Members

ไม่ใช่แค่เงินถัง : เหตุผลที่แท้ทรูของฟอร์มเทพจากแมนฯ ซิตี้ในฤดูกาลนี้

ริงอยู่ที่ ชีค มันซูร์ ได้มอบสมุดเช็กเปล่าให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ช็อปนักเตะที่ต้องการได้ตามใจ แต่หากมองลึกเข้าไปจะพบว่า นั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงของการที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โชว์ฟอร์มไฉไลในฤดูกาลนี้  

คงต้องยอมรับว่า มหกรรมช็อปแหลกเมื่อช่วงซัมเมอร์ ไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงของฟอร์มการเล่นขั้นเทพจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ เพราะต้องยกเครดิตให้กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือคนเก่งของทีมต่างหาก

ซิตี้ถลุงคลังสมบัติจากอาบูดาบีไปถึง 220 ล้านปอนด์ในการซื้อนักเตะช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา มากที่สุดในลีกอย่างไม่ต้องสืบ จำนวนเงินดังกล่าวทำให้หลายคนค่อนแคะว่าเป๊ปนั้นไม่ใช่ยอดกุนซือตัวจริง ที่เขาประสบความสำเร็จกับ บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์น มิวนิค ได้นั้นก๋็เพราะทั้งสองทีมมีนักเตะที่ดีอยู่แล้ว ก่อนจะมาพลาดท่าหงายหลังกับแมนฯ ซิตี้เมื่อปีกลาย และต้องกลบช่องโหว่ในทีมด้วยเงิน 125 ล้านปอนด์เพื่อแลกกับฟูลแบ็ก 3 คน

ความล้มเหลวที่ไม่สามารถเสกแชมป์ใดๆ ให้ทีมเรือใบสีฟ้าเมื่อฤดูกาลก่อนได้เลย กลายเป็นตราบาปที่ฝังลึกในตัวเป๊ปผู้ไร้เทียมทานไปเสียแล้ว ซึ่งเหล่านักวิจารณ์มองว่า ถึงเจ้าตัวจะนำทีมคว้าแชมป์ได้ ก็็กลายเป็นเพียงกุนซือมือเติบอีกรายอยู่ดี แต่หากพ่ายแพ้ขึ้นมาเมื่อไหร่ บอกได้คำเดียวว่า เละ แต่เมื่อมองลึกเข้าไปก็จะพบว่า ผลงานช่วงเปิดฤดูกาลสุดแจ่มนั้นได้สะท้อนถึงพรสวรรค์ที่เขามี เพราะหากมองข้ามเม็ดเงินที่ใช้เสริมทัพก็จะพบว่า แมนฯ ซิตี้ได้เปลี่ยนไปกลายเป็นคนละทีมด้วยวิสัยทัศน์ของกวาร์ดิโอล่าที่เหล่าสาวกยืนยันว่ายังไม่จางหายไปไหน ซึ่งถ้าพูดว่าเป๊ปผู้เก่งกาจกลับมาแล้ว แถมยังกลับมาอย่างยิ่งใหญ่กว่าเดิมก็คงจะได้

 

Pep Guardiola Stoke

ถล่มเจ็ดลูกไม่พอ ขอลูกแปดต่อก๋็ขอให้ยกมือขึ้น

ดีที่สุดในรอบศตวรรษ

แม้กวาร์ดิโอล่าจะพึ่งตลาดซื้อขายนักเตะอย่างหนักหน่วงในฤดูกาลนี้ แต่เมื่อดูแนวทางการเล่นฟุตบอลที่แมนฯ ซิตี้รังสรรค์ เขาก็สมควรได้รับการปรบมืออยู่ดี

 

ถึงตอนนี้แมนฯ ซิตี้ยิงไปแล้ว 29 ประตู เป็นทีมแรกต่อจาก เอฟเวอร์ตัน เมื่อฤดูกาล 1894/95 ที่ยิงช่วง 8 นัดแรกของฤดูกาลในลีกสูงสุดของอังกฤษได้มากถึงขนาดนี้(ปัจจุบันซิตี้ ทำไปแล้ว 9 นัด 32 ประตู)

