Members

ซัมเมอร์นี้ถ้าจะไม่พูดถึงทีมอย่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี เอาซะเลยก็คงจะเป็นการมองข้ามกันไปสักหน่อยครับ เพราะจนถึงเวลานี้ ซิตีคือหนึ่งในทีมที่มีการเสริมศักยภาพได้น่าสนใจที่สุดทีมหนึ่ง หากไม่มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก

รายล่าสุดที่มีข่าวว่า “โอเค” กันเรียบร้อย คือ คาร์ลอส เตเวซ ที่ตกลงปลงใจเปลี่ยนสีเสื้อจากแดงเข้มของ “ยูไนเต็ด” มาเป็น “ฟ้าอ่อน” ของ “ซิตี” เรียบร้อย โรงเรียนอาบูดาบี โดยคาดว่าจะได้รับเงินค่าเหนื่อยถึง 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

ส่วนที่ตามก้นโด่ง ๆ ของเตเวซ มาติด ๆ ก็คือ เอมมานูเอล อเดบายอร์ กองหน้าที่แฟนบอล อาร์เซนอล รักน้อยที่สุดในบรรดานักเตะในทีม

ว่ากันว่าถ้าหัวหอกโตโก เลือกย้ายถิ่นจากนอร์ธ ลอนดอนมาอยู่ที่แมนเชสเตอร์จริงก็จะได้รับค่าเหนื่อยมหาศาลถึงกว่า 130,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งมากกว่าที่ได้จากอาร์เซนอล 2 เท่าเลยทีเดียว

ตอบแบบไม่ต้องอ้อมค้อมก็คือ เรื่องเงินนี่แหละครับที่ทำให้บรรดาสตาร์ทั้งหลายไล่ตั้งแต่ แกเร็ธ แบร์รี, โรเก ซานตาครูซ เรื่อยมาจนถึง คาร์ลอส เตเวซ และอเดบายอร์ พร้อมที่จะมาเผชิญประสบการณ์แบบใหม่ในทีม ซิตี ยุคเศรษฐีครองเมือง

เท่าที่ทราบส่วนใหญ่สตาร์ดัง ๆ ที่ ซิตี ซื้อตัวมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วจะได้รับค่าตอบแทน “อย่างงาม” ทุกคนเริ่มตั้งแต่รายแรกอย่าง โรบินโญที่ได้รับถึงสัปดาห์ละ 160,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ แม้กระทั่งนักเตะที่ไม่ได้มี “ค่าการตลาด” สูงนักอย่าง แบร์รี่ ก็ยังได้รับเหยียบสัปดาห์ละแสนปอนด์

ทำเอาแม้แต่ ราฟาเอล เบนิเตซ นายใหญ่ลิเวอร์พูล ถึงกับตราหน้าว่าที่แท้ แบร์รี่ ก็เป็นพวก “กรีดี้” หรือพวก “โลภมาก” (ไม่รู้ลาภจะหายด้วยหรือเปล่า) เพราะเลือกที่จะรับเงิน ค่าเหนื่อยมหาศาลมากกว่าโอกาสจะได้ลงเล่นกับโทรฟี่ในฝัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ลิเวอร์พูล

อย่างไรก็ดี การ “เลือก” ของแบร์รี, ซานตาครูซ, เตเวซ และรวมถึง อเดบายอร์ มันกำลังสะท้อนอะไรบาง อย่างออกมาครับ

ว่า...แมนฯ ซิตี ทีมตัวตลกที่ใคร ๆ ก็หัวเราะเยาะเมื่อปีกลาย โดยเฉพาะในวันที่ กากา ปฏิเสธโอกาสจะย้ายมาร่วมทีมในฐานะนักเตะเจ้าของสถิติโลก (ในเวลานั้น) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ ณ ตอนนี้ พวกเขากำลังจะก้าวจากการเป็นตัวตลกมาอยู่ในฐานะของ “ผู้ท้าชิง”

เปล่าครับ-ผมไม่ได้หมายถึงการท้าชิงแชมป์ เพราะมันดูจะเร็วเกินไปสำหรับทีมที่ก่อร่างสร้างตัวใหม่แบบนี้

