Members

จริงหรือ!?!แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือ หนึ่งในหลายทีมที่เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานและความคาดหวัง

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือ หนึ่งในหลายทีมที่เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานและความคาดหวัง 

ไม่ต่างไปจาก อาร์เซน่อล, แมนฯยูไนเต็ด, เชลซี, ลิเวอร์พูล รวมถึงเอฟเวอร์ตัน ทั้งๆที่ศักยภาพของนักเตะควรทำให้แฟนบอลมีความสุขมากกว่านี้ แต่ภาพรวมแล้วสอบตก ด้วยปัญหารอบด้าน ไร้ตัวจบสกอร์ ขาดผู้นำ ปราศจากความมุ่งมั่น เกมรับเสียง่าย ไอเดียกุนซือไม่ได้เดินไปด้วยกันกับลูกน้องสัดส่วนอื่นๆ พึ่งพานักเตะคนหนึ่งมากเกินไป และ ฯลฯ

จะด้วยเหตุผลอะไร มันคือความน่าผิดหวังที่ทุกคนอยากลืม
เรือใบสีฟ้าของ มานูเอล เปเยกรินี่ พุ่งทะยานไปข้างหน้าไม่สุดทาง หลงทางบ่อยครั้งจนมีเครื่องหมายคำถามตัวโตๆว่าจุดจบของพวกเขาจะมีแสงสว่างปรากฏอยู่ตรงหน้าหรือไม่

หลายคนบอกว่าปัญหาเท่าๆกันคือนักเตะชุดนี้ขาดเคมีที่เข้ากันได้และแข้งส่วนใหญ่ถือว่าอยู่ปลายทางการค้าสตั๊ดกลายเป็นทีมคนชราที่กรำศึกหนักไม่ได้ในทุกๆเกม ไม่อยู่ในสภาพความฟิตมากพอจะตะบี้ตะบันเตะเอาเป็นเอาตายทุกๆสัปดาห์ มันชัดเจนในหลายๆเกมที่พลั้งพลาดและไม่ได้ผลตามที่หวัง
ครั้งหนึ่งสโมสรตราเรือใบสีฟ้าแพ้ติดต่อกัน3นัดครั้งแรกตั้่งแต่ปี2008 ครั้งหนึ่งเคยทำแต้มหล่นให้ทีมอย่างสโต๊ค,วิลล่า,นอริช และที่เข้าตาคือพวกเขาทำผลงานยอดแย่เจอกับ6อันดับแรกไม่ชนะ เก็บแต้มเพียงหยิบมือในการเจอกับทีมท็อป8ของตาราง จนนาทีนี้เป้าหมายอย่างน้อยต้องจบท็อปโฟร์

คีย์แมน แวงซ็องต์ ก็องปานี, ยาย่า ตูเร่, ดาบิด ซิลบา และ เซร์คิโอ อเกวร์โร่ กุน ผลัดกันหายหน้าหายตา ก็ใช่อีกกินเวลายาวนานเหมือนกันที่บนเตียงพยาบาลมีรายชื่อผู้เล่นชั้นดีอย่าง เควิน เดอ บรอยน์, ซามีร์ นาสรี่ และ ฟาเบียง เดล์ฟ กำลังนอนรักษาตัว แต่กระนั้นมันไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ดีโดยเฉพาะทีมอื่นๆก็ต่างเผชิญหน้ากับปัญหากันทั้งนั้น

นับตั้งแต่เปลี่ยนศักราชเป็น 2016 แมนฯซิตี้ มีช่วงฟุบยาวๆเกิดขึ้นตอนเดือนแห่งความรัก จากเต็งหนึ่งแชมป์ร่วงมาอยู่อันดับสี่ ทิ้งถ้วยเอฟเอ คัพ ต่อเนื่องถึงมีนาคมที่หนักไปทางเสมอกับแพ้ทั้งศึกนอกและศึกใน เป้าหมายในลีกพื้นที่ทำเลทองยังต้องกระเสือกกระสนสุดระทึก ขณะเดียวกันเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกคือถ้วยเมเจอร์หนึงเดียวที่ยังแอบลุ้นได้

