Members

“เวอร์ๆ... ว่างๆก็มาวิจารณ์บอลคู่ แมนฯซิตี้ นัดที่แข่งกับ บาซ่า ในบล็อกพี่ให้หน่อยดิ๊ จะเอาไปเป็นเนื้อหาประกอบ Clip”

เป็นข้อความที่สมาชิกวัยทีนเอจ*(Teenage) อย่างพี่ CC (สมาชิกรุ่นพี่ที่ผมนิยมแต่งเติมศักดินานำหน้าชื่อให้ว่า “ป๋า”) บรรจงเคาะแป้นพิมผ่านหน้าต่าง MSN ทักทายกันเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมานี้เอง

*จริงๆแล้วผมตั้งใจจะบอกว่า วัยทีนเอจ ในช่วงกาลสมัยที่ จอห์นนี่ แอนด์ หลุยส์ แร๊ปเตอร์ กำลังดังเป็นเสียงหม้อแปรงระเบิดอยู่ ณ เพลานั้นต่างหากครับ...(555+อะล้อเล่งๆน่า)

ไอ่ตอนเริ่มแรกก็เกิดอาการฉงนอยู่บ้างเล็กน้อยถึงปานกลางว่า เรือใบสีฟ้า จะมีคิวเตะกับ บาซ่า เป็นนัดล้างตาคำรบสองหรืออย่างไร จึงถาม(ป๋า)กลับไป(ซื่อๆ)ว่า “เอ่อ... ป๋าครับ ป๋าหมายถึง นัดไหน นัดอุ่นเครื่องที่เราชนะไป 1-0 นั่นหรือเปล่า???” ป๋า CC ตอบอย่างชิลๆว่า “เยส นัดนั้นแหละ เวอร์”

...เรียนป๋า CC อย่างตรงไปตรงมาจากใจนาย (ริ)เวอร์ ว่านอกจากเพลย์ที่ SI 7 แทงบอลทะลุช่องในจังหวะสวนกลับให้ มาร์ติน เปตรอฟ หลุดเข้าไปตะบันด้วยแข้งซ้ายข้างถนัดผ่านมือ โฆเซ่ มานูเอล ปินโต้ นายด่านสำรองสังกัดทีมเลือดหมูน้ำเงิน เป็นประตูโทนเพียงประตูเดียวของเกมในค่ำคืนแห่งความทรงจำ ณ คัมป์ นู แล้ว รายละเอียดจากการถ่ายทอดสดผ่านอินเตอร์เน็ตในส่วนอื่นๆเท่าที่ผมจำได้นั้นแทบไม่ข้องเกี่ยวกับรูปเกม หรือระบ่งระบบการเล่นของทั้งสองทีมเล้ยยย

คือหากจะไว้วางใจให้ผมวิเคราะห์รูปแบบการเล่นในแมตช์ดังกล่าว(จริงๆ) แนะนำให้ป๋าคิดใหม่ทำใหม่ซะเดี๋ยวนี้!!! ถ้าไม่อยากให้ใครเค้ามาก่อม๊อบไล่(ทั้งผมและป๋า)...เฮ้ยยยไม่เกี่ยว!!! ...หรือไม่ยังไงลองเปลี่ยนหัวเรื่องซะใหม่ ให้ผมวิเคราะห์ สไตล์การแต่งตัวของ เป็บ กวอดิโอล่า หรือ วิจารณ์ความเขียวชอุ่มของผืนหญ้าที่ทอดตระหง่านอยู่ ณ จุดกึ่งกลางชามใบเขื่องแห่งเมืองจากแคว้นกาตาลัน ยังจะดีเสียกว่า(นะฮะ คอนเฟิร์ม)

เป๊บ กวอดิโอล่า กับ สไตล์การแต่งตัวเท่ๆดุจนายแบบโฆษณา ออกลีลาเซิ้ง คุมเชิงลูกทีมอยู่ข้างสนาม

เรื่องของเรื่องคือ...ผม...ความจำสั้น <(ก็เค้าเตะแมตช์เป็นทางการกันไปแล้ว 3 นัด ฟอร์มนัดอุ่นแข้งผมลืมหมดแล้วฮะ)และ...สันหลังยาว <(คือขี้เกียจไปโหลด Full match มานั่งดูฮะ ยิงกันลูกเดียวเอง ถ้ายิงกันสัก 7 ลูกค่อยน่าโหลดมาเก็บหน่อยฮะ)

