Members

คอลัมน์น่าสนใจ::'เรือ'ยังโอเค ?



     ใครไม่ได้ดูเกมบิ๊กแมตช์ของศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่คัมป์ นู เมื่อคืนวันพุธ แล้วงัวเงียตื่นเช้ามาเห็นสกอร์อาจมโนไปว่าบาร์เซโลน่าไล่ขย่ม แมนฯ ซิตี้ แบบพับสนามอยู่ข้างเดียว
 


        รูปเกมจริงๆ ก็คงทำนองนั้นแหละ เอ๊ย ไม่ใช่


        ฟุตบอลยังพอสู้กันได้อยู่ แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสของตัวเองในการทำประตู แต่เกมระดับนี้ความละเอียดในเรื่องเล็กน้อยสามารถเป็นตัวแปรตัดสินผลการแข่งขัน


        ตรงนี้ที่บาร์เซโลน่าแทบไม่ผิดพลาดเลย ส่วนทีมเยือนต้องใช้คำว่าเพียบ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะแมนฯ ซิตี้ กำลังอยู่ในช่วงหัดคลานของกระบวนการสร้างทีม โดยมีต้นแบบคือคู่แข่งที่เพิ่งยิงพวกเขาสี่เม็ดไปหยกๆ นี่เอง


        จะบอกว่าเป็นเกมระหว่างของจริงกับของปลอมทำเหมือนก็พอพูดได้ อาจไม่ใช่แต่ใกล้เคียง


        อย่างไรก็ตาม แม้แมนฯ ซิตี้ โดนบาร์ซ่ากะซวกยับที่สุดในการเจอกัน 5 ครั้ง และยังไม่เคยแม้แต่เสมอ แต่เกมนี้น่าจะเป็นครั้งแรกๆ ที่พวกเขาเห็นบอลเกินกว่า 45 เปอร์เซ็นต์


        เมื่อเทียบกับสี่หนที่ผ่านมาในยุคของ มานูเอล เปเยกรินี่ เรือใบแพ้สูสีกว่านี้ ทั้ง 0-1, 1-2 และ 0-2 เนื่องจากใช้แท็กติกเน้นรับและรอสวน แต่ในแง่หนึ่ง นักเตะซิตี้แทบไม่ได้เล่นตามเกมถนัด


        นั่นไม่ใช่วิธีแบบเป๊ปที่อยากให้แมนฯ ซิตี้ สู้กับบาร์ซ่า ด้วยสไตล์ของตัวเอง ผลที่ออกมาอาจถูกด่วนสรุปว่าเขาตัดสินใจผิด บางคนตำหนิที่ไม่กล้าส่ง เซร์คิโอ อเกวโร่ แต่ทุกคนมีสิทธิ์เป็นโค้ชตอนเกมจบ วิเคราะห์อะไรก็ถูกไปหมด หากไม่มีใบรับประกันว่าถ้าส่งอเกวโร่แล้ว แมนฯ ซิตี้ จะไม่โดนล่อเป้ามากกว่า 4 ลูก


        สำคัญที่สุดคือในโลกนี้ยังมีใครรู้จักฟุตบอลของบาร์เซโลน่าดีไปกว่าหมอนี่อีกหรือ ?


        การจัดทีม หรือแท็กติกของเป๊ปไม่ได้ผิด แม้ว่าเรือใบกำลังล่องอยู่ท่ามกลางพายุของการไม่ชนะ 4 นัดติดต่อกัน แต่มันก็คนละเคส คนละสถานการณ์กับเพื่อนบ้านไม่มองหน้ากันอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ตอนที่ประสบอุบัติเหตุแหกโค้งแพ้สามเกมรวดจนถูกเรียกว่าเป็นวิกฤติระดับเล็กๆ ในห้วงเดือนกันยายน


        การแพ้ติดๆ กันของปีศาจแดงกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ตาสว่างพลิกแพลงหมากการเล่น ปรับตำแหน่งยืนของบางคน รวมทั้งดร็อปขวัญใจเด็กผีอย่าง เวย์น รูนี่ย์


        แต่กรณีของแมนฯ ซิตี้ ที่เริ่มต้นสะดุดด้วยการเสมอเซลติก 3-3 ก่อนแพ้สเปอร์ส 0-2 เสมอเอฟเวอร์ตัน 1-1 จนกระทั่งบุกไปแพ้บาร์ซ่า 0-4 ปัญหาของเป๊ปแตกต่างจาก มูรินโญ่  มันไม่ใช่ระบบพัง ไม่ใช่นักเตะยืนผิดที่ผิดทาง และไม่ใช่อะไรอย่างที่ล้อกันว่าเล่นดีเปลี่ยนออก เล่นกระจอกเปลี่ยนเข้า


