Members

คอลัมนิสต์ :เขียนให้คุณอ่าน ::ยุโรปเป็นสีฟ้า?

จำได้ไหมครับว่าฤดูกาลนี้ แมนฯ ซิตี้ เปิดฉากอย่างร้อนแรงแบบเกินห้ามใจ 

พวกเขานำโด่งเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ด้วยชัยชนะ 5 นัดติดต่อกัน กระหน่ำไป 11 ดอกส์ โดยไม่เสียเลยสักประตูเดียว!

ชะรอยว่าพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้จะจบลงเร็วกว่ากำหนดแบบกร่อยๆ อีกครั้ง เพราะคงไม่มีทีมใดหยุดยั้งความเร็ว-แรง ทะลุนรก และกะซวกทุกอย่างที่ขวางหน้าของทีมสีฟ้าแห่งแมนเชสเตอร์อยู่


...ว่าแล้วก็เผลอสบถออกมาว่า ''มึงเอาแชมป์ไปเลยไป!''


ทันใด...แมนฯ ซิตี้ ที่กำลังพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงก็สะดุดตีนตัวเองหกล้มแบบดื้อๆ ในเกมที่ 6 ของฤดูกาล เมื่อพลาดท่าพ่ายแพ้ เวสต์แฮม แบบคาบ้าน


อืมมมมมม...อุบัติเหตุทางลูกหนังสามารถเกิดขึ้นได้ เพราะการที่วิ่งมาด้วยความเร็วมากเกินกว่าทางการกำหนด หากถูกสะกิดเพียงนิดเดียวก็สามารถเสียหลักหกคะเมนตีลังกาแบบไม่เป็นท่าได้เลย


สรุปว่ามันน่าจะเป็นอุบัติเหตุทางลูกหนังซะมากกว่า


เกมต่อมา แมนฯ ซิตี้ ต้องยกพลไปเยือน ไวท์ ฮาร์ท เลน ก่อนจะถูกเจ้าบ้าน-เจ้าเรือนระเบิดถังขี้ถึง 4 ประตูต่อ 1


5 นัดแรกไม่เสียประตู 2 นัดต่อมากลับโดนไปถึง 6 ดอก มันชักจะยังไงๆ อยู่นะ


อย่างไรก็ตาม


ฟอร์มโดยรวมของ แมนฯ ซิตี้ ยังถือว่าสยองโคตรโหดไม่ปรานีใคร จุดเด่นของพวกเขาคือเกมรุกที่ทรงพลังอย่างแรง จุดอ่อนคือเกมรับที่พร้อมจะเสียประตูให้คู่แข่งแบบไม่มีเหตุผลและไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น แม้จะพลาดบ้าง ทำแต้มหล่นหายบ้าง แต่ก็มักจะกลับมาได้อย่างรวดเร็ว และทีมของท่านชีค มันซูร์ ยังคงเป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก


กระทั่งจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในเกมที่ 12 ของฤดูกาล


เมื่อทำได้แค่เสมอกับทีมบ๊วยอย่าง แอสตัน วิลล่า ด้วยสกอร์ 0-0 ที่ วิลล่า พาร์ค


โถ...พ่อคุณ ฤดูกาลนี้ใครๆ เขาก็ระบายอารมณ์กับ แอสตัน วิลล่า อย่างเอ็นจอยหัวแม่ตีน แต่ ''เดอะ ซิติเซ้นส์'' กลับไม่มีปัญญาทำลายตาข่ายทีมอันดับสุดท้ายของตารางที่มีอัตราความ ''อู๊ดดี้'' แบบเกินพิกัดเก็บซะอย่างนั้น


เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าเรื่องนี้น่าจะทำให้พวกเขาสะเทือนใจมากพอๆ กับถูกลุงแท้ๆ ของตัวเองจับอัดถั่วดำทุกคืนวันอังคาร ซึ่งส่งผลต่อสภาพจิตใจอย่างรุนแรง


นัดต่อมาจึงถูก ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ จับขึงพืดแล้วถลกหนังหัวคาถิ่น


นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แมนฯ ซิตี้ ก็กลายเป็นทีมที่ผีเข้า-ผีออก & คุ้มดี-คุ้มร้าย เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เลยจนชาวบ้านตั้งข้อสงสัยว่านี่มันใช่ทีมเดียวกับที่ชนะ 5 นัดรวดตอนเปิดฤดูกาล โดยไม่เสียประตูหรือเปล่า?


