Members

คอลัมน์น่าสนใจ:: ตูรินและตลอดไป



     ภาพ โจ ฮาร์ท ในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้า กางเกงชิโน่สีกากี สวมแว่นกันแดด สะพายเป้สัมภาระที่สนามบินเมืองตูริน ยืนยันชัดเจนได้เป็นอย่างดีว่าปลายทางของเขาอยู่ไหน
 


        และก็ไม่ผิดพลาด ฮาร์ท จะกลายเป็นผู้รักษาประตูชาวอังกฤษคนแรกที่ได้ลงเฝ้าเสาในกัลโช่ เซเรีย อา นับตั้งแต่ลีกก่อตั้งเมื่อปี 1929/30 โน่นเลย


        ทีมกระทิงหิน โตริโน่ แสดงความจำนงชัดเจน และจริงจัง ด้วยการส่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวมารับนายด่านมือ 1 ทีมชาติอังกฤษ เพื่อไปตรวจร่างกายและเซ็นสัญญากันอย่างเป๋นทางการ


        ข่าวว่า มีแม้กระทั่งทีมอย่าง ซันเดอร์แลนด์ และ นาโปลี ให้ความสนใจ แต่ ฮาร์ท เลือกเล่นทีมดังแห่งตูรินมากกว่า


        หากย้อนเวลากลับไปในฤดูกาลที่แล้ว ตอนที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประกาศเองว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะเข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่แทน มานูเอล เปเยกรินี่ แล้วมีคนบอกว่า โจ ฮาร์ท จะโดนโละออกจากทีม คงมองเป็นเรื่องตลก


        โน่น ยาย่า ตูเร่ ที่อายุเยอะ  และไม่ตรงเสป็กของ เป๊ป ต่างหากเป็นคนแรกๆ ที่จะโดนเขี่ยทิ้ง


        ที่ไหนได้ ถึงตอนนี้ กุนซือเลือดกาตาลันยังให้มิดฟิลด์ขวัญใจแฟนๆ อยู่ต่อได้จนครบสัญญา


        แน่นอนว่าผู้รักษาประตูไม่ใช่ตำแหน่งที่จะเปลี่ยนกันง่ายๆ ไม่เชื่อดูลิเวอร์พูล จนถึงตอนนี้ ซิมง มินโญเล่ต์ ยังยึดตำแหน่งเหนียวหนึบ


        อีกอย่าง ฮาร์ท มีดีกรีเป็นถึงมือ 1 ของทีมชาติ มันยิ่งกว่าใบเพ็ดดีกรีการันตีความชัวร์เสียด้วยซ้ำ


        การเข้ามาของ เป๊ป กลับสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่


        ล่าสุดนี่ทางสื่อเยอรมัน ได้วิเคราะห์ทีมบาเยิร์น มิวนิค ภายใต้การทำทีมของ เป๊ป ตลอด 3 ปี และภายใต้นายใหม่อย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ ว่าหนึ่งในสิ่งแตกต่างใหญ่หลวงคือ แนวทางการเล่น


        ขณะที่ อันเช่ ให้ลูกทีมมีอิสระในการเล่นมากกว่า มีจังหวะก็เข้าโจมตีทันที แต่ทีมของ เป๊ป จะต้องเล่นภายใต้แนวทางของเขาเท่านั้น


        แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นิยมตั้งชื่อเล่นให้กับกุนซือของพวกเขาอยู่เรื่อย


        เปเยกรินี่ คนเก่า ได้ชื่อว่า "ดิ เอ็นจิเนียร์" หรือ "สุภาพบุรุษผู้น่ารัก", สเวน โกรัน อีริคส์สัน เคยได้ชิ่อว่า "สเวนนิส"


        มาร์ค ฮิวจ์ส ก็ "สปาร์กี้" ชื่อที่ถูกเรียกมานานนมแล้ว ด้าน  โรแบร์โต้ มันชินี่ ก็เป็น "บ็อบบี้ แม้งค์"