เพราะแค่ผลการแข่งขันก็ชวนให้ทึ่งแล้ว ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกแล้ว 8 นัด ชนะ 7 เสมอ 1 ไม่แพ้ใคร แถมยังเปิดบ้านถล่ม ลิเวอร์พูล และบุกชนะ เชลซี มาแล้ว รวมถึงเกมที่ยิงชนิดถล่มทลาย 5-0, 6-0, 5-0, 7-2 ที่มีให้เห็นอย่างสม่ำเสมอ ถึงตอนนี้ทีมเรือใบสีฟ้ายิงไปแล้ว 29 ประตู เป็นทีมแรกต่อจาก เอฟเวอร์ตัน เมื่อฤดูกาล 1894/95 ที่ยิงช่วง 8 นัดแรกของฤดูกาลในลีกสูงสุดของอังกฤษได้มากถึงขนาดนี้

พวกเขาไม่เพียงแค่ชนะ แต่ชนะอย่างมีสไตล์ แฟนๆ ของซิตี้ได้ตื่นตาตื่นใจในเกมลีกนัดล่าสุดที่เปิดบ้านถล่ม สโต๊ค ถึง 7-2 กับการกดดันคู่ต่อสู้อย่างหนัก, การผ่านบอลที่เฉียบคม และการจบสกอร์ที่เฉียบขาด ทำให้ทีมที่เคยพลิกชนะ อาร์เซนอล และยันเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงกับหมดสภาพจน มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือของทีมต้องยอมรับว่า “พวกเขาดีกว่าทุกทีมที่เราเคยเจอมาในฤดูกาลนี้”

 

Kevin De Bruyne scores against Chelsea

เควิน เด บรอยน์ เป็นหัวใจสำคัญในผลงานชิ้นเอกที่กวาร์ดิโอล่ากำลังสร้าง

การเล่นที่ลื่นไหลและเปี่ยมประสิทธิภาพเช่นนี้มิได้เกิดขึ้นจากการซื้อเพียงอย่างเดียว เพราะนักเตะใหม่อย่าง แบ็งฌาแม็ง เมนดี้, ไคล์ วอล์คเกอร์, ดานิโล่, เอแดร์สัน และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา เป็นเพียงฟันเฟืองหนึ่งในระบบที่เป๊ปสร้างขึ้นมาเท่านั้น

 

กำลังเสริมยังไม่เปรี้ยง

จากตอนแรกที่เราคิดว่ากวาร์ดิโอล่าคงเปลี่ยน 11 ตัวจริงชนิดมโหฬารด้วยงบประมาณมหาศาล แต่นักเตะใหม่ส่วนใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นตัวจริง กลับต้องนั่งสำรองหรือบาดเจ็บยาวซะอย่างนั้น

เมนดี้ได้ลงเล่นในลีกเพียง 3 นัดก่อนเจ็บยาว ดานิโล่ก็นั่งเป็นตัวสำรองเสียส่วนใหญ่ ขณะที่แบร์นาร์โด้ลงเป็น 11 ตัวจริงในลีกแค่นัดเดียว ด้านเอแดร์สัน ร่างอัพเกรดของ เคลาดิโอ บราโว่ แม้จะลงสนามทุกนัดในลีก (มีนัดนึงที่เล่นไม่จบเกม) แต่ก็ได้เซฟเพียง 11 ครั้งเท่านั้น

คงมีเพียงวอล์คเกอร์ ซึ่งมีบทบาททั้งเกมรุกและเกมรับที่ดูจะมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันด้วยผลงาน 3 แอสซิสต์ แต่ก็ยังไม่ใช่ตัวสำคัญที่ทำให้ทีมขับเคลื่อนอย่างทรงพลังอยู่ดี

 

Pep Guardiola Gabriel Jesus

อีกผลงานชิ้นเอกของกวาร์ดิโอล่ากับแมนฯ ซิตี้ คือการทำให้เชซุสเล่นคู่กับอเกวโร่ได้

และนั่นแหละทำให้เรามองว่า นักเตะใหม่ก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของฟอร์มอันร้อนแรงจากทีมเรือใบสีฟ้า

 

คนเดิมที่คุ้นเคย

เพราะนักเตะที่อยู่กับทีมตั้งแต่ปีแรกที่เป๊ปคุมนั่นแหละที่พัฒนาฟอร์มการเล่นขึ้นมา จนเป็นสาเหตุสำคัญซึ่งช่วยให้ทีมที่จบอันดับ 3 ฤดูกาลก่อนโดยมีคะแนนตามเชลซีทีมแชมป์ถึง 15 คะแนน กลับมาผงาดนำจ่าฝูงในตอนนี้