เป็นอีกครั้งที่โลกลูกหนังสอนเราว่าอย่าเพิ่งตื่นตูม หรือตีตนไปก่อนไข้ ทีมที่อุดมด้วยนักเตะระดับมหาดารา แถมออกตัวได้อย่างร้อนแรงแบบเกินห้ามใจก็ใช่ว่าจะยืนระยะไปตลอดรอดฝั่ง


หากดูจากศักยภาพของผู้เล่นและความมั่งคั่งของพวกเศรษฐีทะเลทราย มานูเอล เปเยกรีนี่ หมดความชอบธรรมในตำแหน่งผู้จัดการทีมเป็นที่เรียบร้อย


สิ้นเดือนมกราคม สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กระชากเสียงครางฮือจากปากท่านผู้ชม เมื่อประกาศแต่งตั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ล่วงหน้า โดยไม่สนใจว่าผู้จัดการทีมคนเดิมยังนั่งหน้าเหี่ยวย่นอยู่ในตำแหน่ง เรียกว่าได้ใหม่แล้วลืมเก่าโดยพลัน


ดูแล้วมันไม่ค่อยยุติธรรมสำหรับ มานูเอล เปเยกรีนี่ สักเท่าไหร่ เพราะอย่างน้อยเขายังอยู่ในตำแหน่ง การประกาศแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่ล่วงหน้าแบบนี้เหมือนไม่ให้เกียรติผู้จัดการทีมคนเก่าที่มีสภาพไม่ต่างจากนักโทษที่รอวันถูกประหารชีวิต


กระนั้นด้วยความเป็นมืออาชีพ ผมยังเชื่อว่ากุนซือเจ้าของฉายา ''ดิ เอ็นจิเนียร์'' จะปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ เพื่อทิ้งทวนให้โลกจดจำ


แต่แทนที่อาการของ แมนฯ ซิตี้ จะดีขึ้น มันกลับแย่ลงไปอีก แม้จะได้แชมป์ ลีก คัพ มาปลอบใจในเวลาต่อมา แต่คงไม่ถือเป็นความสำเร็จที่น่าจดจำอะไรมากมาย


ปัญหาของทีมเรือใบสีฟ้าคืออาการบาดเจ็บที่มักจะย่องมาลักพาตัวผู้เล่นสำคัญไปเป็นระยะ เดี๋ยว กุน อเกวโร่ เจ็บ เดี๋ยว

ดาบิด ซิลบา เจ็บ เดี๋ยว เควิน เดอ บรอยน์ เจ็บ เดี๋ยว แว็งซ็องต์ ก็องปานี เจ็บ สลับกันไปสลับกันมาจนหาทีมที่ลงสมบูรณ์แบบไม่ได้ ขณะที่ ยาย่า ตูเร่ ก็ผ่านพ้นจุดน้ำกระฉูดและเริ่มหมดสภาพ


นอกจากนี้ยังมีเสริมทัพที่ผิดพลาด เพราะปราการหลังคนใหม่อย่าง นิโกล่า โอตาเมนดี้ ไม่ได้ช่วยให้เกมรับเหนียวแน่นหรือแข็งแกร่งขึ้นเลย กลับกันยังทำตัวเป็นจุดอ่อนอีกต่างหาก


ดาวเตะค่าตัว 44 ล้านปอนด์อย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง ก็ทำตัวน่าผิดหวังอย่างจงหนัก