        ปัญหาของซิตี้และเป็นการบ้านระดับด่วนที่สุดสำหรับเป๊ป กวาร์ดิโอล่า คือหนึ่ง-ความผิดพลาดส่วนบุคคลที่มีมากเกินไป


        ถ้าดูเฉพาะแนวรับ ทั้งสามประตูที่เสียให้กลาสโกว์ เซลติก เป็นสถานการณ์ที่พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงได้


        เช่นเดียวกับการสกัดเข้าประตูตัวเองของ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ตั้งแต่ต้นเกม มีส่วนทำให้เรือใบเสียเปรียบสเปอร์สทุกประตูรูหน้าต่าง เพราะฟุตบอลคู่นี้ชี้ขาดกันตรงที่ใครได้ประตูนำก่อนนั่นแหละ


        กับเอฟเวอร์ตันผมอยากยกความดีความชอบให้เกมสวนกลับของนักเตะทอฟฟี่ที่เฉียบคมมากกว่าหาแพะในแผงหลังของทีมเรือใบสีฟ้า


        ส่วนเมื่อกลางสัปดาห์ กี่ประตูจากการเล่นพลาดเอง และถูกลงโทษ โดยทีมที่มีแนวรุกอันตรายที่สุดในสามโลก


        ยังดีด้วยซ้ำที่เนย์มาร์ยิงจุดโทษไม่เข้า หลังจาก เคลาดิโอ บราโว่ ใช้มือปัดบอลนอกเขต ซ้ำเติมความผิดตัวเองที่ดันจ่ายบอลไปเข้าทางปืนของ หลุยส์ ซัวเรซ


        เหล่านี้นำพาความเสียหายหนักหน่วงถึงขั้นเสียประตู เนื่องจากฟุตบอลสไตล์เป๊ปแทบไม่เปิดช่องให้กับความผิดพลาดแบบหมูเกินเหตุ


        เป๊ปเคยบอกว่าเขาเชื่อมั่นในการสร้างเกมขึ้นมาจากกองหลัง และเซนเตอร์ฮาล์ฟทำหน้าที่เป็นตัวกระจายบอล


        เมื่อนักข่าวถามถึงความเสี่ยงกับการเล่นแบบนั้น เขาตอบว่าคุณอาจพลาดและเสียประตูสักหนึ่งลูก แต่สิ่งที่จะได้กลับมาคือโอกาสทำประตูที่เพิ่มมากขึ้น


        จากคำพูดนี้พอตีความได้ว่าเป๊ปคงเผื่อใจไว้เหมือนกันสำหรับความผิดพลาด ถึงแม้เขาก็คงไม่อยากให้มันเกิดขึ้น และทุกเหตุการณ์คือบทเรียนสำหรับลูกทีม


        แต่ในเวลาเดียวกัน คำพูดนี้ยังสื่อถึงว่าเกมรุกที่ได้อานิสงส์จากการแท็กติกที่ค่อนข้างสุ่มเสี่ยง ควรสามารถแบกทีม กลบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากความผิดพลาดเผอเรอของแนวรับ


        และนี่คือปัญหาข้อต่อมาสำหรับผลงานไม่ชนะสี่นัดติดต่อกันที่เพิ่งเคยเกิดขึ้นแค่ครั้งที่สามในชีวิตการคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า


        และเกิดเพียงสโมสรละหน จากบาร์เซโลน่าถึงบาเยิร์น มิวนิค


        สี่นัดที่เรือใบสีฟ้าไม่พบพานกับชัยชนะ ปรากฏเหตุการณ์ที่พวกเขาทำประตูได้อย่างฝืดเคืองแค่ 4 ลูก


        เทียบกับสี่เกมก่อนหน้านั้นกดคู่แข่งรวมกันถึง 13 ประตู


        ยิ่งไปกว่านั้นคือ 3 จาก 4 ลูกที่ยิงได้มาในเกมเดียวกันคือนัดเสมอเซลติก 3-3


        แปลเป็นภาษาคนได้ว่าอีกสามนัดที่เหลือ แมนฯ ซิตี้ คลำเป้าแค่เม็ดเดียวเท่านั้นกับลูกโหม่งตีเสมอเอฟเวอร์ตัน ของตัวสำรองที่เพิ่งเปลี่ยนลงไม่ครบนาทีดีอย่างโนลิโต้


