Members

เรือใบสีฟ้า "ม้ามืด" ท็อปโฟร์??

หากถาม สเวน โกรัน เอริคส์สัน กุนซือกระหม่อมบาง ชาว สวีดิช ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาลว่า คาดหวังมากน้อย แค่ไหนกับ ทีมเรือใบสีฟ้า ในซีซั่น 2007-2008 ภายใต้การเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งนายทุนรายใหม่ นักเตะหน้าใหม่หลายต่อหลายราย อีกทั้งยังเป็นปีแรก ของเจ้าตัวใน การคุมทีมระดับสโมสรในประเทศอังกฤษ
เชื่อได้ครับ หากป๋าสเวน ตอบว่า "ผมจะพาเรือใบลำนี้ ผงาดติด ท็อปโฟร์" ไม่เฉพาะแฟนบอลทีมคู่แข่ง จะหัวเราะจนท้องแข็งในความ มั่นใจจนเกิน พอดีของอดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษ
ผมว่าแฟนๆ ของแมนฯซิตี้ ก็คงจะงงเป็นไก่ตาแตก กับประโยคที่ว่าเช่นกัน เพราะทีมจากย่านอีสต์แลนด์ทีมนี้เมื่อฤดูกาลก่อน ยังต้องปากกัด ตีนถีบ ทำให้แฟนบอล และผู้พบเห็นต่างพากันอนาถทีมของ สจ๊วร์ต เพียร์ซ กุนซือคนก่อนอยู่เลย โดยผลงานนั้น "สุดบู่"และความสมัครสมานสามัคคีของนักเตะในทีมก็แตกร้าว และยากที่จะเยียวยา
อดีตนักเตะ คนสำคัญอย่าง โจอี้ บาร์ตัน ที่ไปอัด อุสมัน ดาโบ จนหน้าแหกก็ถูกขายออกไปเพื่อขจัดปัญหา "นักบอลในคราบนักเลง"
ไมเคิล จอห์นสัน, สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ และดาวรุ่งอีกหลายรายได้ รับการ "ดัน" ให้เป็นตัวหลักในทีมชุดใหญ่จากอดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษ
และเมื่อผนึกกำลังกันกับนักเตะแข้ง "อิมปอร์ต" หลายรายที่ "สเวนนี่" และทีมงานของเค้านำเข้ามาก็ทำให้ตอนนี้ เรือใบสีฟ้า ที่ใคร ต่อใคร ดูถูกดูแคลนว่าไร้น้ำยาในช่วงต้นฤดูกาล ทำผลงานได้ "เซอร์ ไพรส์" เซียนทุกสำนัก
ณ เวลานี้ "เรือใบสีฟ้า" โฉมใหม่ทำผลงานได้สุดสะเด่า และเกาะกลุ่มหัวตารางได้อย่างต่อเนื่อง 10 นัดที่ผ่านมา พวกเค้าเก็บชัยชนะได้ถึง 7 ครั้ง เสมอ 1 ครั้ง และพ่ายไปแค่ 2 นัด
สภาพทีมโดยรวมก็ถือว่า "เยี่ยม" โดยเครดิตนี้จะยกให้ใครไปไม่ได้นอกจากกุนซือชาวสวีดิช
อ๋อ...ต้องขอบคุณ "มันนี่" ของคุณทักษิณที่ท่านยืนยันหนักแน่น ว่า "ขาวสะอาด" ด้วยถึงจะถูก ไม่เช่นนั้นแล้วทีมระดับแมนฯซิตี้คงไม่ได้ลืมตาอ้าปาก สูดอากาศเย็นๆ เหนือกลางตารางเป็นแน่แท้
นอกเหนือจากการเปลี่ยนสไตล์การเล่นมาเล่นบอลภาคพื้นดินมากขึ้นแล้ว สเวนนี่ยังผสมผสานแข้งใหม่ และดาวรุ่งเก่าๆ ที่มีอยู่ได้อย่างลงตัว
การแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของ ไมคาห์ ริชาร์ดส์ และไมเคิล จอห์นสัน คือผลงานชิ้นโบแดงของแมนฯซิตี้อคาเดมี่ โดย "ไอ้เด็กถึก" อย่าง ริชาร์ดส์ก้าวขึ้นไปเป็นแบ็กขวาตัวหลักในทีมสิงโตคำรามแทนที่ แกรี่ เนวิลล์ ของทางผีแดง เหมือนสื่อเป็นนัยให้ทางคู่ปรับร่วมเมือง ได้รับรู้ว่า ซิตี้ก็ไม่ได้กระจอกงอกง่อยเหมือนกัน
ภายใต้ระบบ 4-5-1 โดยมีเอมิล เอ็มเพ็งซ่า ยืนเป็นหอกเดี่ยว ดูผิวเผินแล้วเหมือนจะ "โดดเดี่ยว" แต่หากตามดูเกมรุกของ ซิตี้ เราจะเห็นได้ว่า แผงกองกลางของทีม พร้อมจะเติมช่วยตลอดเวลาอย่าง มาร์ติน เปตรอฟ, ไมเคิล จอห์นสัน และกองกลางตัวรุกที่ร้อนแรงที่สุดในพรีเมียร์ชิพในเวลานี้อย่าง เอลาโน่
ถามว่าก่อนหน้านี้ จะมีใครสักกี่คนเชียวที่รู้จักเอลาโน่ ? แฟนบอล ซิตี้เองรวมถึงสื่อมวลชนอังกฤษต่างตั้งข้อสงสัยในความสามารถของเพลย์เมกเกอร์ชาวแซมบ้า เนื่องจากอย่างที่เราทราบกันดีว่านักเตะจากลาตินอเมริกาส่วนใหญ่นั้นมักจะ "สอบตก" กับฟุตบอลเร็วๆ ของอังกฤษ
จริงอยู่ที่นักเตะอย่าง คาร์ลอส เตเบซ, จิลแบรโต้ ซิลวา หรือ ฮาเวียร์ มาสเชราโน่ ถือว่าเป็นกลุ่มแข้งลาตินที่ "สอบผ่าน" ในพรีเมียร์ชิพ แต่ 3 แข้งที่ว่านี้ต่างก็ใช้เวลาปรับตัวกับฟุตบอลที่นี่พอสมควร
ผิดกับ เอลาโน่ ที่ผมให้ "ผ่าน" ไปแล้วแม้ฤดูกาลนี้เพิ่งจะเตะกันไปแค่ 10 นัดก็ตามที นั่นก็เพราะความรวดเร็วในการสถาปนาเป็น "จุดศูนย์กลาง" ของทีมชุดนี้
การเซตบอลขึ้นบุกของซิตี้ในฤดูกาลนี้เราจะเห็นได้ชัดเลยครับว่า เอริคส์สันนั้นมอบหมายตำแหน่งจอมทัพให้เอลาโน่ ซึ่งในที่นี้ผมหมายถึง การบงการ Direction (ทิศทาง) และ Tempo (จังหวะ) ของเกม
โดยในนัดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมากับเบอร์มิงแฮม เจ้าตัวก็ตอกย้ำให้เห็นอีกครั้งว่า ไม่ใช่ของปลอมทำเหมือน อย่างแข้ง "นำเข้า" หลายรายที่ค่าตัวแพงหูฉี่แต่ฟอร์มการเล่นถือว่า "โหลยโท่ย"
ตัวอย่างง่ายๆ ในทีมชุดนี้ที่เข้าขั้น "ของปลอมทำเหมือน" ก็เห็นจะมี จอร์จอส ซามาราส กองหน้าชาวกรีกที่ สจ๊วร์ต เพียร์ซ นำเข้ามาด้วยค่าตัว 6 ล้านปอนด์
การประเมินความสามารถนักเตะรวมไปถึงการนำมาเล่นให้ "เข้าขา" กันนั้น ถือว่าเป็นจุดหนึ่งที่แสดงให้เห็น "ความต่าง" ของโค้ชมีคลาส และโค้ชธรรมดาสามัญประจำบ้านได้เป็นอย่างดี
