Members

สิ่งที่ได้เห็นจากแมนเชสเตอร์ดาร์บี้

ปฏิ กริยาของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หลังจบเกมแมนเชสเตอร์ดาร์บี้แมตช์ ต้องบอกว่าดูขัดๆกันเองชอบกล หลังออกมายอมรับว่านี่คือเกมดาร์บี้แมตช์ที่ดีที่สุดตลอดกาล


ทั้ง นี้ก่อนหน้านี้พยายามเหน็บแนมทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทางอ้อมโดยบอกว่าดาร์บี้แมตช์สำหรับเฟอร์กี้ มันคือเกมระหว่าง "ผีแดง" กับ "หงส์แดง" เท่านั้น

อย่างไรก็ดี เฟอร์กี้ ไม่วายที่จะหยิกคู่แข่งร่วมเมืองอีกแผลเล็กๆว่าประตูชัยของ ไมเคิล โอเว่น ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 6
นั้นช่วยทำให้ "เพื่อนบ้านที่ส่งเสียงดัง" สงบเสงี่ยมเจียมตัวไปได้อีกเยอะ

แต่แน่ใจหรือว่าจะสงบเสงี่ยมจริง?

ที่หยิบเอาปฏิกริยาของเฟอร์กี้ มาเปิดหัวก่อนนั้นเป็นเพราะว่าถ้าสังเกตกระแสข่าวให้ดีจะพบว่า กุนซือระดับซือแป๋อย่างเฟอร์กี้ ดูจะมีอาการ "น็อตหลุด" มากเป็นพิเศษในช่วงนี้เมื่อมีการพูดถึงเรื่องของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

แม้กระทั่งประเด็นเรื่อง "ป้าย" ที่ฝั่งซิตี้ ทำแสบด้วยการเอารูปคาร์ลอส เตเวซ มาปรินท์เป็นคัตเอาท์ขนาดใหญ่สีฟ้าแล้วแปะไว้กลางเมือง แค่นี้ยังสามารถสร้างความเดือดดาลให้กับกุนซือผู้มากประสบการณ์ได้อย่าง เหลือเชื่อ

มาร์ค ฮิวจ์ส ซึ่งเคยเป็นศิษย์ก้นกุฏิในยุคเรืองรองช่วงแรกของแมนฯ ยูไนเต็ด ยังยอมรับว่าแปลกใจ และรู้สึก "ขบขัน" ที่เห็นอาจารย์ใหญ่มีอาการแบบนั้น

ว่ากันว่าที่ เฟอร์กี้ มีอาการทุกครั้งที่ต้องวกเข้าประเด็นซิตี้นั้นมันมีอยู่
2 เหตุผลด้วยกัน

1. รำคาญ

และ 2. กลัว

โดยส่วนตัวของผู้เขียนแล้ว มองไปในที่ข้อ
2 มากกว่า ว่าเฟอร์กี้ น่าจะมีอาการ "กังวล" เกี่ยวกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของ ซิตี้ ทีมคู่ปรับร่วมเมือง ที่มี "ศักยภาพ" มากเกินพอที่จะประสบความสำเร็จได้ในอนาคต

กับลิเวอร์พูล มันก็คู่ปรับตลอดกาลเหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็อยู่กันคนละเมือง ในเรื่องของความรู้สึกมันย่อมแตกต่างจากทีมร่วมเมืองอย่างซิตี้ ที่อยู่ใต้จมูกตัวเองมาลอด

ถ้าถึงวันนึงจะเป็นฝั่ง "สีฟ้า" ขึ้นมาใหญ่บ้าง เกรงว่าเฟอร์กี้ จะทำใจรับไม่ได้

นั่นน่าจะเห็นเหตุผลที่ทำให้กุนซือระดับตำนานแสดงอาการ
Passion กับเกมนัดนี้ให้เห็นมากเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ดีถ้าได้ชมเกมที่ ซิตี้ ถูกยูไนเต็ด "โกงความตาย" อย่างฉิวเฉียดอีกครั้ง เราย่อมน่าจะเข้าใจว่าทำไม เฟอร์กี้ หรืออีกหลายๆคนในวงการจะแสดงความกังวลต่ออนาคตของทีมนี้

