"สิงโต คำราม" อังกฤษ ต้านทานความแข็งแกร่งของทีม "แซมบ้า" บราซิล ไม่ไหว พ่ายไป 1-0 ในการแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตร ที่เมือง โดฮา ประเทศกาตาร์ ด้าน"กระทิงดุ" สเปน ก็เฉือนชนะ อาร์เจนติน่าไปได้สนุก 2-1 ชาบี อลอนโซ่เหมาซัด 2 ลูก

บราซิล 1- อังกฤษ 0


สนาม : คาลิฟา สเตเดี้ยม , โดฮา ,กาตาร์


บราซิลลงเคาะสนิมเกมนี้โดยปราศจากโรบินโญ่ดาวดังทีมแมนฯ ซิตี้ซึ่งยังไม่ฟิต แต่เอลาโน่อดีตมิดฟิลด์ทีมเรือใบได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง


ด้านอังกฤษที่ขาดผู้เล่นตัวหลักไปบานไม่มีจอห์น เทอร์รี่ซึ่งเจ็บเอ็นร้อยหวายทำให้เวย์น รูนีย์รับบทกัปตันทีมชาติหนแรกในชีวิตโดยมีดาร์เรน เบนท์เป็นคู่ขาล่าตาข่าย


พร้อมกันนี้ ไมเคิ่ล คาร์ริคก็เจ็บข้อเท้าจึงเป็นโอกาสรับใช้ชาติอีกหนของเจอร์เมน จีนาสซึ่งหลุดโผจากทีมสิงโตคำรามไปนาน 14 เดือน ส่วนตำแหน่งนายทวารเบน ฟอสเตอร์ยังได้ลงเฝ้าเสาผิดไปจากที่สื่อคาดการณ์ว่าจะเป็นหน้าที่ของโร เบิร์ต กรีน


หลังจากมีการไว้อาลัยแก่โรเบิร์ต เอ็งเค่ผู้รักษาประตูชาวเยอรมัน อังกฤษก็เป็นฝ่ายเริ่มเขี่ยบอลพร้อมทั้งเดินหน้าบุกเข้าหาทีมเมืองกาแฟอย่าง คึกคัก


แต่ผ่านไปไม่นาน บราซิลก็คุมเกมได้ และเดินหน้ากดดันทีมเมืองผู้ดีเป็นระลอก หากแต่แผงหลังทรี ไลอ้อนส์ยังช่วยกันสกัดกั้นจังหวะสุดท้ายของทีมจากละตินได้สำเร็จ


กระทั่งนาทีที่ 23 แซมบ้าก็เกือบสอยตาข่ายได้จากการทำเกมขึ้นกราบซ้ายอีกครั้งโดยมิเชล บาสโตสกระชากบอลขึ้นมาเข่นแถวริมเขตโทษทะลักหลุดเสาไกลไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด


แต่แล้วผ่านมาอีกสองนาที อังกฤษก็น่าจะขึ้นนำเช่นกันเมื่อจีนาสไหลบอลออกกราบขวาให้เจมส์ มิลเนอร์บรรจงโยนจากมุมธงโค้งเข้าหาปากประตู แต่เบนท์โขกจากแปดหลาข้ามคานอย่างน่าเสียดาย

บราซิลยังลุยต่อ และจากลูกเตะมุมด้านขวาในนาทีที่ 30 ที่ถูกเคลียร์ออกมาหน้าเขตโทษ เฟลิเป้ เมลโล่ก็สบโอกาสซัลโวจากแถวสอง แต่ไร้น้ำหนักทำให้ฟอสเตอร์เซฟได้ไม่ยาก

ทีมจากอเมริกาใต้ยังเน้นโจมตีทางฝั่งซ้าย เล่นงานเวส บราวน์แบ็คขวาอังกฤษเป็นหลัก แต่ถึงนาทีที่ 35 สิงโตคำรามโต้ขึ้นมาชนิดได้เสียวอีกตามเคยโดยรูนีย์ลากบอลขึ้นไปถึงหน้าเขต โทษแล้วถูกติอาโก้ ซิลวาขวางล้ม แต่ผู้ตัดสินเลือกไม่เป่าฟาวล์ให้เป็นลูกได้เปรียบ ทว่าเบนท์ที่เกี่ยวบอลในเขตโทษได้ถูกแย่งในจังหวะสุดท้ายจึงหมดสิทธิ์สับไก

ช่วงที่เหลือ ต่างก็พยายามเล่นเกมรุก แต่สุดท้ายยังทะลวงประตูกันไม่ได้ จบครึ่งแรกจึงเจ๊ากันไปแบบไร้สกอร์