ถ้วยใหญ่อย่างชปล.ไม่ต้องพูดถึงเป็นรายการที่ท่านชีค มันซูร์ปรารถนาแรงกล้ามาโดยตลอดว่าสักวันต้องบรรลุความฝันให้จงได้ เพื่อยกระดับสโมสรแมนฯซิตี้ให้เป็นแถวหน้าของยุโรปเหมือน บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค และ เรอัล มาดริด
เช่นกัน, มานูเปล เปเยกรินี่ หวังก้าวลงจากเก้าอี้ตัวนี้ด้วยเกียรติยศสูงสุด

แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางก่อนหน้านี้ สาวกซิตี้ เซนส์ มีความกังวลอยู่ว่าทีมรักจะสามารถเดินตามฝันได้อย่างไร? เพิ่งมาฟื้นเรียกศรัทธาและความเชื่อมั่นเดิมๆคืนมาเมื่อวันบุกยำใหญ่ใส่ บอร์นมัธ ที่แดนใต้ของเมืองผู้ดี
วันนั้นเองครับ เป็นวันที่โค้ชชิลีมีรอยยิ้มเล็กๆบนริมฝีปากพร้อมสูดอากาศแล้วหายใจลึกๆเข้าเต็มปอดพร้อมมองไปข้างหน้าด้วยความหวัง
อย่างที่เคยขีดเขียนเอาไว้เดือนแรกของปี16 ... เมื่อเดอ บรอยน์เจ็บแต่เรือใบเจ็บยิ่งกว่า

เปล่าหรอกตัวเลือกในแดนกลางของซิตี้หาได้มีข้อจำกัด เหลืออะไหล่ให้ยังใช้สอยได้ หากแต่ความหวังที่แท้จริงฝากไว้กับ เควิน เดอ บรอยน์ เป็นฟันเฟืองสำคัญที่ผลักดันให้ทีมมีย่างก้าวที่มั่นคงกว่าที่ปราศจากเงาเขาอยู่ในทีม เพียงแค่นัดแรกรอบ60กว่าวันก็ตะบันประตูได้ทันทีเคยมีวาบความคิดมองว่า สเตอร์ลิ่งกับนาบาส ใช่ว่าฝีเท้าขี้เหร่ ดีกรีและประสบการณ์สั่งสมพอตคัว ทว่าผลงานที่ผ่านมามันชัดเจนเหลือเกินว่า ซิตี้ ขาดนักเตะประเภท เดอ บรอยน์ ไม่ได้จริงๆ
ยิ่งต้องใช้เวลาในการรักษาพยาบาลนานเท่าไร พวกเขาก็จะได้รับผลกระทบในแง่ง่ามลบมากเท่านั้น
พลังขับเคลื่อนของซิตี้จำเป็นต้องมีจอมทัพเบลเยี่ยม เพราะทุกครั้งที่ได้รับโอกาสลงเล่นไม่เคยมีครั้งไหนทีจะยัดเยียดความผิดหวังให้ เปเยกรินี และ ครอบครัวซิตี้ เซนส์
ขณะที่ สเตอร์ลิ่งกับนาบาส ที่เร็วและวูบวาบกว่า แต่สกิลจากผ่านบอล การประสานงานกับเพื่อนๆยังต่ำอยู่ ความเข้าใจในเกม เซนส์บอลที่มียังไม่เทียบเท่า
เดอ บรอยน์ มีอิทธิพลต่อเกมซิตี้สูงส่งเหลือเกิน จากประตูนำเปแอสเช1-0คือความเฉียบขาดและนิ่งแน่นอน ทำให้สถิติส่วนตัวขยับเป็น 14 ประตู 12 แอสซิสต์ ใน33เกม การันตีฝีเท้าและความสามารถได้เป็นอย่างดี แล้วอย่าลืมว่าเขาโดนอาการบาดเจ็บลักพาตัวถึง2เดือนด้วย

ไม่แปลกใจที่ โค้ชชิลี จับ เดอ บรอยน์ ลงสู่สนามตั้งแต่วินาทีแรกเป็น2เกมติดต่อกัน (บอร์นมัธกับเปแอสเช)ทั้งๆที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา สภาพร่างกายยังไม่พร้อมสมบูรณ์เต็มร้อย เพราะเขาคือคนสำคัญและขาดเขาขาดใจทันที
แต่ละทีย่อมต้องมีผู้เล่นคนสำคัญซึ่งหากขาดเขาไปสโมสรแทบไม่ได้เดินกอดคอกับความลงตัวอีกเลยจนกว่าจะกลับมาเดินจับมือไปด้วยกันอีกครั้ง...แมนฯซิตี้กับเดอ บรอยน์เป็นเช่นนั้น