สเวน โกรัน เอริคส์สัน คือกุนซือ "มีคลาส" ที่ผมว่า และแม้ซิตี้จะไม่ได้เล่นเหนือกว่า คู่แข่งในหลายๆ เกมมากนัก (รวมไปถึงแมตช์ที่ผ่านมากับเบอร์มิงแฮม) แต่สเวนก็ทำให้เห็นครับว่า "เล่นไม่ดีแต่ก็เก็บ 3 คะแนนได้"
จำเชลซีในยุคของมูรินโญ่ได้ใช่มั้ยครับ? หลายๆ ครั้งพวกเค้าไม่ได้เล่นเหนือกว่าคู่แข่งมากมายอะไรเลย แต่พวกเค้าก็ยังเดินหน้าเก็บชัยชนะได้ ครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยสกอร์ไลน์ 1-0
ผมว่า แมนฯซิตี้ชุดนี้ มีส่วนคล้ายคลึงกับทีมชุดนั้นของ มูรินโญ่ตรงจุดนี้แหละครับ แม้ว่านักเตะเรือใบอาจจะไม่ได้เข้าขั้น "เทพ" เหมือนอย่างทีมสิงโตพันล้าน
แต่การเล่นที่เหนียวแน่นรวมถึงมี "โชค" ช่วยบ้างเป็น บางครั้งคราวก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้ทีมได้รับชัยชนะ หรืออย่างน้อยๆ ก็ไม่แพ้
เก่งแต่ไม่มีดวง เล่นดีแล้วไร้แต้ม มีให้เห็นกันแทบทุกอาทิตย์นะครับ อย่างเช่นทีม "แมวดำ" ของ รอย คีนที่เล่นด้วยจิตใจนักสู้ทุกนัด แต่ก็ยังหาชัยชนะไม่เจอในนัดหลังๆ
สเวนนี่ถือเป็นคนมี "บุญ วาสนา" นะครับ เพราะได้รับโอกาสดีๆ ในการคุมทีมใหญ่ๆ หลายต่อหลายครั้งในอาชีพผู้จัดการ ทีม (เบนฟิก้า ลาซิโอ โกเตนเบิร์ก และทีมชาติอังกฤษ)
กระโดดมาคุมทีมแมนฯซิตี้รอบนี้ก็ได้งบจากเสี่ยแม้ว ไปแล้วในช่วงก่อนเปิดฤดูกาลเป็นจำนวน 38 ล้านปอนด์ พร้อมนักเตะ 8 รายที่ตบเท้าเข้าสู่ทีม
เมื่อวีกที่แล้ว ข่าวจาก The Sun ก็รายงานว่า ปีใหม่นี้ ป๋าสเวนจะได้งบช้อปปิ้งเป็นของขวัญปีใหม่จาก "แฟรงค์ ซินาตรา" อีก 30 ล้านปอนด์
ดูๆ แล้วงานนี้ สเวน และเสี่ยแม้ว ไม่ได้ต้องการแค่ติดหนึ่งใน "ท็อปซิกซ์" หรอกครับ เพราะถ้าฟอร์มยังฉิวติดลมบน แบบนี้ ทีม "ท็อปโฟร์" ก็ท็อปโฟร์เถอะครับ อาจมีน้ำตาตกในได้เลย!!!
Viva London โดย เอก อุดมสุข
ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์คิกออฟ ฉบับที่ 3016

Views: 173

Reply to This

Replies to This Discussion

ขอบคุณสำหรับข้อมูล จริง ๆ คะ

คุณ ธนา ขยัน มากคะ
จบฤดูการนี้ ให้ดีๆนะ อยากเห็นไปเล่นบอลถ้วยยุโรป
ขอบคุณครับ ที่เอามาให้อ่านกัน
ดีครับใครมีข้อมูลหรือคอลัมดีๆ เอามาแบ่งปันให้อ่านกันครับ
สุอยอดมากเลยครับ

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.