พี่ CC Chaiya หล่นวาจาเป็นการสารภาพความใน ว่าชื่นชอบสาวคนหนึ่งบนหน้าเว็บไซต์ mcfc.in.th...เย้ยยย!!! มะช่ายยย อันที่จริงแกบอกว่าหลงใหลสไตล์การทำทีมของ ผจก มือใหม่หัดคุมอย่าง โจเซ๊ป กวอดิโอล่า เข้าอย่างจัง ต่างหาก(ว่าไปนั่น) ครั้นเห็นทีมโปรดยกพลมาเฉือนคมทัพเจ้าบุญทุ่มแห่งสเปนภายใต้บัญชาการของ ผจก. ทีมในดวงใจได้สำเร็จเสร็จสิ้นตามเป้าหมาย ก็แน่นอนว่าสร้างความประทับใจแก่ ป๋า เป็นที่สุด(อยู่แล้นนน)ครับ และถึงแม้จะเป็นเพียงแค่แมตช์อุ่นเครื่อง แต่ก็อาจนับได้ว่าเป็นผลงานสุดคลาสสิคประจำฤดูกาล 2009/10 ของทีมยักษ์หัดเดินจากเมือง แมนเชสเตอร์ เลยทีเดียว

ว่ากันว่าการโค่นเจ้ายุโรปปีล่าสุดลงได้นับเป็นกำลังใจชั้นดีแก่สลัดเรือสำเภาทั้งหน้าใหม่หน้าเก่า ปลุกเร้าบรรยากาศภายในห้องแต่งตัว ให้คุกรุ่นไปด้วยความมั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยม และพร้อมแล้วสำหรับการเผชิญหน้ากับทีมยักษ์ใหญ่ทั้งใน -นอกสหราชอณาจักร...

และ...ยักษ์ตนแรกที่มีโปรแกรมมาเยือนแถบอีสแลนด์แดนอีสาน ได้แก่ เดอะ ไจแอนท์ วัยเยาว์(แต่หน้าเหี๊ยวเหี่ยว) มีภูมิลำเนาอยู่ใจกลางกรุงลอนดอน นามว่า อาเซน่อล นั่นเอง


ด้วยความที่มีดีกรีเป็นทีมใหญ่ระดับ Big 4 ของลีกซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าป๊อบปูล่าที่สุดในโลกอย่าง Barclays Premier League และเป็นหนึ่งในทีมที่เล่นฟุตบอลได้สวยงาม+น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของยุโรปในช่วงทศวรรษให้หลังมานี้ เป้าหมายของ "ไอ้ปืนใหญ่" อาเซน่อล เอฟ ซี ภายใต้การรั้งบังเหียนของ กุนซือเฟรนชแมน - อาร์แซน เวนเกอร์ จึงมักถูกตั้งเอาไว้ ณ จุดสูงสุดของ ปลายทางการแข่งขันเสมอๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จุดสูงสุดที่ว่านั่นก็คือ บัลลังแชมป์ พรีเมีย ลีก นั่นปะไรครับ

อาเซน่อลกับถ้วยแชมป์:

แชมป์ พรีเมียร์ลีก 3 สมัย ปี 1997-1998,2001-2002,2003-2004
แชมป์ เอฟเอ คัพ 4 สมัย* 1997-1998,2001-2002,2002-2003,2004-2005


*หมายเหตุ*นับเฉพาะช่วงเวลาที่ เวนเกอร์ เข้ามาคุมทีมนะครับ

แม้เกียรติประวัติของ เดอะ กันเนอร์ส ในช่วงสิบปีให้หลังอาจดูน่ายำเกรงอยู่บ้าง แต่ความเป็นจริงแล้ว ปืนใหญ่แห่งนครลอนดอนทีมนี้ ไม่อาจไขว่คว้าหาโทรฟี่มาประดับตู้โชว์ของสโมสรได้เลยตลอดระยะเวลา 4 ฤดูกาลหลังสุด ก็จริงอยู่ครับที่ชื่อชั้นนั้นอาจยังพอมีเอี่ยว ให้ได้ลุ้นได้เสียวอยู่ในกลุ่มหัวตารางท่ามกลางทีมลุ้นแชมป์ด้วยกัน แต่เมื่อเอาเข้าจริงๆไหงช่วงท้ายฤดูกาลทีไร เป้าหมายผันแปรกลายเป็นแค่รักษาโควต้าอันดับ 4 ไว้ให้ได้เป็นพอเพียงเท่านั้น(เง้อออ!!!)