        คำว่า บ็อบบี้ คือชื่อเล่นของ Robert (Roberto)  อยู่แล้ว ส่วน แม้งค์ ก็มาจาก MANCini แถมพ้องกับคำว่า แม้งค์ ที่หมายถึงแมนเชสเตอร์อีกต่างหาก


        กวาร์ดิโอล่า ที่เพิ่งมาถึงนี่ก็ได้ชื่อเล่นเป็นที่เรียบร้อยแล้วคือ "นักปรัชญา"


        ก็สะท้อนแนวทางการทำงานของเขาได้เป็นอย่างดี ว่าทุกอย่างต้องเป๊ะตามตำรา รายละเอียดต้องได้อย่างที่คิดเอาไว้


        ด้วยการทำงานอย่างที่ว่านี้ โจ ฮาร์ท เลยมีชะตาชีวิตอย่างที่เห็น


        ฮาร์ท จะเรียกว่าเป็นเด็กปั้นของสโมสรก็พอจะพูดได้ เพราะ ทิม ฟลาวเวอร์ส อดีตโกล์เก่าแบล็คเบิร์น เคยถูกยืมตัวมาเล่นให้  แมนฯ ซิตี้ ช่วงปลายอาชีพ ก่อนผันตัวมาเป็นโค้ชผู้รักษาประตูเป็นคนคอมเมนต์ให้สโมสรคว้าตัวมาจาก ชรูว์สบิวรี่ ทีมบ้านเกิดที่ ฮาร์ท เริ้มต้นอาชีพ ตั้งแต่สมัยอายุได้ 19 ปี เมื่อปี 2006


        ฤดูกาลต่อมาที่ทีมเรือใบโดน ทักษิณ ชินวัตร ซื้อ และตั้ง "สเวนนิส" มาคุมทีมคือจุดเริ่มต้นของการเป็นมือ 1 ให้กับทีม


        นายใหญ่สวีดิชนี่เอง  เป็นคนมองเห็นศักยภาพในตัว ฮาร์ท และส่งลงเฝ้าเสาเป็นมือ 1  เหนือ อันเดรียส อิซัคส์สัน คนบ้านเดียวกัน


        ในฐานะนายทวารดาวรุ่ง ฮาร์ท ขับเคี่ยวกับ อิซัคส์สัน เสร็จแล้วต้องเจอกับ เชย์ กิฟเว่น ต่อ ซึ่งอยู่ในช่วงที่ มาร์ค ฮิวจ์ส เข้ามาทำทีมแทน สเวน แล้วนี่แหละ


        แถมการที่ สปาร์กี้ ไปดึง สจ๊วร์ต เทย์เลอร์ มาอีกราย เปิดทางให้  ฮาร์ท ได้ออกไปหาประสบการณ์แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยกับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ภายใต้กุนซืออย่าง อเล็กซ์ แม็คลิช


        แม้เริ่มต้นไม่ค่อยสวยนัก ทำพลาดหลายหนแต่ แม็คลิช ยังกัดฟันให้โอกาส ฮาร์ท ต่อ ท้ายที่สุดแล้ว ทีมลูกโลกในฤดูกาล 2009/10 จึงมีผลงานเยี่ยมเคยไม่แพ้ใครนานถึง 12 นัด ลงท้ายเขาก็กลายเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของ เบอร์มิงแฮม


        กลับมาจากยืมตัว ก็พอดีกับที่ แมนฯ ซิตี้ เปลี่ยนคนถือพังงาเรือจาก มาร์ค ฮิวจ์ส มาเป็น "บ็อบบี้ แม้งค์"


        ผลงานของ โจ ฮาร์ท  ที่แสดงให้เห็นแล้วกับ เบอร์มิงแฮม ทำให้ทีมงานของ มันชินี่ เชื่อมั่น และให้เขาเฝ้าเสาเป็นมือ 1 นับแต่นั้นมา ฮาร์ท ก็ยึดตำแหน่งได้มาโดยตลอด