        ประสิทธิภาพลดลงไป ความเฉียบคมหายไป


        แมนฯ ซิตี้ คือทีมที่พึ่งพาการเก็บบอล แย่งบอลในแนวรุก กดดันคู่แข่งจนเสียขบวน เหมือนฝูงหมาในที่รุมกินโต๊ะเหยื่อ ตัวหนึ่งล่อ ตัวหนึ่งเข้า ตัวหนึ่งงับขา อีกตัวฉีกแขน แม้เหยื่อจะตัวใหญ่ขนาดไหน แต่ก็โดนโอบล้อมทุกทิศทางจนพลาดท่าเปิดโอกาสให้ถูกเล่นงาน


        ฟุตบอลของแมนฯ ซิตี้ ก็ประมาณนั้น นักเตะแนวรุกตัวเล็กๆ แต่จี๊ดจ๊าด มีความคล่องสูง เปิดเกมโจมตี เดี๋ยวซ้าย ขวา เดี๋ยวทะลุช่อง เดี๋ยวดักข้ามหัวถึงเสาสอง


        ปัญหาในช่วงผลงานฝืด คือการจบสกอร์ เปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตู ทำได้ไม่คมพอ


        กับเซลติกได้ลุ้นยิงถึง 24 ครั้ง เปลี่ยนเป็นสามประตู ส่วนเซลติกยิงเข้ากรอบ 3 หน เป็นสกอร์ทั้งหมด


        กับสเปอร์สโอกาส 12 หน เข้ากรอบ 6 แต่จบด้วยการแพ้เกมศูนย์


        กับเอฟเวอร์ตันนี่ชัดเจน บุกทั้งเกมได้ยิง 19 ครั้ง เข้าเป้า 8 แถมอีกสองจุดโทษ แต่กลับได้มาประตูเดียวเท่ากับทีมเยือนที่ยิงตรงกรอบเพียงสองหนจากโอกาส 3 ครั้ง


        แม้แต่เกมบุกแพ้บาร์เซโลน่า โอกาสของซิตี้ก็มีไม่ใช่น้อย และน่าสนใจว่าถ้าพวกเขาสามารถตีเสมอ 1-1 ได้ก่อนบราโว่ถูกไล่ออกสถานการณ์อาจพลิกไปอีกแบบ


        ปัจจัยอีกข้อที่บางที เข้ามาบวกพอดีในช่วงนี้คือโปรแกรมของแมนฯ ซิตี้ ที่ซอยเท้าออกนอกบ้านแบบถี่ยิบ


        เกมเสมอเอฟเวอร์ตันถือเป็นการลงเตะในบ้านเพียงครั้งเดียวจาก 6 นัดหลังสุด เริ่มตั้งแต่เยือนสวอนซี 2 หนติดๆ กันทั้งในลีกและบอลถ้วย ต่อด้วยเยือนเซลติก, สเปอร์ส ปิดที่บาร์ซ่า


        ทีมเจ้าบ้านเหล่านี้พากันประเคนแข้งรับแขกแบบไม่ยั้ง โดยเฉพาะเซลติก กับ สเปอร์ส งัดลูกหนักบดขยี้ชนิดไม่ให้หายใจหายคอ


        เหตุการณ์ทำนองนี้เป็นเรื่องปกติที่ทุกทีมต้องเจอ คนไทยอาจมีสำนวนว่า "คนล้มอย่าข้าม" แต่ฟุตบอลนี่ตรงข้าม เพราะ "ล้มแล้วต้องซ้ำ"


        ในบรรดาผลงานที่ไม่ชนะทั้งหลาย ยกเว้นนัดแพ้บาร์ซ่า เพราะเป็นไปตามคาด ฟุตบอลของแมนฯ ซิตี้ ยังไม่มีอะไรให้น่าวิตก นอกจากความกังวลว่าการไม่ชนะติดๆ กันอาจส่งผลต่อความมั่นใจ


        ในเกมลีกล่าสุดกับทอฟฟี่สีน้ำเงิน แท็กติกเหนือชั้นของกวาร์ดิโอล่าเกือบจะได้รับคำชม ถ้า เดอ บรอยน์ หรือ อเกวโร่ สังหารจุดโทษเข้าไปสักหนึ่งจากโอกาสถึงสองหน


        แต่พอจบเกม และผลลัพธ์ทำได้แค่เสมอ 1-1 โทนเสียงของแฟนบอลก็เปลี่ยนเป็นความผิดหวัง ไม่พอใจกับสไตล์ของทีมที่เน้นครองบอลเยอะ รับส่งไปมา แต่ผลิตประตูไม่ได้