ผนวกกับสถานการณ์ในปีล่าสุด ที่กุนซือหนังหน้าเหี่ยวทำการเสริมทัพสุดกระจุ๋มกระจิ๋ม คิ๊ขุ อาโนเน๊ะ ตามแบบฉบับที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยการเจียดเม็ดเงินราว 5 ล้านปอนด์ เพื่อเป็นค่างวดให้ อาแจ็กส์ อัมสเตอร์ดาม พิจารณาปล่อยตัว ธอมัส แฟร์มาเล่น ปราการหลังทีมชาติเบลเยียม แลกกับสิทธิ์ที่จะได้มาโชว์เพลงแข้งในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดียม ด้วยสัญญาระยะยาว 4 ปี

นอกเหนือจาก แฟร์มาเล่น แล้วก็ยังมี...มี...มี...มีเท่านั้นแหละครับ...(กร่อย)

ธอมัส แฟร์มาเล่น เป็นนักเตะเพียงรายเดียวที่ อาร์แซน เวนเกอร์ เจรจาคว้าตัวเข้ามาเพื่ออุดรอยรั่วที่ โคโล ตูเร่ ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า(หล่อๆ) เท่านั้นไม่พอยอดทีมจากกรุงลอนดอนยังจัดแจงทำธุรกิจที่(แฟนๆกูนเนอร์ส เออ ออ ห่อหมก คิดเอาเองว่า)สุดแสนจะคุ้มค่า ด้วยการบรรจุหีบห่อ “สากจากกาฬทวีป” ก่อนส่งมอบเป็นของชำร่วยในราคาพอเหมาะ 25 ล้านปอนด์ เหนาะๆ ให้น้อง มาร์ค(ฮิวจ์) แห่งเรือใบสีฟ้า รีบนำไปใช้งาน(ตำน้ำพริก)ต่อ

อเดบายอร์ สมัยครั้งยังร่วมงานกับ เวนเกอร์ ภายใต้สีเสื้อของ อาเซนอล

มานู อเดบายอร์ ที่แฟนๆ อาร์เซนอล ส่วนใหญ่ทั้งไทยและเทศออกอาการยี้ ไม่ค่อยชอบขี้หน้าสักเท่าไหร่นัก ด้วยเหตุผลหลักๆคือ สันหลังยาว(ก็ไม่รู้ว่าความจำสั้นด้วยรึเปล่า) ไม่ได้หมายถึงหุ่นที่สูงชะลูดเหมือนเสากระโดงเรือหรืออะไรเทือกนั้นหรอกนะฮะ แต่เป็นคำเปรียบเปรยถึงความเกียจคร้านของเจ้าตัวที่แสดงออกในสนามตลอดระยะเวลาที่ลงเล่นให้สังกัดเก่า บ่อยครั้งที่ แฟนกูนส์ บางกลุ่มถึงขั้นบ่นอุบว่ารับไม่ได้กับ วินัยบนผืนหญ้าของดาวเตะทีมชาติโตโก ที่มักหลุดมาให้เห็นอยู่เป็นประจำ

ไม่ว่าจะเป็น การเดินทอดน่องอยู่ในแดนหน้า ไม่เช็คลายตัวเองกับกองหลังฝั่งตรงข้าม ,ไม่วิ่งไล่เมื่อทำบอลลั่น+เล่นพลาด หรือกรณีใดๆก็ตาม