        จุดเด่นของ โจ ฮาร์ท ที่ซื้อใจแฟนๆ ได้มาโดยตลอดคือใจสู้ กล้าหาญ ทุ่มเทเต็มร้อยทุกนัด ปฏิกิริยาดี รูปร่างเยี่ยม และยังถือว่าเป็นนักเตะที่นิสัยดีคนหนึ่ง เขาแทบไม่เคยเอ่ยกระทบทีมคู่แข่ง หรือนักเตะคู่แข่งเลย


        ไม่แปลกใจที่เหล่าสาวกทีมเรือใบถึงได้รักเขาหนักหนา การปรบมือและตะโกนเชียร์เขาดังลั่นในทุกจังหวะนัดที่เอาชนะ สเตอัว บูคาเรสต์ 1-0 คือหลักฐานชั้นดี


        ทว่าการที่ โจ ฮาร์ท เดินปรบมือขอบคุณแฟนๆ  ไปทั่ว พร้อมโบกไม้โบกมือ ส่อเค้าให้เห็นแล้วว่ามันคือการอำลา

โจ ฮาร์ท มาถึง ตูริน


        กลายเป็นชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อกุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คุมทีม ย่อมอยากได้ผู้เล่นในสเป็กของตัวเอง


        สิ่งที่ เป๊ป ตัดสินใจทำ อาจดูว่าโหดร้าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อประโยชน์สูงสุดของสโมสรเป็นสำคัญ


        เรามาพูดกันด้วยเรื่องของฟุตบอลล้วนๆ ก็พอเข้าใจได้แล้ว


        ทีมของ เป๊ป ต้องเล่นรับส่งถ่ายบอลกกันไปทั่วสนาม เมื่อขึงบอลบุกในแดนคู่แข่ง เซนเตอร์ฮาล์ฟ ที่ทักษะดี ต้องหนุนไปยืนสูง คล้ายๆ มิดฟิลด์เพื่อเชื่อมเกมอีกคน (จอห์น สโตนส์) ผู้รักษาประตูต้องทำหน้าที่เหมือนสวีปเปอร์ตัวสุดท้าย อย่างที่ มานูเอล นอยเออร์ ได้แสดงศักยภาพด้านนี้ออกมาเต็มที่ตลอด 3 ปีที่บาเยิร์น


        แต่สถิติมันฟ้องชัดว่า โจ ฮาร์ท คือนายทวารที่แม้จะมีฝีมือเซฟดี แต่ใช้เท้าไม่เก่ง


        การใช้เท้าเปิดบอลของ ฮาร์ท แม่นยำแค่ราวๆ 50% ส่วน นอยเออร์ ที่ เป๊ป คุ้นเคยและชื่นชอบนั้นแม่นถึงกว่า 80% ส่วนคนใหม่ที่เขาซื้อมาอย่าง เคลาดิโอ บราโว่ ล่อไปตั้ง 84 % ข้อแตกต่างตรงนี้เยอะเกินไป


        หนำซ้ำ ฟอร์มการเล่นของ โจ ฮาร์ท ตั้งแต่ครึ่งหลังของฤดูกาลที่แล้วก็ถูกตั้งคำถามโดยเฉพาะเมื่อมีคู่แข่งที่พุ่งขึ้นมาอย่าง เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์


        ใน ยูโร 2016 ที่อังกฤษตกรอบขายขี้หน้า โจ ฮาร์ท ก็เป็นหนึ่งในคนที๋โดนโจมตีหนักว่าโดนยิง 5 หน เสียไปถึง 4 ลูก แบบนี้มันใช้ไม่ได้ โดยเฉพาะนัดแพ้ ไอซ์แลนด์ นี่เข้าตาเหลือเกิน


        จนเจ้าตัวต้องออกมายืดอกรับผิดชอบบอกว่าเป็นความผิดของเขาเองที่ทำให้คนทั้งชาติต้องผิดหวัง


        ด้วยสถานะอย่างเขา และด้วยวัยที่ไม่น้อยแล้ว 29 ขวบ การต้องนั่งเป็นสำรองในทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ใช่เรื่องดีแน่