        บางทีต้องแยกให้ถูกนะครับระหว่างฟุตบอลเล่นดีแต่ขาดโชค กับการเล่นแย่แถมไม่ชนะ


        หลายคนอาจบอกว่าดีที่สุดคือ "เล่นไม่ดี แต่ชนะ" หรือที่เรียกทับศัพท์ว่า winning ugly แต่อย่าลืมว่าคุณไม่มีทางเล่นแย่ๆ แล้วชนะไปได้ตลอด ทฤษฎีนี้มีไว้เผื่อฉุกเฉิน เพื่อเอาตัวรอดจากวันแย่ๆ ที่นานๆ เกิดครั้ง แต่ที่สุดแล้วคุณต้องพึ่งตัวเอง พึ่งพาฟอร์มที่ดีในการลุ้นชัยชนะ


        และเมื่อพูดถึงฟอร์ม ผมรู้สึกว่าแฟนเรือใบไม่จำเป็นต้องตีตนไปก่อนไข้ ทีมยังเล่นดี สร้างสรรค์โอกาสเป็นกระบุงโกย แต่ปัญหา 1-2 ข้อข้างต้นให้แก้ไข


        ย้อนไปเกมเสมอเอฟเวอร์ตัน 1-1 การจัดทีมและวางแท็กติกของเป๊ปจะถูกกลับมารีวิวอย่างชื่นชม ถ้าพวกเขาชนะ


        หมากหลังสามคน จัดทีมเหมือนใช้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับเลรอย ซาเน่ เป็นวิงแบ็ก แต่กลับไม่ใช่ซะทีเดียว


        บนแผนผัง ซิตี้ มาในระบบ 3-4-3 แต่เอาเข้าจริงพวกเขาเล่นฟุตบอลเกมรุกเต็มสูบคล้ายว่ายืน 3-2-4-1


        เซนเตอร์แบ็กตัวข้างคือ กาแอล กลิชี่ กับ นิโกลัส โอตาเมนดี้ คอยฉีกไปเล่นด้านข้าง แฟร์นานดินโญ่ กับ อิลคาย กุนโดกัน สามารถถอยมาช่วยกองหลัง


        ส่วนสเตอร์ลิ่งกับซาเน่ปักหมุดค้ำสูง กดดันคู่แข่งให้ยืนประชิดติดฝาบ้านโดยแทบไม่มีโอกาสตอบโต้


        ทั้งเกมนี้ เอฟเวอร์ตัน ได้ครองบอลไม่ถึง 28 % และมีโอกาสลุ้นยิงแค่ 3 หน ทั้งที่เกรดบอลดูไม่น่าต่างกันขนาดนั้น


        สำหรับผม แมนฯ ซิตี้ ยังโอเคอยู่ รอแค่เวลากลับมาสู่เส้นทางของชัยชนะอีกครั้ง...


มาริโน่

---------------------------------------------------------------

Cr. siamsport. ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทยwww.mcfc.in.th

Views: 528

Reply to This

Replies to This Discussion

บาร์เซโลน่าแทบไม่ผิดพลาดเลย ส่วนซิตี้ต้องใช้คำว่าเพียบ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะซิตี้ กำลังอยู่ในช่วงหัดคลานของกระบวนการสร้างทีม โดยมีต้นแบบคือคู่แข่งอย่างบาร์ซ่า โโยมีเป๊ปเป็นผู้เข้ามาล้างและสร้างระบบใหม่ ผ่านไปแค่สามเดือน แม้เกมบุกแพ้บาร์ซ่า โอกาสของซิตี้ก็มีไม่ใช่น้อย และน่าสนใจว่าถ้าซิตี้สามารถตีเสมอ 1-1 ได้ก่อนบราโว่ถูกไล่ออกสถานการณ์อาจพลิกไปอีกแบบ กับเกมที่แล้วกับเอฟโอกาสเพียบรูปเกมก็ดีกว่าน่าชนะแต่ผลแค่เสมอ รวมทั้งโปรแกรมเตะถี่อาจมีผลให้นักเตะเจ็บและล้าบ้าง โดยรวมถือว่าเขียนวิเคราห์ได้โอเคครับ ซิตี้ ยังโอเคอยู่ รอแค่เวลากลับมาสู่เส้นทางของชัยชนะอีกครั้ง...

เกมกับบาซ่าก็เหมือนกัน โอกาศแรกๆเราก็ลื่นกันเองซะงั้น กับสเปอร์เกมก็ไม่ได้แย่(ต้นเกมพอแลกกะนไป-มาได้)มากโคลารอฟก็สกัดเข้าโกลตัวเองกลายเป็นบอลได้ใจเลย เชลติกครึ่งหลังเริ่มแปปเดียวโคลารอฟก็สกัดผิด กับเอฟเวอร์ตันก็ไม่กี่จังหวะ

วันนี้เอาที่หนึ่งคืนก่อนโอเค

เอาจ่าฝูงกลับคืนมา

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.