อีกประเด็นที่ทำให้แฟน ปืนใหญ่ เอือมระอา สุดๆก็คือ พฤติกรรมการทำตัวให้เป็นข่าวพัวพันกับทีมชั้นนำในยุโรปอยู่เป็นนิจ ไม่ว่าจะเป็น เอซี มิลาน , บาร์เซโลน่า หรือแม้กระทั่งคู่ปรับร่วมกรุงลอนดอนอย่าง เชลซี ซึ่งไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร เหตุผลเหล่านี้ก็เพียงพอต่อการทำให้เหล่า Goon’s Supporters (ส่วนใหญ่)หมดใจและพร้อมหันหลังให้กับดาวยิงก้านยาวผู้นี้ไปเรียบร้อยแล้ว(มั้ง)

แต่นั่นก็เป็นเรื่องของแฟนบอล อาร์เซนอล ครับ เพราะ ณ ปัจจุบันกาล เอ็มมานูเอล เชยี่ อเดบายอร์ เป็นทรัพย์สมบัติของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทำทีว่าจะกลายเป็นสมบัติอันล้ำค่าเสียด้วยสิ ด้วยผลงานสุดบรรเจิด ลงเท่าไหร่ยิงเท่านั้น(3 นัด 3 ประตู ในลีก) ไม่แน่ใจว่าแฟนเรือใบจะรู้สึกเซ็งกันบ้างไหมนะ ก็พี่แกเล่นไม่สมกับฉายา “สาก” เลยสักนิด ออกแนว “สากนะแต่ไม่แสดงออก” เสียมากกว่า คือมองไม่ออกเลยว่าสากตรงไหน เห็นยิงเอาๆ

จะว่าไปแล้ว ศูนย์หน้าที่เคยรั้งอันดับรองดาวซัลโว พรีเมีย ชิพ ด้วย ผลงานระเบิดระเบ้อ ซัดถึง 24 ประตูเฉพาะในลีก แต่กลับได้รับฉายาว่า “สาก” ซะอย่างนั้น ฟังๆดูก็ทะแม่งๆดีเหมือนกันนะครับ ผมไม่แน่ใจว่า เหล่า กองทุนผู้สนับสนุนพลแม่นปืน คุ้นตากับลีลาการสอยตาข่ายเป็นว่าเล่นของดาวยิง เลเจนดารี่ แห่งเมืองน้ำหอมอย่าง เธียร์รี่ อองรี ชนิดง้างเท้าตะบันเมื่อไหร่เป็นได้ประตู หรืออย่างไรกัน...

ส่วนตัวผมเคยร่วมวงสนทนาภาษาลูกหนังกับแฟนบอล อาเซน่อล ซึ่งเป็นผองเพื่อนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน เค้าว่างี้ครับ...

เค้าบอกว่า...”หากเทียบโอกาสที่ บ้ายอ ได้รับ เมื่อดูจากอัตราการสร้างสรรค์เกมรุกของเพื่อนร่วมทีมด้วยแล้ว ในที่นี้ ถ้าเปลี่ยนหมอเป็น เอโต้ หรือ บีย่า ละก็ คงไม่แคล้วยิงได้อย่างน้อย 50 ประตู/ฤดูกาลแหงมๆ(ไอ้บ้า)” และยังเสริมอีกด้วยว่าที่ยิงสลุดได้เพราะ เชส เตะบอลอัดให้โดนตัวเข้าบ้างอะไรบ้างต่างหาก(กรรมส์)... คือมันกำลังจะบอกว่า ต่อให้บายอยืนเป็น สากกระเบือ อยู่เฉยๆ เดี๋ยว เชส ก็เล็งเหลี่ยมเตะอัดกระหม่อม(โหม่ง) ข้างเท้าด้านใน(แป) หลังเท้า(เต็มข้อ) ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่ามันเข้าใจผิดนึกว่า ฟาเบรกาส เป็นนักกีฬาบิลเลียดหรือไงเล่าเอย???