        อย่าว่าแค่ เคลาดิโอ บราโว่ เลย เขาเป็นรองเห็นๆ กระทั่ง วิลลี่ กาบาเยโร่ ด้วยซ้ำ


        ถ้าไม่ได้เล่น อนาคตยน่าเป็นห่วง ตำแหน่งมือ 1 ทีมชาติก็สั่นคลอน ทางออกที่ดีที่สุดคิอต้องหาสโมสรเล่น


        ไปโชว์ฟอร์มดี เรียกความมั่นใจกลับมา น่าจะช่วยได้เยอะ เพราะดูแล้ว โตริโน่ คงไม่เอาไปนั่งสำรองแน่


        อยู่ใน กัลโช่ นอกจากจะมีโอกาสลงสนามต่อเนื่องแล้ว ยังเป็นโอกาสดีที่ตัวเขาจะได้เรียนรู้ฟุตบอลในลีกอย่างกัลโช่


        เชื่อว่า โจ ฮาร์ท จะยังเป็นมือ 1 ทีมชาติอังกฤษต่อไปอีกเหมือนเดิม ตรงนี้ โตริโน่ ช่วยได้


        ที่น่าห่วงกว่าก็คือสถานการณ์กับต้นสังกัดแท้จริงอย่าง แมนฯ ซิตี้ ต่างหาก


        เป็นเรื่องเข้าใจได้ที่ โจ ฮาร์ท แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อเขาโบกมือขอบคุณแฟนๆ ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม หลังจบเกมกับ สเตอัว


        เพราะหมายถึง มันน่าจะเป็นเกมสุดท้ายที่เขาจะได้ลงเล่นในฐานะผู้เล่นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นเอง


        ยกเว้นว่า เคลาดิโอ บราโว่ จะลืมฟอร์มเก่งไว้ที่บาร์เซโลน่า โดนยิงพรุน หรือทั้งเขาและ กาบาเยโร่ เจ็บยาว ยังมองไม่เห็นทางเลยว่า โจ ฮาร์ท จะกลับมาที่นี่ได้ยังไง


        ตราบใดที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังคุมทีม แฟนบอลคงไม่ได้เห็นนายทวารชื่อ โจ ฮาร์ท ลงเฝ้าเสาให้แมนฯ ซิตี้ อีกแล้ว


ซันเดย์

//////////////////////////////////////////////////////////////

Cr.siamsport. ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th

Views: 696

Reply to This

Replies to This Discussion

น่าสนใจ มีประวัติโจ ฮาร์ท และผู้จัดการทีมแมนซิตี้ แต่ละยุคสมัยด้วยครับ เห็นน่าสนใจเลยเอามาฝาก อ่านเล่นๆกันครับผม

เขียนดีสรุปไม่ดีต้องสรุปว่าฮาร์ทกลับมาปีหน้ามาเอามือหนึ่งคืนสิ

เขียนดีครับผมเองก้ยังหวั่นๆไว้กลัวว่าจะไม่ได้กลับมาแล้ว

ทุกอย่างคือการเปลี่ยนแปลว

ก่อนหน้าถ้ามีคนบอกว่ายาย่าโดนโละเชื่อแต่ฮาร์ทไม่มีใครเชื่อจริงๆครับ....

ตูรินจะกลับมาไม่ตลอดไปมั๊งครับ

ตอนไปฝึกกับเบอร์มิ่งแฮม 19 ยังพอรู้ว่าเก็บเวลแล้วกลับมาแต่คาวนี้ 29 ยากเกินไปที่จะได้กลับมา

ไม่น่าเชื่อเกมเจอขุนค้อน ที่ว่ามันน่าจะเป็นเกมสุดท้ายที่เขาจะได้ลงเล่นในฐานะผู้เล่นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นเอง

คงไปยาวโชคดีครับ

แฟนเรือหวังให้ฮาร์ทกลับมากันเยอะนะฮะ อย่าพูดแบบนี้ไม่ดีไม่น่ารักเลย ฮี่ๆ

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.