คุณภาพและมันสมองของ เดอ บรอยน์ เพิ่มประสิทธิภาพให้ซิตี้เป็นทีมแข็งแกร่งที่ควรจะเป็น ต่อให้เป็นตามหน้าเสื่อเป็นรองแชมป์ลีกเอิงฤดูกาล15/16สุดกู่ อาจโดนยิงแบบเอาคืนไม่ได้ในเลกแรก แต่77นาทีผลงานในสนามของเขาพิสูจน์แล้วว่าทำไมทีมขาดเขาไม่ได้ ช่วยให้ต้นสังกัดไมใช่ทีมกระจอกยามมาเล่นนัดเยือนยุโรป เช่นเดียวกับอีก57นาทีที่บอร์นมัธซึ่งเหนือกว่าเจ้าถิ่นบานเบอะ

ใครก็ตามที่เฝ้ามองผลงานแมนฯซิตี้อย่างต่อเนื่อง คงทราบดี11ผู้เล่นชุดดีที่สุดมีหน้าตาแบบไหน ซึ่งหากนับเฉพาะแนวรุก เปเยกรินี่มีชุดลงตัวที่สุดอยู่ในใจ
นั่นคือ4คนนี้ครับ
กุน อเกวร์โร่ เป็นกองหน้าตัวเป้า
ฝั่งซ้ายเป็น เควิน เดอ บรอยนด์
ฝั่งขวาเป็น ดาบิด ซิลบา
ตรงกลางจอมทัพเป็น ยาย่า ตูเร่

หากเงินก้อนมหาศาลของ เดอ บรอยน์ ถูกละลายทรัพย์เพื่อมาทดแทน ยาย่า ในอนาคต แต่ถึงตอนนี้จากทดลองมาหลายสูตรแล้ว นี่คือหน่วยแนวหน้าที่แกร่งสุดของซิตี้ที่มีอยู่ในเวลานี้ ครบทุกรสทุกอย่าง ความคมจากกุน เซนส์บอลที่เหลือเชือและยิงประตูได้ทุกเมื่อของ เดอ บรอยน์ ทักษะการเลี้ยงบอลอันมหัศจรรย์ของ ซิลบา การคุมจังหวะเกมและมุทะลุดุดันไปข้างหน้าจาก ยาย่า
อาจใช้ยาย่าลงตัวแล้วเสริมพวก นาบาส หรือใครต่อใคร แต่เปเยกรินี่รู้ดีว่าตำแหน่งที่จะกระชากประโยชน์ออกมาจากจอมทัพไอวอรี่โคสต์มากสุดคือมิดฟิลด์ตัวรุก ไม่ใช่ตัวรับอะไรเทือกนั้น

จากเกมแรกที่เจ๊าเปแอสเช เดอ บรอยน์ คือคนกำหนดทิศทางเกมบุกเมื่อถูกจับมารับบทบาทเพลย์เมคเกอร์ปั้นเกมอยู่หลังกองหน้า อย่างไรก็ตาม หากยาย่าหายเจ็บกลับมาลงบู๊ในนัดสองที่เอติฮัด สเตเดี้ยม เปลี่ยนตำแหน่งไปทางกราบพลังเกมุกของเขาก็หาได้ลดทอนลงไปจากเดิมไม่
เปเยกรินี่มีภาพทีชัดเจนขึ้น เดอ บรอยน์ รีเทิร์นสู่ทีมเป็นตัวความหวังอีกแรง ขณะที่ ยาย่า ตามข่าวจะกลับคืนสังเวียนในวันที่ 9 เมษายนนี้
ฉะนั้นเมื่ออาวุธเด็ดอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เราจะเห็นความสมดุลแนวรุกของทีมเรือใบสีฟ้าที่มากขึ้น ส่วนเกมรับขันน็อตให้แน่นกว่านี้
บอกได้เลยว่านัดชี้ชะตาอีก1วีคข้างหน้า เปแอสเช เจอกับงานหนักแน่นอนเมื่อ 4 จุตรเทพของซิตี้ผนึกกำลังพร้อมๆกัน อีกอย่าง การประสานงานเกมรับของยักษ์ใหญ่ลีกเอิงยังมีปัญหาอยู่ อีกทั้ง ดาวิด ลุยซ์ กับ แบลสส์ มาตุยดี้ ติดแบนพร้อมกันด้วย
กระนั้นกว่าจะถึงวันนั้น เปเยกรินี่ คงต้องนอนภาวนาทุกคืนทุกวันอย่าให้ได้ขาดขุนพลคีย์แมนไปในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มของฤดูกาลอีก
โดยเฉพาะ เควิน เดอ บรอยน์...
ห้ามป่วย ห้ามขาด ห้ามลา ห้ามสาย และ ห้ามตาย!!