 ฤดูกาลนี้ ดาบิด ซิลบา ทำไปแล้ว 6 แอสซิสต์ น้อยกว่าที่ทำได้ตลอดฤดูกาลก่อนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

เริ่มจากคู่เซ็นเตอร์แบ็กซึ่งลงสนามในเกมบุกพิชิตเชลซีที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์นั้นคือ นิโกลัส โอตาเมนดี้ กับ จอห์น สโตนส์ คู่เดียวกับที่เคยผลัดกันโดนเผาเครื่องจนยับเยินอยู่เป็นระยะเมื่อฤดูกาลก่อน ส่วน ดาบิด ซิลบา ฤดูกาลนี้ทำไปแล้ว 6 แอสซิสต์ น้อยกว่าที่ทำได้ตลอดฤดูกาลก่อนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ขณะที่แบ็กซ้ายจากเกมลีก 2 นัดหลังสุดก็ไม่ใช่ตัวใหม่ราคาแพงอย่างเมนดี้หรือดานิโล่ แต่เป็น ฟาเบียง เดลฟ์ ผู้ที่เคยถูกลืมนั่นต่างหาก

ปัจจุบันมีนักเตะ 6 คนที่ได้ลงเล่นเกมลีกทุกนัดในฤดูกาลนี้ซึ่งเป็นตัวเดิมจากเมื่อฤดูกาลก่อน แล้วทำไมพวกเขาถึงกลับมาโชว์ฟอร์มเฉิดฉายอีกครั้งได้ล่ะ? “คำตอบคือกวาร์ดิโอล่าที่ให้ความเชื่อมั่นกับนักเตะ เหมือนที่สโตนส์เคยกล่าวว่า “ผมรู้สึกว่าผมพัฒนาขึ้นทั้งในแง่การเป็นผู้เล่นและคนๆ หนึ่ง” เช่นเดียวกับสเตอร์ลิ่งที่บอกว่า “เป๊ปถือเป็นคนสำคัญมากสำหรับผมครับ

 

Raheem Sterling Manchester City

สเตอร์ลิ่งเปลี่ยนเป็นคนใหม่ในฤดูกาลนี้ด้วยมือของเป๊ป

เราเองก็รู้ถึงเรื่องนี้เช่นกัน ก็เพราะมันเคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อไม่นานนี้เอง

เรียนรู้ความแตกต่าง กวาร์ดิโอล่าขึ้นชื่อในเรื่องการรีดความสามารถนักเตะตั้งแต่สมัยที่เขาอยู่กับบาร์ซ่าและบาเยิร์น ซึ่งทั้งสองทีมต่างมีทีมระดับคุณภาพคับแก้วอยู่แล้ว บาร์เซโลน่ากวาด 6 ถ้วยใน 12 เดือนแรกที่เขาคุมทีมก็จริง แต่จุดพีคของทีมชุดนี้เกิดขึ้นในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศปี 2011 ที่พวกเขาถล่มแมนฯ ยูไนเต็ดแบบไร้ทางสู้ 3-1 จน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องยอมรับว่าบาร์ซ่าชุดนี้คือทีมที่ดีที่สุดที่ทีมปีศาจแดงเคยเจอ และแม้ในรอบชิงชนะเลิศปี 2016 บาเยิร์นจะแพ้ แอตเลติโก มาดริด ตกรอบรองชนะเลิศ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือทีมตราหมีก็ยกย่องทีมเสือใต้ชุดนั้นในลักษณะเดียวกัน   สตาฟฟ์ที่บาเยิร์นเคยกล่าวว่า การทำความเข้าใจแท็คติกของเป๊ป ก็เหมือนการสอนภาษาใหม่ให้นักเตะ

ทั้ง 2 เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในปีที่ 3 ของเป๊ปกับสโมสร ซึ่งสะท้อนถึงการพัฒนาทีมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความซับซ้อนของวิธีการที่เขาใช้อีกด้วย เพราะในขณะที่บาร์ซ่าซึมซับกับปรัชญาของกวาร์ดิโอล่า (ซึ่งสอดคล้องกับของสโมสร) ตั้งแต่ต้น บาเยิร์นทั้งทีมกลับตะลึงงันกับสไตล์ของเขา ทั้งๆ ที่พวกเขาคุ้นเคยกับรูปเกมที่เน้นการครองบอลมาแล้วถึง 4 ปีตั้งแต่สมัยของ หลุยส์ ฟาน กัล และ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส จนสตาฟฟ์ที่บาเยิร์นถึงกับกล่าวว่า การทำความเข้าใจแท็คติกของเป๊ป ก็เหมือนการสอนภาษาใหม่ให้นักเตะ