จริงอยู่ที่ อะ-เด อาจไม่ใช่กองหน้าประเภทโป้งปิดบัญชี แต่ด้วยเทคนิค และ เซนส์บอล บวกกับสไตล์การเล่นที่ชอบมีส่วนร่วมกับเกมตลอดเวลา คุณสมบัติเหล่านี้จะคอยป่วนสมาธิแผงหลังฝั่งตรงข้ามให้หลุดจากตำแหน่งง่ายๆได้เหมือนกัน อีกทั้งองค์ประกอบโดยรวมภายในทีมของ เดอะ ซิติเซ่นส์ ที่แตกต่างจาก อาเซน่อล โดยสิ้นเชิง ทั้งการปรับเปลี่ยนผู้เล่นที่มีให้เลือกใช้งานหลากหลายไปตามแทคติคที่เหมาะสม เกมสวนกลับที่รวดเร็วของ เบลลามี่ และ SWP เทคนิคพลิกแพลงเหนือความคาดหมายของ โรบินโย่ หรือจะเป็นลูกขยันไล่กัดไม่ปล่อยของ คาร์ลอส “คาร์ลิตอส” เตเวส

มันคงเป็นเรื่องเยี่ยมมาก เมื่อกวาดสายตามองดูรอบๆและเห็นเพื่อนร่วมทีมฝีเท้าระดับสุดยอด คอยให้การสนับสนุนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล อย่างน้อยๆก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ความหวังทั้งหมดในการทำประตู ไม่ต้องแบกรับความกดดันไว้บนบ่าทั้ง2ข้างให้มากจนเกินไป เพราะในทีมยังมีดาวเตะรายอื่นๆที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ตรงนี้ได้ตลอดเวลา

ไม่ได้กำลังจะทำนายทายทักว่า “เดอะสาก” จะทำผลงานได้เปรี้ยงปร้างไฉไลภายใต้เสื้อสีฟ้าสดใสของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปตลอดกระทั่งจบฤดูกาล และอาจบอกไม่ได้เช่นกันว่าแมตช์ในค่ำคืนวันเสาร์นี้ อเดบายอร์ จะสามารถแผลงฤทธิ์ ยิงใส่ทีมที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นดั่ง อู่ข้าวอู่น้ำ ของเจ้าตัวได้ทันท่วงทีเลยหรือเปล่า แต่ไม่ว่าดาวยิงมาดผู้กองจะมีชื่อติดโผเป็นผู้ทำประตูด้วยหรือไม่นั้น คงไม่สำคัญเท่ากับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้ "ทัพเรือใบ" เก็บชัยชนะเหนือต้นสังกัดเก่าได้สำเร็จ ต่อหน้ามหาชนชาว CITID ผู้มีเลือดสีฟ้าไหลเวียนอยู่ทั่วร่างนับหมื่นชีวิต

"เดอะสาก" แปลงร่างมาสวมยูนิฟอร์มสีฟ้าของ ซิตี้ เรียบร้อย มาปุ๊บเสนอขายร้องเท้าปั๊บ หาซื้อได้ตาม JJ ครับ(555+ล้อเล่นนนน)

อาร์แซน เวนเกอร์ อาจเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าจะวางแผนรับมือ ดาวยิงเจ้าปัญหา รายนี้อย่างไร การปล่อยให้ No.1 Striker ของทีมย้ายค่ายได้โดยอิสระ น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ผ่านกระบวนการคิดอย่างถ้วนถี่แล้วของ ขงเบ้งลูกหนังชาวเมือง สตราสบูร์ก

อะ-เด คงไม่สามารถเป็น "หอกข้างแคร่" Against ทีมของเจ๊ เวน ได้(???) ในเมื่อเจ้าตัวถูกสบประมาท ว่าเป็นเพียงแค่ สากกระเบือทื่อๆแท้ๆ แต่ไหนแต่ไรมา แม้ ณ เวลาที่ยังเป็นหนึ่งในขุนพลเอกแห่ง ทัพปืนโต นั่นก็ด้วย

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นแนวคิดที่ผิดหรือถูกของ อดีตกุนซือ โมนาโก ตราบใดที่ผลการแข่งขันยังไม่ปรากฏ... บางทีทัพ ยังกันส์ รวมถึง ยอดผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศส อาจมีโอกาสได้ลิ้มรสชาด ของฝาก(สาก)จากเรือใบ ในเกม ลีก นัดสุดสัปดาห์นี้เลย ว่าความเจ็บปวดเวลาถูก สากกระเบือ ฟาดเข้าจั๋งๆ มันเป็นอย่างไร...