อีกา

//////////////////////////////////////////////////////////////

Cr.siamsport. ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทยwww.mcfc.in.th

Views: 866

Reply to This

Replies to This Discussion

อ่านดูโดยรวมๆแล้วก็ยอมรับครับว่า จริงเพราะ มาตราฐานของซิตี้เดิมทีสูงกว่านี้ โดยเฉพาะในลีกที่เป็นเหมือนว่าที่ลุ้นแชมป์ทุกปีไม่ที่หนึ่งก็ที่สอง ไม่ใช่ว่าที่เพียงการติดแค่ ท้อป 1-4 เท่านั้น แต่ปีนี้ตกฮวบมาอย่างน่าใจหาย แต่มาดีเอาในเกมยุโรป ซึ่งปัจจัยในการจบที่1 ของกลุ่มมีส่วนอยู่มากทีเดียว+กับความทุ่มเทที่มากขึ้นในรายการนี้ของทั้งนักเตะและโค้ช จนบางทีดูเหมือนคนละทีมกันเลย แต่ก็เอาล่ะครับยอมรับกันไป ได้เดอ บรอยน์แน่นอนดีกว่าขาด และการมีเดอบรอยน์ก็ทำให้ทีมเราดดีขึ้นจริงๆอย่างที่เค้าว่าล่ะครับ ส่วนเราจะจบที่สี่ในลีกได้ไหมผมเชื่อว่าได้ถ้า เดอบรอยน์และนักเตะหลักไม่เจ็บ ส่วนรอบรองฯใน UCL มีลุ้นครับ รวมถึงรอบต่อไปด้วย ถ้านักเตะหลักไม่เจ็บอีกนั่นแหละ โดยเฉพาะเดอะบอยยย อิอิ สู้ๆครับผม

มันก็จริงของเขานะพี่แต่เชื่อว่าเอาตัวรอดได้ไปยุโรป

โคตรจริง

เห็ยด้วยถึงจะมีเกมรุกดีแต่ขาดจิ๊กซอว์แบบบรอยทีมเราก็ไปไม่เป็นเหมือนกันในบ้างเกม จากตอนแรกๆทีมขาดยาย่า ซิลบาไม่ได้ แต่ตอนนี้กลายเป็นขาดบรอยไม่ได้ไปแทนเสียแล้ว

จริงทีเดียวพอเชลซีตกไปคิดว่าไร้คู่แข่งหลังชนะห้านัดติดแต่หลังจากนั้นดูไม่จืดเลย

งานนี้คงต้องถามเปเยกรินี่ดู ฮ่าๆไม่ใช่อะไรหรอกครับผมคิดว่าน่าจะเป็นผลกระทบจากอาการบาดเจ็บ

เดอบรอยห้ามตาย 555+

จริงอย่างเขาคอมเมนท์เลยฮะ ฮรี่ๆ

จริงชัดเจน นี่เป็นบทความของแฟนพันธ์แท้

ตรงกับผมเป็ะเลยครับ

ตัวรุกสี่เทพ กุน ซิลบา เดอบอย ยาย่า มีตัวรับแฟร์นัน/เดลฟ์/เฟอร์นานโดสลับกันได้ กองหลังแบ็คฝีเท้าใกล้เคียง แต่ตัวหลังเซ็นเตอร?ใครก็ได้แต่อย่าเป็นน้าเด ผมว่าใช้ได้

เปเยฯมือไม่ถึง
ชัดเจน ตามนั้นครับ เขียนได้ดี

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.