แต่สำหรับการลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก หลาย ๆ คนเริ่มคิดว่ามันอาจจะมีโอกาสเป็นไปได้

ที่ผ่านมา ซิตี พยายามสร้างทีมให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยใช้โมเดลของ เชลซี ที่ โรมัน อบราโมวิช เคยสร้างความฮือฮามาก่อนในช่วง 2-3 ปีแรกที่เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร โดยพร้อมที่จะเซ็นเช็คอนุมัติการซื้อนักเตะคนไหนก็ได้เข้ามาเสริมทีม ถ้านักเตะคนนั้นย้ายทีมได้ และน่าจะทำให้ทีมดูดีขึ้น

สำหรับซิตี บรรดาทีมบริหารจาก อาบูดาบี ที่มีแบ๊กอัพระดับโลกอย่าง ชีค มานซูร์ บิน ซาเย็ด อัล นายาห์น ในฐานะเจ้าของสโมสร และมีคัลดูน อัล มูบารัค ประธานสโมสร จะทำงานร่วมกับทีมบริหารในอังกฤษ ที่มี แกรี่ คุก อดีตซีอีโอไนกี้ กับ มาร์ค ฮิวจ์ส ผู้จัดการทีม

แต่สิ่งที่แตกต่างจากเชลซี ก็คือถึงจะไม่มีอบราโมวิช เข้ามาเทคโอเวอร์ แต่สิงห์บลูส์ เวลานั้นก็เป็นทีมใหญ่อยู่แล้ว แตกต่างจากแมนฯ ซิตี ที่พวกเขามี “ต้นทุนต่ำ” ต่ำกว่ามาก และต้องใช้ “ของล่อใจ” เยอะเป็นพิเศษ

ถึงเวลานี้พวกเขาจะเริ่มประสบความสำเร็จบ้างในการล่อสตาร์เข้าทีม แต่ถ้าสังเกตจะพบว่าแทบทุกรายล้วนเป็นนักเตะที่มีปัญหากับสังกัดเดิมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เตเวซ, แบร์รี, ซานตาครูซ หรือแม้แต่ อเดบายอร์ (แน่นอน โรบินโญ ก็ด้วยครับ)

ยุทธศาสตร์เช่นนี้จึงเป็นแค่ “แผนระยะสั้น” ที่สร้างทีมแบบ “สะดวกใช้” ไปก่อน จากนั้นถึงจะเริ่มค่อย ๆ ปรับใช้ “แผนระยะยาว” อย่างที่สโมสรฟุตบอลที่ดีควรจะทำซึ่งโดยส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แม้มันจะทำให้หลาย ๆ คนวิพากษ์วิจารณ์ว่านี่คือการนำ “หายนะ” มาสู่วงการฟุตบอลก็ตาม

สำหรับความท้าทายในฤดูกาลหน้า เป้าหมายที่น่าจะจับต้องได้คือการเบียดอาร์เซนอลลงมาจากการเป็น “บิ๊กโฟว์” ให้ได้ ซึ่งถ้าว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว เอารายชื่อนักเตะของ แมนฯ ซิตี มากางเทียบกับกันเนอร์สแล้ว ผมยังคิดว่าทีมของ อาร์เซน เวนเกอร์ ดูจะเป็นรองด้วยซ้ำไป

แต่เกมฟุตบอลไม่ได้ว่ากันบนหน้ากระดาษ งานหนักจึงตกอยู่ที่ ฮิวจ์ส ที่จะได้พิสูจน์ฝีมือตัวเองอย่างจริงจังหลังทำได้ไม่ค่อยน่าประทับใจเมื่อปีกลาย

จุดอ่อนของซิตี เมื่อปีกลายอยู่ที่ความอ่อนด้อยในแนวรับ และผลงานที่ “แกว่ง” ไปมาอย่างน่าเวียนหัวบทจะดีก็ดีใจหาย บทจะร้ายก็หายใจไม่ออก ตายคาที่ (ซะงั้น)