แน่นอนว่าการทำให้สโมสรอย่างซิตี้ สามารถซึมซับแนวคิดของกวาร์ดิโอล่าอย่างถ่องแท้ทั้งๆ ที่ไม่มีรากฐานแบบนี้มาก่อนเป็นงานยาก เพราะผู้เล่นต้องเรียนรู้จากศูนย์ เรียนรู้การทำเกมบุก, การยืนตำแหน่ง รวมถึงการเคลื่อนที่ให้สัมพันธ์กัน ซึ่งสิ่งเหล่านั้นต้องใช้เทคนิค, ความคิด และประสาทสัมผัสที่ไวมาก จนแม้แต่ตัวกุนซือยังเคยพูดเมื่อปีก่อนว่า “คุณคงนึกไม่ถึงหรอกว่าการสร้างอะไรสักอย่างขึ้นมานั้นยากขนาดไหน”

ปัจจุบันเปอร์เซ็นต์การครองบอลและเปอร์เซ็นต์การผ่านบอลสำเร็จของแมนฯ ซิตี้สูงขึ้นกว่าเดิม ขณะเดียวกันกองหลังของทีมก็เหนียวแน่นขึ้น จนสามารถจำกัดโอกาสทำประตูของคู่แข่งจนเหลือค่าเฉลี่ยเพียง 6.3 ครั้ง

Views: 760

Reply to This

Replies to This Discussion

เห็นด้วยครับ เป๊ปเสริมก็จริงเพราะปล่อยแบ็คตัวอายุเยอะออกเสริมอายุน้อยเข้ามาทดแทน แต่การขับเคลื่อนถ้าดูกันจริงๆจะเป็นนักเตะชุดเดิๆที่เพิ่มเติมคือความั่นใจ และสไตล์การเล่นที่ลงตัวในฤดกาลนี้ เดลฟ์จอมเจ็บกลายาลงตัวจริงแทน เมนดี้ท่เจ็บแทนที่จะเป็นดานิโล่ สโตน โอตาเมนดี้ปีก่อนที่ดูเหมือนจับคู่กันเป็นบ่อน้ำมันกลับกลายเป็นปราการหิน เดอ บรอยน์ ซิลบา ช่วยกันบัญชาเกมรุกให้ตัวรุกอย่าง กุน เฆซุส ลิ่ง ซาเน่พร้อมจบสกอร์ แฟร์นันดินโญ่ก็คืนฟอร์มเก่ง บวกได้เอแดร์สันประตูมือดี อ่านเกมขาด วางบอลเทพทั้งมอเท้า โดยรวมล้วจึงไม่ใช่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียวถึงจะทำได้ คนๆคนั้นต้องเข้าใจในศาสตร์ฟตบอลอย่างถ่องแอท้ด้วย และหนึ่งในนั้นคือ เป๊ปกวาร์ดิโอล่า

ไม่แปลกที่สุดยอดโค้ชอย่างเป๊บ ต้องใช้เงินมหาศาลซื้อนักเตะมาเข้าทีม

เปรียบเทียบเห็นภาพง่ายๆ ก็เปรียบได้กับเชฟโรงแรมห้าดาว

เชฟระดับนี้ ต้องการวัตถุดิบทึ่ดีที่สุดระดับห้าดาวเช่นกัน

เพื่อรังสรรค์เมนูระดับห้าดาว ที่จะขายได้ในราคาแพงระยับจานละเป็นหมื่น

เอาเชฟระดับห้าดาว มาใช้วัตถุดิบดาษๆที่หาได้ตามตลาดหน้าปากซอย

เพื่อมาผัดข้าวผัดจานละ 40-50 บาท มันก็คงตลกละ

ประเด็นจึงคงไม่ได้อยู่ที่ว่าเชฟห้าดาว จะซื้อกุ้งมังกรราคาแพงระยับมาทำต้มยำ

ประเด็นอยู่ที่ว่า แล้วต้มยำชามละหมื่นอันนั้น มันหรูหรา และรสชาติสมราคาหรือเปล่า

ซึ่งถ้าดูจากผลงานเป๊บ ณ วันนี้ ก็ต้องนับว่า สมราคา !