กระนั้น แมนฯ ซิตี้ กลับไปได้ดีในเส้นทางสายยุโรป ความหวังเดียวที่เหลืออยู่ เมื่อทะลุเข้าไปถึงรอบตัดเชือกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร หลังจากพุ่งชนความล้มเหลวในรายการนี้มาตลอด


เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา เจ้าของสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ เรอัล มาดริด


ข่าวดีของ ''เดอะ ซิติเซ้นส์'' คือผู้มาเยือนปราศจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อดีตเด็กผีผู้ชอบยิงประตูเพื่อนบ้าน (5 ประตู)


งานของ แมนฯ ซิตี้ เลยเบาขึ้นเยอะ


เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตบรมกุนซือปีศาจแดงเคยให้การถึงลูกทีมตัวเองผู้นี้ว่าในวันที่โชว์ฟอร์มไม่ออกหรือในวันที่ฟอร์มตกอย่างน่าเกลียด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ยังอุตส่าห์หาจังหวะทำลายตาข่ายได้อย่างน้อยๆ เกมละ 3 ครั้ง


นี่คือความมหัศจรรย์ของไอ้เจ๊ตเข้ เอ๊ย! ไอ้เจ๊ตโด้


เมื่อปราศจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ขอเรียนตามตรงว่า เรอัล มาดริด ก็ไม่มีอะไรจริงๆ


แกเร็ธ เบล จัดเป็นผู้เล่นที่ค่าตัวแพงกว่าก็ยังเทียบไม่ได้กับเจ้าของสถิติเดิม เพราะหวังพึ่งอะไรไม่ได้เลย


งานของ แมนฯ ซิตี้ เบาขึ้นก็จริง แต่ก็ฉวยโอกาสที่คู่แข่งปราศจากดาวเตะสำคัญทำให้ตัวเองได้เปรียบไม่ได้ในเกมที่แทบจะไม่มีอะไรให้พูดถึง เมื่อต่างฝ่ายต่างเล่นอย่างระมัดระวังจนเกือบจะไม่มีจังหวะหวาดเสียว ทนดูจนจบแล้วรู้สึกเสียดายเวลายิ่งนัก


ซูเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพียงคนเดียวมีอิทธิพลต่อเกมสูงจริงๆ นะครับ


หาก ''เจ๊ตโด้'' ได้ลงสนาม ผมคิดว่า แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสพินาศคาถิ่นเลยทีเดียว


แต่ความจริงที่เกิดขึ้นคือ เรอัล มาดริด ไม่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ส่งผลให้ไม่ชนะ แม้น แมนฯ ซิตี้ จะชิงความได้เปรียบในเกมแรกด้วยยัดเยียดความปราชัยให้ผู้มาเยือนไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยก็ไม่เสียประตูในบ้าน นี่คือข้อดีที่ทีมสำเภาเศรษฐีได้จากเกมนี้


คาดว่านัดที่ 2 ของรอบตัดเชือกที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คงจะหายเจ็บกลับมา ขณะเดียวกับที่ราชันชุดขาวคงจะเปิดเกมรุกบุกถล่มผู้มาเยือนชนิดเต็มรูปแบบ


ดูอย่างไรก็รอดยากครับขอบอก


เพียงแต่บางทีมันอาจไปเข้าทางตีนของ แมนฯ ซิตี้ ก็เป็นได้


ฤดูกาลนี้ยิ่งเฮี้ยนๆ อยู่ด้วย


ผลงานในพรีเมียลีกร์อาจน่าผิดหวัง เกมรับมีจุดอ่อน เสียประตูง่าย ผู้เล่นสำคัญบาดเจ็บ ผู้จัดการทีมโดนปลดล่วงหน้าต้องหลีกทางให้คนที่สโมสรคิดว่าสดกว่า หนุ่มกว่า และเก่งกว่า แต่บ่อยครั้งที่เกมลูกหนังมันก็ไม่มีเหตุผลและไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น