อาจไม่ถึงขั้นตายหรอกครับ แต่ไม่มีร่องรอยฟกช้ำดำเขียวบ้างให้มันรู้ไป...

River.

Views: 425

Reply to This

Replies to This Discussion

ขอบคุณครับ...ข้อมูลยาวจังแต่ยังเยี่ยม พรุ่งนี้รู้หมู่จ่า
55555555+

อาร์เซน่อล เขาเน้นต่อบอลเป็นตำแหน่ง เล่นเป็นระบบ

ส่วนแมนซิตี้ เน้นต่อบอล เติมเกมส์รุก อเดบายอร์ สไตล์คือการพักบอลและการมีส่วนร่วมในเกมส์ตลอดเวลา ถึงยิงไม่คมกริบ แต่ก็มีอย่างอื่นทดแทน ทั้งความแข็งแกร่ง ความเร็ว การเลี้ยงบอล จังหวะการเล่น มีอเดบายอร์คนเดียว กองหลังฝั่งตรงข้ามหัวหมุนกระจุยกระจาย เพราะไม่รู้จะรับมือยังไงดี ได้บอลมา ทำท่าจะไปเอง กองหลังตั้งหลักรอแล้ว อ้าว! ตอกส้นส่งให้ไอร์แลนด์ซะงั้น พลาดกันหมด เช็คไลน์ก็พลาด งานนี้ก็เลยเสร็จโก๋

อะไรประมาณนี้แหละครับ แต่เรื่องที่ผมไม่ค่อยชอบเขาอย่างนึงก็คือ การไม่ค่อยเช็คไลน์ของทีมฝั่งตรงข้าม ถึงตอนนี้จะไม่ค่อยมีแล้ว แต่ว่าแต่ก่อนขึ้นชื่อลือชามาก

หรืออาจเป็นเพราะแทคติกของทีมด้วยก็ไม่ทราบ


ปล. โรบิญโญ่เมื่อไหร่จะกลับมาเล่นดีซักทีเน้อ
ข้อมูลยาวๆก้ไม่เป็นไร เช้าๆพอมีเวลาอ่าน
คืนนี้ยังมองเกมส์ของแมนซิตี้ฯไม่ออก
เพราะยังไม่รู้ตัวผู้เล่นเลยว่าเป็นใครบ้าง
รอความชัดเจนอีกนิด สมองค่อยทำงาน
และขอบคุณสำหรับข้อมูลเช้านี้
ชอบอีตาเป็บแต่งตัวสไตล์ไอ้หนุ่มรอคเกอร์


แล้วคู่แมนซิกับอาร์เซ สำนักอาซ้อหูฉลามเค๊าวิจารณ์ว่ายังไงบ้างอ่าครับ..........
พวกเราชาวเรือสีฟ้า อย่างน้อยเราต้องยิงปืนสัก 2 เม็ดครับ ระบบการเล่นของเรา
อาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทาง ทีมทุกตำแหน่งมีความสามารถเฉพาะตัวสูง
ฉะนั้นวันนี้เล่นเข้าขา ปืนก็ปืนเถอะ โดนเรือมายิงถึงบนบกแน่ จัดไปสวยๆครับ แมนซิฯชนะ 4-0 ครับ
UP UP UP ป๋ากำลังดันกระทู้
ฮี่ๆๆๆๆๆ ปืนแพ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สาก นะ 3 ลูกแล้ว 555+
ครับ!..วิเคราะห์ ได้เก่ง..และก็เป็นจริงด้วย

ผลสรุปออกมา อา-บา เขาลบคำสบประมาท ได้แล้ว

แฟนๆ"แมนซิ" ทุกๆคนก็เห็น (เอาใจช่วยเชียร์เขาหน่อยครับ)

แต่ที่น่าสงสาร เขาอาจโดน "สมาพันธ์บอลอังกฤษ"ลงโทษ

ห้ามลงอีกกี่นัดไม่ทราบ..ที่ไปดีใจออกหน้าออกตา เยาะเย้ยทีมเก่าของเขา(มันสะใจนะ)

ก็จะคอยเป็นกำลังใจให้เขาตลอดแล้วกัน"โชคดี อาเดบายอร์" ขอบคุณครับ!.....

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.