Members

คอลัมน์น่าสนใจ:: ความพ่ายแพ้ของ 'เป๊ป กวาร์ดิโอล่า'

คอลัมน์น่าสนใจ:: ความพ่ายแพ้ของ 'เป๊ป กวาร์ดิโอล่า'



     ในสายตาของผม - บาร์เซโลน่า คือทีมที่เล่นฟุตบอลได้ ''สวยงาม'' และ ''เซ็กซี่'' ที่สุดในโลก
 


        เซ็กซี่" มันมีอะไรมากกว่าความสวยงามนะครับ คือไม่ได้สวยแบบนางฟ้า, นางสาวไทย, มิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์ส, มิสทีน ไทยแลนด์ หรือ นางงามจักรวาล อย่างเดียว แต่มันยังแฝงไว้ด้วยพลังงานบางอย่างที่ส่งผลให้ผู้พบเห็นเกิดอารมณ์อย่างรุนแรง


        บาร์ซ่าไม่ได้เล่นบอลสวยอย่างเดียว พวกเขายังมีความ "เซ็กซี่" ด้วย ซึ่งคงจะไม่ผิดอะไรนัก หากจะบอกว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นี่แหละคือผู้วางรากฐานให้บาร์เซโลน่าเป็นแบบนี้ ก่อนที่กุนซือคนต่อๆ ไปจะเอาไปต่อยอด


        เอกลักษณ์คือการต่อบอลทำชิ่งบนพื้น เคาะบอลกันตามช่องทั้งจังหวะเดียวและ 2 จังหวะบนความรวดเร็วและแม่นยำจนเกิดคำศัพท์เฉพาะที่เอาไว้เรียกวิธีการเล่นแบบนี้ว่า "ติกิ-ตากะ"                       


        ระบบการเล่นยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แถมตัวผู้เล่นที่ถูกคัดเลือกให้เข้ามาอยู่ในระบบก็มีฝีเท้าจัดจ้าน ความสามารถเฉพาะตัวสูงส่งอีกต่างหาก


        เพราะฉะนั้น มันจึงน่าสนใจในทุกครั้งที่ผู้ติดตั้งวิธีการเล่นแบบ "ติกิ-ตากะ" ให้บาร์เซโลน่า อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องหวนกลับมาห้ำหั่นกับทีมเก่าของตัวเอง


        ความสนุกมันอยู่ตรงที่คุณพี่เขาจะใช้วิธีใดหรือกลยุทธ์แบบไหน เพื่อโค่นล้มทีมที่ตัวเองสร้างขึ้นมา มิซ้ำดาวเตะสำคัญหลายคนในชุดปัจจุบันของบาร์ซ่า ก็เคยเป็นลูกทีมของตัวเองมาก่อน ตัวอย่างเช่น ลิโอเนล เมสซี่, อันเดรส อีเนียสต้า, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ หรือ เคราร์ด ปีเก้


        ตอนที่เป็นกุนซือของบาเยิร์น มิวนิค เขาก็เคยทำศึกกับทีมเก่าของตัวเองมาแล้ว ผลปรากฏว่าเสียหลักพุ่งชนความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน แม้น "เสือใต้" จะจัดเป็นทีมที่แข็งแกร่งและน่าเกรงขามก็ตาม


        ฤดูกาลนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ส่ายสะโพกมาคุมแมนฯ ซิตี้


        วิธีการเล่นและระบบการเล่นของทีมสีฟ้าแห่งแมนเชสเตอร์ก็แทบไม่ต่างจากตอนที่ตัวเองคุมบาร์เซโลน่า นั่นแหละครับ ขณะคุณภาพของผู้เล่นก็คับตูดเลยทีเดียว


        ต่อเมื่อต้องเจอ "ต้นฉบับ" อย่าง บาร์เซโลน่า มันจึงน่าสนใจยิ่งนักว่า กุนซือหนุ่มใหญ่ผู้นี้จะหากลวิธีใดมากำราบ ในเมื่อตัวเองเป็นเจ้าของหยดอสุจิผู้สร้างทีมนี้จึงน่าจะรู้ไส้รู้พุงทีมเก่าตัวเองทุกซอกมุม


        สำหรับผม - เกมระหว่าง บาร์เซโลน่า กับ แมนฯ ซิตี้ จึงถือเป็นการศึกระดับอภิพญามหายุทธ์เลยทีเดียวเชียว


        แต่สิ่งที่น่าสังเกตพลางตั้งคำถามถึงคือ ทำไมพี่แกจัดทีมโดยไม่ใส่กองหน้าตัวเป้าอย่าง กุน อเกวโร่ ทั้งที่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรสักหน่อย?