ฝรั่งนักวิพากษ์บางรายบอกว่า ถึงเป๊บจะใช้เงินมาก แต่ก็ยังคงต้องให้เครดิตเป๊บ

เพราะถ้าเอาโค้ชคนอื่นมาทำทีม เช่นอันเชลล้อตติ หรือฟานกัล หรือเดวิด มอยส์

ต่อให้ประเคนเงินให้โค้ชอื่นเหล่านี้ ก็ใช่ว่าจะได้ทีมในสไตล์แบบที่เป๊บกำลังปั้นอยู่นี้

ยกตัวอย่างง่ายๆก็เพื่อนบ้านผู้ปากมากอย่างจ่ามูทีมแมงยูนะแหละ

ใช้เงินไปก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเรือใบเท่าไหร่ร่อก

แต่ดันแขวะมาว่าทีมตัวเองใช้เงินเยอะจริง ซื้อจริง แต่ได้นักเตะเกรดเอ

ส่วนทีมอื่น อย่างแมนซิ ใช้เงิน 50 ล้าน ซื้อนักเตะที่ควรราคา 25 ล้านอย่างไคล์ วอล์เก้อร์

แขวะว่าทีมอื่นใช้เงินมหาศาล ไปซื้อนักเตะดาษๆเกรดบี

อืมม์.. ถ้าลูกากรูฟอร์มตก เสียราคานักเตะเกรดเอ

ถ้าแมนซิเกิดคว้าแชมป์ได้ ด้วยนักเตะเกรดบีอย่างวอล์เก้อร์

อย่างเดอบรอย ที่มูมันไม่เห็นค่า

ถ้าฤดูกาลนี้จ่ามูพลาด ถ้าเรือใบไม่ดวงซวย คว้าแชมป์ได้

จ่ามูก็รอวันเสียหมูละกัลล์  เอิ้กๆๆ...

วัตถุดิบดี กุ๊ก ก็ต้องฝีมือดีด้วย มันถึงจะเข้าก๊านเข้ากัน

เอาง่าย ๆ อันเช่ สุดยอดกุนซือเกรดเดียวกันกับเป๊ป

มารับเสือใต้ต่อจากเป๊ปด้วยนักเตะชุดเดียวกัน

แต่กลับอยู่ได้แค่ปีเดียว แล้วโดนไล่ออก

แสดงว่าอันเช่ไม่เก่งก็คงไม่ใช่

แต่คงเป็นความสัมพันธ์กับลูกทีมภายในองค์กรมากกว่า

ซึ่งตรงจุดนี้ เป๊ปคงทำได้ดีกว่า

ไม่งั้นปีแรกที่มารับเผือกร้อนที่บาร์ซ๋า

จากโค้ชที่ไม่มีชื่อชั้นเกียรติยศเลยด้วยซ้ำ

สามารถพาบาร์ซ่ากวาดแชมป์ได้ทุกแชมป์ภายในปีแรกที่เข้าคุม

ในขณะที่มาดริดมีสตาร์ระดับโลกเต็มทีม

ตอนนั้นเมสซี่ก็เพิ่งเกิด ยังไม่ใช่ตัวแบกทีมอย่างปัจจุบันนี้ด้วยซ้ำ

ปีแรกที่ซิตี้ แชมป์ว่าวทุกรายการโดนด่าจากทั่วสารทิศ ว่าของปลอม

ตอนนี้ แค่ทำทีมชนะรวด 11 รายการ แถมยิงแบบถล่มทลาย

แต่ก็ผ่านเพียงแค่ 9 นัดยังไม่การันตีการได้แชมป์ใด ๆ เลย

แต่เพียงเพราะการเล่นของซิตี้ที่มีเกมส์รุกสวยงาม ยิงถล่มทลายแทบทุกนัด

จนทำให้กูรูหลายคนเริ่มยอมรับ ถึงขั้นพูดว่า ชนะแบบเป๊ป นี้แหละทีมของเป๊ป(ที่แท้ทรู)

แจ่มครับ

ปลื้มปริ่มยิ้มสวย 555

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.