การที่ ฮิวจ์ส เติมกองหน้าที่ค่อนข้าง “คม” อย่าง ซานตา ครูซ และมี เตเวซ มาช่วย โรบินโญ ขับเคลื่อนเกมรุก มันก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจครับ ขณะที่แดนกลางน่าคิดว่า แบร์รี จะจับคู่กับของดี “โอทอป” อย่าง สตีเฟน ไอร์แลนด์ ได้ดีแค่ไหน

แต่เกมรับที่เป็นจุดตายถ้าไม่มีการเสริมทัพปรับกระดูกสันหลังกันใหม่ ทุกอย่างก็มีค่าเท่าเดิม เพราะจะไปหวังพึ่งนักเตะอย่าง ริชาร์ด ดันน์ ที่ดันมีปลอกแขนกัปตันทีมค้ำคออยู่ต่อไปก็คงไม่ไหว

ถ้าได้เปลี่ยนเป็นกัปตันกระดูกเหล็กอย่าง เทอร์รี่ (ที่ถ้าย้ายจริงก็เป็นเรื่องที่ต้องพูดถึงสิ่งที่เรียกว่า ลอยัลตี้ ในเกมฟุตบอลสมัยใหม่อีกว่ามันได้เลือนหายไปแล้วหรือ?) ภาพของพวกเขาจะดีขึ้นอีกบานครับ

และผมเชื่อว่างานนี้ ซิตี ไม่ยอมปล่อยโอกาสทองแน่ ต่อให้ต้องเทค่าเหนื่อยให้ “เจที” 250,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ก็ถือว่าคุ้ม

ซิตี ทีมนี้มีโอกาสโตครับถ้ามีการเซตอัพกันดี ๆ ตั้งแต่พรีซีซั่น และมีลุ้นที่จะก้าวมาเป็นว่าที่ “บิ๊กโฟว์” ทีมใหม่แทนที่ อาร์เซนอล ก็ได้ในอนาคต หรืออาจจะเพิ่มเป็น “บิ๊กไฟว์” ก็ได้

ก็ค่อยมาดูกันครับเมื่อถึงช่วงเปิดฤดูกาลว่า ซิตี ทีมนี้จะเข้าตำราทีม “ห้าดาว” กับเขาได้หรือยัง.

Views: 139

Reply to This

Replies to This Discussion

เฮ้อ
เทอรรี่มันไม่มาแล้ว
เงินเยอะเท่าไหร
มันก็ไม่มา
แงงงงงง
เขียนได้ดีมากครับ

ชอบของดีโอทอปครับ ไอร์แลนด์ ผลิตเอง ใช้เอง สินค้าคุณภาพคับแก้ว
ขอทราบเจ้าของคอลัมน์ครับ
เขียนได้ดีมากๆครับ
ขอบคุณ
อาเซนอล เกรด
------------------------อามูเนีย(B)----------------------
ซานย่า(3m) (b+)--------ตูเร่(อาจจะย้าย)(B+)( 4 m)------กาลาส(B+)แลก--------คริบซี่B(ปั้น)
วาคอส(B)12 m---------ชง(C+)ปั้น-----------------ฟานเบกาส(A)10m----โรซิกี้(10 m(B)(นานรี่)
----------------เพอซี่3-m(A)-----------อาชาวิน(B+)15 m------------------

แมนชีตี้
--------โรบินโญ32.5m-A---บาย่อ25m-A-------เตเวส25m-B+-------------------
--ไอแลน8.5 m-B+-------------------------------แบรี่12m B+------------
-------------------เดยอง18m-B+-------------------------------
บริด12 m B-----เลคอส(มาแน่)B+-------ดัน B-------------ริชาร์ดB+
---------------------กิฟเวน(B+)7m----------------------

ยังไม่เห็นตำแหน่งไหนที่สู้อาเซนอลไม่ได้เลย
ทั้งค่าเหนื่อย
ใช่ๆๆ
พี่ james111 เขียนเหรอ อ่านสนุกจังงงงงง ^_^
เขียนด้ายซุดยอด...

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.