        4 ประสานในแนวรุกที่ปราศจาก "เอล กุน" ประกอบด้วย โนลีโต้, เควิน เดอ บรอยน์, ราฮีม สเตอร์ลิง และ ดาบิด ซิลบา


        อืมมมมม...บางทีอาจเป็นเหตุผลเรื่องรูปเกม คือพี่แกต้องให้ลูกทีมขับเคี่ยวกับเจ้าถิ่น เพื่อชิงพื้นที่ในแดนกลางโดยเฉพาะก็เป็นได้ จึงตัดสินใจตัดกองหน้าจริงๆ ออกไป 1 คน เพื่อให้มีผู้เล่นประเภทมิดฟิลด์มากขึ้น


        สิ่งที่เห็นคือ แมนฯ ซิตี้ ใช้วิธีบีบสูงพลางพุ่งเข้าเพรสในแดนบน ขอบอกว่าบีบสูงมาก บีบสูงถึงผู้รักษาประตูคู่แข่งเลยทีเดียว


        เข้าใจว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คงไม่ต้องการให้บาร์เซโลน่าเซตเกมขึ้นมาจากแดนตัวเองพลางบังคับให้เปิดยาว ซึ่งความแน่นอนก็จะลดลง


        ขอเรียนว่า แมนฯ ซิตี้ ทำได้ดีมากนะครับ พวกเขากดจนเจ้าถิ่นเซตบอลทำเกมรุกตามสไตล์ของตัวเองไม่ถนัด อีกทั้งยังครองบอลบุกกดดันได้อีกเป็นชุดๆ


        อย่างไรก็ตาม


        บาร์เซโลน่าของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ นั้นแตกต่างจากบาร์เซโลน่าที่เคยเป็นของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า


        จุดหนึ่งคือการตัดทอนจังหวะการเล่นให้ลดน้อยลง - ไม่ใช่เคาะบอลทำชิ่งกันอย่างเดียว แต่มีทั้งการเล่นลูกสั้นสลับยาว หรือการฉวยโอกาสจู่โจมแบบลอบฆ่า


        พูดง่ายๆ ว่าไม่ได้พยายามจะทำตัวสวยอย่างเดียวเหมือนในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า


        เมื่อขึ้นไปบีบสูงในแดนของคู่แข่ง ผู้เล่นแมนฯ ซิตี้ ก็จำเป็นต้องขยับตามขึ้นไปเป็นกลุ่ม นั่นหมายถึงการเปิดที่ว่างในแดนหลังให้บาร์เซโลน่าได้โต้กลับเหมือนกัน


        แล้วคิดดูนะครับว่า บาร์ซ่ามีหน่วยล่าสังหาร 3 ประสานที่อันตรายมากขนาดไหน


        เนย์มาร์, หลุยส์ ซัวเรซ และ ลิโอเนล เมสซี่ คือหน่วยล่าสังหารที่มีทักษะความสามารถเฉพาะตัวสูงระดับเซียนเหยียบเมฆ ซึ่งในบางสถานการณ์ พวกเขาไม่จำเป็นต้องยึดติดอยู่กับระบบการเล่นเพียงอย่างเดียว เพราะสามารถเลี้ยงกินตัวคู่แข่งในสถานการณ์ 1 ต่อ 1 หรือ 1 ต่อ 2 ได้แบบสบายๆ


        เบื้องต้นถือว่า "เป๊ป" วางแผนได้ดีในระดับหนึ่ง อย่างน้อยลูกทีมของเขาก็ไม่ได้โดนบุกกระหน่ำใส่จนโงหัวไม่ขึ้น แตกต่างจากทุกครั้งที่ แมนฯ ซิตี้ ต้องเซิ้งกับบาร์เซโลน่าในรายการนี้


        รูปเกมไม่เป็นรอง หลายช่วงสามารถสะกดทีมในชุดสีเลือดหมู-น้ำเงิน ให้อยู่แต่ในแดนตัวเองด้วยซ้ำ ทว่ากลับต้องสังเวยประตูไปก่อนจากจังหวะที่กองหลังตัวเองดันลื่นล้มเสียหลักแบบไม่มีเหตุผล และไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น!