ซิตี น่ากลัวขึ้นจริงๆ โดยเฉพาะในเรื่องของจิตใจ หรือ
Mentality

มาร์ค ฮิวจ์ส สามารถทำให้ทีมแมนฯ ซิตี้ เป็นทีมที่ไม่ยอมรับต่อความพ่ายแพ้ และต่อให้โดนจับหัวกดน้ำอีกกี่ครั้ง พวกเขาก็พร้อมที่จะผงาดกลับมา

นี่คือสิ่งที่สะท้อนออกมาจากการไล่ตามตีเสมอได้ถึง
3 ครั้ง 3 ครา ที่ราวกับเป็นคำตอบว่าจากนี้ไปพวกเขาจะไม่ยอม "ศิโรราบ" ต่อคู่แข่งร่วมเมืองอย่างยูไนเต็ดอีก

ใช่
- วันนี้ ซิตี้ ยังเป็นรองอยู่ไม่น้อย จากทรงบอลและรูปเกมแล้ว ยังมีอะไรอีกมากที่พวกเขาต้องทำ แต่อย่างน้อยที่สุดก็อย่าลืมว่าการมาเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันนี้ พวกเขาไม่มี 2 ตัวอันตรายที่สุดอย่าง โรบินโญ่ และเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ลงสนามด้วย

เท่ากับว่า ซิตี้ มีศักยภาพมากที่สุดเพียงแค่
75-80% เท่านั้น

ดังนั้นนอกเหนือจากความสะใจของเหล่าเร้ดอา ร์มี่ ที่ได้เห็นทีมตัวเองเป็นผู้ชนะในเกมที่ถือเป็นที่สุดของที่สุด และแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติของ "โคตรทีม" ว่าของจริงนั้นเป็นอย่างไร

อีกด้านนั้นการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเหนื่อยหนักถึงขั้นต้องโกงความตายที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด สนามที่เคยแทบจะผูกปีชนะในเกมดาร์บี้ ก็ทำให้เราต้อง "คิดเยอะ" กับพัฒนาการของ ซิตี้ ที่กระโดด
2 สเต็ปขึ้นมาอยู่เหมือนกัน

เพราะดูเหมือนเรือใบสีฟ้า ที่หลายคนปรามาสกันไว้ว่าเป็นแค่พวกทีมเศรษฐีไม่มีปัญญาประสบความสำเร็จได้หรอกนั้น

มันอาจจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้วก็เป็นได้...

Views: 73

Reply to This

Replies to This Discussion

ต้องรอดูนัดที่เจอกันที่ บ้านแมนซิตี้บ้างครับ
นั้นดิ
ฮิ้วส์คงได้บทเรียนและฉลาดขึ้นเป็นกองนะ
อย่างน้อยก็ดัง และนี่หละคือตัวชิง Big 4 ตัวจริง
แพ้วันนี้เพื่อเป็นแชมป์ในวันข้างหน้า....

TRY AGAIN....
ทีคุณผมไม่ว่า ต่อไปทีผมอย่าโวย เคืองจังแพ้แบบนี้
นัดเจอ กันที่บ้าน ซิตี้ ต้อง มีโญ่ ยอ เตฟ ครูซ ถึงจะคุ้ม
นัดเจอที่ซิตี้ออฟสเตเดี้ยม อัดผีมันซ่ะสี่ลูกแบบปืน ให้เซอร์มันหน้างายไปเลย จะได้รูซักทีว่า ชนะแบบสมศักด์ศรีและพูดได้เต็มปากเต็มคำน่ะ เป็นยังไง
What the fuck เฟอกี้ ^^

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.