พลันก็ให้นึกถึง เชลซี เมื่อปี 2012


ผลงานในพรีเมียร์ลีกของทีมสิงห์บลูส์กระท่อนกระแท่นยิ่งกว่า แมนฯ ซิตี้ และนาทีนี้อีก (จบฤดูกาลด้วยอันดับ 6 บนตาราง) ผู้จัดการทีมก็จัดอยู่ในประเภท ''มือใหม่'' ไม่ได้จัดอยู่ระดับอ๋องเลยสักนิดเดียว ก่อนจะใช้วิธีการเอาตัวรอดเป็นนัดๆ (แบบมีดวง) ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จนกระทั่งนัดชิงชนะเลิศ


นี่แหละ...ฟุตบอล

บอ.บู๋

///////////////////////////////////////////////

Cr.siamsport  ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย  www.mcfc.in.th

Views: 1203

Reply to This

Replies to This Discussion

มาดีเอาตอนท้ายๆฤดูกาลครับพี่จ๋อมในลีกน่าจะทันเวลาจบ1-4 ติดโผไปเตะ ชปล.อีกปีให้เป๊ปแน่นอน ส่วนยุโรปดีต่อเนื่องน่าจะถึงแชมป์ได้ต้องเอาใจช่วย แบบ ชินจังที่คุมเชลซีจบที่หก แต่ได้แชมป์ ชปล.หน้าตาเฉยเลย

พุธนี้รู้กัน ถ้าชนะมาดริดได้เราจะตีตั๋วไปซาน ซีโร่ ทันทีเพื่อเอาแชมป์ด้วยกันครับเพื่อนๆ

คนเขียน บอบู๋ คนเดิมมันอวยไม่สุด แถมยกแม่่งแต่ไอ้โด้

ถ้ายุโรปเป็นสีฟ้าได้น่ะ ผมเชื่อว่าอาจจะไม่ใช่แค่ปีเดียวเพราะเป๊ปกำลังจะมาน่าจะสานต่อเป็นแชมป์กันไปแบบยาวๆ

บอกตรงๆผมตื่นเต้นตั้งแต่เจอปารีสแล้ว เจอทีมใหญ่ขึ้นทุกที ผ่านทีมนี้ก็เข้าชิงแล้วแต่ไม่รู้จะทำสำเร็จไหมและเจอกับใครเพราะคู่นั้นก็ยังดูไม่ออกเหมือนกันหลังบาเยิร์นแพ้ก่อน 1-0

ไม่ยากเกินนไป เหยดโด้ ก็ใช่เทวดาพูดยางกับมาดริดไม่เคยแพ้ยามมีโด้ บอลเล่น 11 คนเท่ากันฮะะไรก็เกิดขึ้นได้ใจผมยังเชื่อว่า เรือใบจะได้ล่องไปที่ ซานซีโร่ มิลานนะฮะ

เรือใบแล่นชิวเชื่อผมสิ

ปีนี้มีขาขึ้นกับขาลง ตอนนี้ช่วงน้ำทะเลหนุนเรือใบลอยขึ้นสูงแน่นอนครับผมก็เชื่อเหมือนกัน

แน่นอน บอบู๋ ผีอ่อน

สีฟ้ายังฟ้าอยู่

บางทีก็ต้องมีดวงบ้างละครับ คนจะเปนแชมป์ ก็หวังว่าดวงจะเข้าข้างเราบ้างนะ

..อย่าลืม ก่อนจะถึงวันพุธ มันมีวันอาทิตย์ที่ต้องทำศึกกับนักบุญมาขั้น..

..แล้ววันพุธที่เบร์นาเบวเรือจะแล่นเต็มสูบหรือ..

..หนักใจ กลัวกุน เดอ บรอยน์เจ็บ เพราะเกมเจอนักบุญต้องจัดหนักจัดเต็ม..

..ต้องเก็บ 3 แต้มให้ได้ ถ้าต้องการไปแชมเปี้ยนส์ลีก !

 

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.