลาดตกรอบแหง

        โดยเฉพาะเรือใบสีฟ้าจะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาผ่านเข้าไปถึงรอบ 8 ทีม หลังคว้าโควตามา 5 ปี สังเวยกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ ไปแล้ว 1 คน

        นี่ถ้าหาก มานูเอล เปเยกรีนี่ พาลูกทีมเรือใบสีฟ้าผ่านเข้าไปถึงรอบชิง ชปล. ได้ ผู้บริหารคงอึ้งกิมกี่ไปเหมือนกัน ดันประกาศให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาคุมทีมแทนเอาไว้แล้ว ของดีกำลังจะหลุดมือ

        ไม่ดีจริง เปเยกรีนี่ ไม่นำทีมคว้า "ดับเบิลแชมป์" ในปีแรกที่เข้ามากุมบังเหียนเรือใบหรอกครับ ปีนั้นได้ทั้ง พรีเมียร์ลีก และ แคปปิตอล วัน คัพ

        วันอาทิตย์นี้ ดิ เอ็นยิเนียร์ จะนำลูกทีมเดินลงสนามเวมบลีย์เพื่อไล่ล่าแชมป์แรกของฤดูกาลอีกครั้ง ถ้วยเดิมจากเมื่อ 2 ปีก่อน แต่เปลี่ยนคู่ชิงมาเป็น "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ว้าว! พิเศษใส่ไข่

        แชมป์แคปปิตอล วัน คัพ ปีนี้จึงกลายเป็นแชมป์ที่มีความหมายต่อกุนซือทั้ง 2 คนเป็นอย่างยิ่ง เปเยกรีนี่กำลังจะอำลาทีมไป ขณะที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เพิ่งเข้ามาคุมหงส์แดงปีแรกเพียงไม่กี่เดือน

        หงส์แดงเพิ่งลงเตะเกมยูโรปา ลีก ไปเมื่อคืนวันพฤหัสฯ ถือว่าได้พักน้อยกว่าแมนฯ ซิตี้ นิดนึง แต่เป็นเกมในบ้านไม่ต้องเดินทางไกล 5 ชั่วโมง ทำให้ แมนฯ ซิตี้ เตะกับ ดินาโม เคียฟ จบปุ๊บต้องนั่งเครื่องบินชาร์เตอร์ไฟลต์กลับอังกฤษทันที ถึงอังกฤษดึกมาก

        นั่นเท่ากับว่าค่ำวันพฤหัสฯ นักเตะแมนฯ ซิตี้ ได้ยืดเส้นยืดสายลงซ้อมเบาๆ กันที่อังกฤษแล้วไม่ต้องกลับแมนเชสเตอร์ ปักหลักอยู่ในลอนดอนได้เลย วันอาทิตย์จะได้ไม่ต้องเดินทาง

        ไม่ต้องบอกว่าเปเยกรีนี่หวังแชมป์รายการนี้ขนาดไหน? ลงทุนส่งทีมเด็กไปให้เชลซีเชือดนิ่มในเอฟเอ คัพ โดนวิจารณ์สาดเสียสาดเทมาเยอะแล้ว ต้องแก้ตัวใน 2 รายการติด เพื่อลบล้างความผิดไปจากสารบบให้ได้

        ไม่แน่เหมือนกัน อาจเป็นแชมป์ทิ้งทวนกับแมนฯ ซิตี้

        ในทางกลับกัน ถ้าเป็นแชมป์ประเดิมของ คล็อปป์ จะสร้างความมั่นใจให้เจ้าตัวเป็นอย่างยิ่งในการก้าวเดินต่อไป ไล่ล่าความสำเร็จมาให้แฟนหงส์แดงชื่นใจบ้าง

        วันอาทิตย์นี้เชื่อว่าเต็มสูบด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย!

        แมนฯซิตี้ นำทัพโดย กุน อเกวโร่, ยาย่า ตูเร่, ดาบิด ซิลบา และ "หอกข้างแคร่หงส์" ราฮีม สเตอร์ลิง เป็น 4 ประสานแนวรุกของลิเวอร์พูลก็คงมี แดเนียล สเตอร์ริดจ์, ฟีร์มีโน่ และ คูตินโญ่ เป็นตัวหลัก หวังว่าคงไม่มีใครบาดเจ็บเพิ่มเน้อ

        เมื่อคืนวันพุธ ซิตี้เล่นได้ดีมากๆ โดยเฉพาะ ยาย่า ตูเร่ กลับมาเป็นจอมทัพคนเดิมหลังเจ้านายให้พักเบรกไปเกือบ 10 วัน กลับมาเดินเกมอย่างน่าทึ่ง เช่นเดียวกับ สเตอร์ลิง-ซิลบา จี๊ดจ๊าด ขึ้นเกมจาก 2 ด้านด้วยความเร็วดีเหลือเกิน

        สกอร์ 3-1 ที่เคียฟถือว่าสมบูรณ์แบบมาก ไม่ต้องเป็นห่วงกังวลในเกมที่ 2 เลย มองไปลุ้นผลการจับสลากรอบ 8 ทีม ดีกว่า อย่าเผชิญหน้า เรอัล มาดริด หรือ บาร์เซโลน่า เป็นใช้ได้

        เกมวันอาทิตย์ผมมองว่าแมนฯ ซิตี้ เหนือกว่าลิเวอร์พูลนิดๆ ตรงกองหลังนี่แหละครับ หลังจา ก แว็งซ็องต์ ก็องปานี ฟิตสมบูรณ์กลับมายืนบัญชาการคู่ นิโคลัส โอตาเมนดี้ เกมรับขันนอตแน่นหนาเชียว เป็นเรื่องยากที่กองหน้าหงส์จะเจาะ

        ผิดกับแบ็ก 2 ข้างลิเวอร์พูล เนธาเนียล ไคลน์ หรือ โมเรโน่ มีโอกาสเพลี่ยงพล้ำให้กับ ซิลบา-สเตอร์ลิง ตลอดเวลา แถมผู้รักษาประตู ซิมง มิโญเล่ต์ ไม่น่าไว้ใจเลยขอรับ

        เทียบแนวรับกันแล้ว เรือใบสีฟ้าดูแน่นหนากว่าเนอะ

        แต่ฟุตบอลนัดเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้าหงส์แดงแชมป์จะเป็นขวัญกำลังใจชิ้นสำคัญมาก ปีหน้าได้กลับไปเล่นยูโรปา ลีก แน่นอน คราวนี้กลับไปลุ้นผลงานในพรีเมียร์ลีกอย่างเดียว

        แมนฯ ซิตี้เองถ้าแชมป์แรกต้องกลับไปลุ้นพรีเมียร์ลีกต่อ โอกาสแชมป์ยังพอมี แล้วเดินทางในเวทียุโรปให้ลึกสุด จับสลากมือดีอาจทะลุถึงรอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้

        อาทิตย์นี้ที่เวมบลีย์ เราคงได้เห็นภาพ 2 กุนซือ คล็อปป์-เปเยกรีนี่ เดินนำลูกทีมลงสนามแน่นอน

ต.โต้ง

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////

Cr.siomsport.  ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th