        แบบนี้เรียกว่าเสียประตู เพราะจังหวะไม่เป็นใจซะมากกว่า รูปเกมยังถือว่าสู้ได้ และการตามหลังแค่ประตูเดียวก็ยังถือว่ามีลุ้นตีเสมอได้ตลอดเวลา


        กระทั่งจุดเปลี่ยนสำคัญมาบังเกิดขึ้น เมื่อ เคลาดิโอ บราโว่ แสดงความผิดพลาดออกมา


        คิดเรื่องนี้แล้วก็ให้นึกถึง โจ ฮาร์ท ที่โดนเจ้านายคนใหม่อย่าง "พี่เป๊ป" เอาปังตอมาสับหางขาด ก่อนถูกเนรเทศไปอยู่ที่อิตาลี


        เหตุผลที่ โจ ฮาร์ท ถูกขับออกจากอีสต์แลนด์ส เพราะกุนซือคนใหม่ต้องการผู้รักษาประตูที่ใช้เท้าได้เก่ง สามารถเปิดบอลหรือต่อบอลกับเพื่อนร่วมทีมตามระบบการเล่นเหมือนเป็นผู้เล่นอีกคนหนึ่ง


        จังหวะนั้น ถ้าเป็นนายทวารคนอื่น หรือ โจ ฮาร์ท เขาคงหวดตูมเดียวไปไกลๆ แต่เพราะระบบการเล่นที่ต้องไม่เสียบอลไปง่ายๆ นี่แหละที่นำมาซึ่งความผิดพลาด


        เคลาดิโอ บราโว่ เจตนาแฮนด์บอลนอกเขตโทษ เพื่อแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองที่ดันทะลึ่งจ่ายบอลให้คู่แข่งจนต้องโดนใบแดงตะเพิดออกจากสนาม


        เรียนตามตรงว่า นาทีนั้นเกมยังค่อนข้างสูสี แต่การเหลือตัวผู้เล่น 10 คน และต้องเปลี่ยนผู้เล่นออกไป 1 คน เพื่อส่งผู้รักษาประตูลงมาบอกได้เลยครับว่า "มันจบแล้วครับนาย"


        ผลจากการเหลือผู้เล่นน้อยกว่าทำให้ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โดนไปอีก 3 ดอกเน้นๆ ทั้งที่รูปเกมไม่ได้เป็นรองสักเท่าไหร่ - สู้ได้ เสียอย่างเดียวคือจังหวะจบไม่มีความเด็ดขาดสักเท่าไหร่ แถม แทร์ ชเตเก้น นายทวารของบาร์ซ่า ดันถูกวิญญาณปลาหมึกยักษ์เข้าสิงร่างพอดีอีก


        ถ้าใครไม่ได้ดูเกมนี้ หรือดูแบบผ่านๆ คงคิดว่า แมนฯ ซิตี้ คงสู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง เพราะโดนกระทุ้งไปตั้ง 4 ดอก เพียงแต่สกอร์ที่บังเกิดขึ้นก็ไม่ได้สะท้อนความจริงที่เกิดขึ้นในเกมเสมอไป


        สำหรับผม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังถือเป็นสุดยอดกุนซือระดับโลกเหมือนเดิม พี่แกอุตส่าห์ทำการบ้านและวางแผนกำราบทีมเก่าของตัวเองได้ดีในระดับหนึ่งแล้วเชียว เพียงแต่แพ้จังหวะ เช่นเดียวกับที่แพ้เพราะไม่มีดาวเตะมหัศจรรย์อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ อยู่ในทีมซะมากกว่า


        เหนือสิ่งอื่นใดทีมที่ยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้เขา ก็คือทีมที่ตัวเขาสร้างขึ้นมานั่นแหละ


        เวลานักมวยไทยแพ้นักมวยต่างชาติในการชก "มวยไทย" ประชาชนชาวไทยผู้ไม่เคยหลีกเลี่ยงภาษีอย่างผมจะมองว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าเสียหาย หรือเป็นเรื่องที่เสียฟอร์มอะไร


        ในเมื่อมันคือการแพ้ในชั้นเชิงของมวยไทย ไม่ได้ใช้มวยไทยแล้วไปแพ้ ยูโด หรือ คาราเต้ สักหน่อย


        เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็เช่นกัน เขาแพ้ทีมที่ตัวเองสร้างเอาไว้เสียเลอเลิศเกินไปนั่นแหละ


บอ.บู๋

---------------------------------------------------------------

Cr. siamsport. ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th

Views: 382

Reply to This

Replies to This Discussion

ส่วนตัวมคิดว่าเป็นอีกคอลัมน์ที่ บ บู๋ เขียนถึงเป๊ปหรือซิตี้ได้ดีครับ เลยเอามาฝากกันครับผม

555 ผลงานบู๋ขึ้นกับผลงานผี

เป๊ปบอกแพ้เพื่อแกร่งขึ้นรอดูต่อไป

เซ็กซี่ แมนซิก็มี 5555

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.