เริ่มครึ่งหลังมาได้แค่สองนาที บราซิลก็เปิดบริสุทธิ์ทีมสิงโตคำรามได้สำเร็จจากการวางบอลเข้าเขตโทษของเอลา โน่ที่เปิดทางให้นิลมาร์สลัดหนีทั้งบราวน์กับแม็ตธิว อัพสันเข้าไปโขกตามน้ำจาก 14 หลาผ่านจังหวะทะยานปัดของฟอสเตอร์เข้าประตูพาแซมบ้าทะยานนำ 10

ทีมเมืองผู้ดียังไม่ยี่หระ เดินเกมรุกใส่ทีมจากอเมริกาใต้อย่างดุดันทันทีหวังทวงประตูคืนให้ได้ก่อนจะ เปลี่ยนเจอร์เมน เดโฟลงไปแทนเบนท์ในนาทีที่ 55

อย่างไรก็ดี ในนาทีเดียวกันนี้ บราซิลก็น่าจะหนีห่างเมื่อไมค่อนทิ้งบอลยาวมากจากแดนตัวเองเข้าเขตโทษแล้ว บราวน์แตะอกคืนให้ฟอสเตอร์สั้นเกินไปจึงถูกนิลมาร์ตามไปเก็บพร้อมทั้งแตะหลบ นายทวารสิงโตคำรามแล้วถูกปัดขาล้ม ผู้ตัดสินจึงชี้ไปที่จุดโทษแต่แจกแค่ใบเหลืองให้ฟอสเตอร์ก่อนที่หลุยส์ ฟาเบียโน่จะทำเสียของสังหารโด่งออกไปเป็นเมตรจึงยิ้มแห้งๆด้วยความเขินอาย

นาทีที่ 65 ทีมเมืองกาแฟเปลี่ยนเอลาโน่ออกส่งดาเนี่ยล อัลเวสลงสนาม จากนั้นอีกสามนาทีหลุยส์ ฟาเบียโน่ก็มีอาการบาดเจ็บจึงถูกถอดออกให้ฮัลค์ลงไปเสียบแทน

อังกฤษได้เสียวในนาทีที่ 70 เมื่อฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ตักบอลจากกราบขวาไปเสาไกล แต่มิลเนอร์ซัลโวโด่งไปแบบพอได้ลุ้น

แต่แล้วล่วงมาอีกแปดนาที แซมบ้าก็พลาดโอกาสหนีไปอีกเม็ดอย่างน่าเสียดายจากจังหวะที่ลูซิโอกัปตันทีม เติมขึ้นมาสับไกด้วยเท้าซ้ายจากระยะ 30 หลา แต่บอลพุ่งกระแทกเสาขวามือเต็มๆทั้งๆที่ฟอสเตอร์ปัดไม่ถึงแล้ว

เข้าสู่ช่วงแปดนาทีสุดท้าย บราซิลส่งชูลิโอ บาปติสต้ากับคาร์ลอส เอดูอาร์โด้ลงไปแทนกาก้ากับนิลมาร์ ขณะที่สิงโตคำรามใช้งานปีเตอร์ เคราช์กับทอม ฮัดเดิลสตันแทนที่แกเร็ธ แบร์รี่กับไรท์ ฟิลลิปส์

ถัดมาในนาทีที่ 87 อังกฤษเปลี่ยนผู้เล่นสำรองอีกรายโดยปล่อยแอชลีย์ ยังลงบู๊แทนมิลเนอร์ แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จบเกมบราซิลจึงกำชัยไปด้วยสกอร์ 1-0

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บราซิล : ชูลิโอ เซซ่าร์, ไมคอน, ลูซิโอ, ติอาโก้ ซิลวา, มิเชล บาสโต๊ส, เฟลิเป้ เมโล่, จิลแบร์โต้ ซิลวา, เอลาโน่, กาก้า, นิลมาร์, หลุยส์ ฟาเบียโน่
สำรอง : โดนี่, ดานี่ อัลเวส, ลุยเซา, ฮวน, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, โชซูเอ้, ลูคัส เลวา, อเล็กซ์, ชูลิโอ บาปติสต้า, โรบินโญ่, คาร์ลอส เอดูอาร์โด้, ฮัลค์

อังกฤษ : เบน ฟอสเตอร์, เวส บราวน์, แม็ตธิว อัพสัน, โจลีออน เลสค็อตต์, เวย์น บริดจ์, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, แกเร็ธ แบร์รี่, เจอร์เมน จีนัส, เจมส์ มิลเนอร์, เวย์น รูนี่ย์, ดาร์เรน เบนท์
สำรอง : โรเบิร์ต กรีน, แกรี่ เคฮิลล์, สตีเฟ่น วอร์น็อค, ทอม ฮัดเดิลสตัน, ปีเตอร์ เคร้าช์, เจ