ช่างเป็นการเริ่มต้นได้เหมือนกับเป็นความฝันซะจริงๆ...

คงได้รับทราบและรับชมกันไปแล้ว สำหรับผลงานของกุนซือใหม่แห่งทีมระดับเงินหนาล้นฟ้าอย่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่อิมพอร์ตเข้ามาจากประเทศอิตาลีอย่าง โรแบร์โต้ มันชินี่ อดีตกุนซือชื่อดังของ ลาซิโอ และ อินเตอร์ มิลาน ที่ออกสตาร์ทในการคุมทีมเมืองผู้ดีได้อย่างสวยหรู ด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ สโต๊ค ซิตี้ 2-0 และบุกไปต้อนตือ วูลฟ์สแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 3-0 ในช่วงศึก "บ็อกซิ่งเดย์" ที่ผ่านมานี้

หลังจากเหล่าบรรดาเศรษฐีน้ำมันจากอาบูดาบี สุดทนกับผลงานที่ไม่สมกับงบประมาณเสริมทีมจำนวนมหาศาล ที่เล่นเอาบรรดาชีคทั้งหลายขนหน้าแข้งร่วงวอดวายไปกว่า 200 ล้านปอนด์ ของ มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือเลือดเวลส์ ที่ทำทีมลุ่มๆดอนๆ สม่ำ "เสมอ" แบบสุดๆ (เสมอ 8 นัดติดต่อกันในลีก มีที่ไหนกัน!) อยู่แถบๆกลางตารางพรีเมียร์ลีก จึงได้สั่งลงดาบกุนซือคนเก่าทิ้งไปซะ แล้วแต่งตั้งหน้าใหม่ใสกิ๊งอย่าง "มันโช่" ที่ว่างเว้นจากการทำงานเข้ามารับเผือกร้อนชิ้นนี้แทน ในช่วงกลางฤดูกาลซะด้วย

แต่กระนั้น ยังไม่ทันที่มันชินี่จะได้นั่งเก้าอี้ให้อุ่นก้น ก็มีข่าวลือต่างๆนาๆ จากสื่อจอมสาระแนของเมืองผู้ดี ว่ามันชินี่นั้น เป็นเพียงกุนซือขัดตาทัพของแมนฯ ซิตี้ เท่านั้น เพราะจริงๆแล้ว บรรดาผู้บริหารของซิตี้ ต่างรอที่จะใช้บริการของกุนซือระดับอ๋องคนอื่นๆ ที่มีชื่อชั้นมากกว่าในฤดูกาลหน้า ซึ่งก็น่าเห็นใจมันชินี่เหมือนกัน เพราะดูเหมือนจะเป็นกุนซือที่ได้รับการมองฝีมือต่ำกว่าความเป็นจริงมาเสมอ ทั้งที่ผลงานการคุมทีมใหญ่ ที่ไม่แชมป์ไม่ได้อย่างอินเตอร์ ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร เพราะขนาดกุนซือระดับ "สเปเชียล วัน" อย่างโชเซ่ มูรินโญ่ ไปคุมอยู่ในตอนนี้ ก็ไม่ได้มีผลงานที่ดีไปกว่าเขาซักเท่าไหร่เลย

อย่างไรก็ตาม ข่าวลือต่างๆนาๆ คงจะหมดลงไปได้แน่ หากเขายังทำผลงานได้ดีอย่างใน 2 นัดแรกเอาไว้ได้เรื่อยๆ และทำตามเป้าหมายที่ชีคผู้ทรงเกียรติตั้งเอาไว้ คือการพาทีมจบใน 4 อันดับแรกของตาราง คว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ได้ หลังจากห่างหายจากฟุตบอลยุโรปไปประมาณชาติเศษ และคว้าแชมป์บอลถ้วยติดไม้ติดมือมาให้ได้ซักใบหนึ่ง

บททดสอบชิ้นโตชิ้นแรก ที่มันชินี่จะต้องเจอ ก็คือการพาทีมลงเผชิญหน้ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่อริร่วมเมืองทีมสำคัญ ในเกมดาร์บี้แมตช์ผ่าเมือง รอบตัดเชือกคาร์ลิ่ง คัพ ในช่วงต้นเดือนม.ค.นี้ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นการเจอกันในถ้วยลูกเมียน้อย แต่ด้วยศักดิ์ศรีที่ค้ำคอกันอยู่ระหว่าง 2 ทีม ก็เชื่อได้ว่าจะมีการเตะกันแบบไฟแลบแน่นอนในเกมทั้ง 2 นัด รวมทั้งเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ทีม "ปีศาจแดง" ก็คงจะต้องบอกว่า เอานะ เอานะ กับถ้วยนี้ด้วยเช่นกัน

แม้ว่ามันชินี่ จะเพิ่งเข้ามาคุมทีมได้แค่ 2 นัดเท่านั้น (และเก็บชัยไปได้อย่างสวยงาม) แต่ก็มีหลายอย่าง ที่เราเห็นกันได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในการเล่นของซิตี้ จากยุคของฮิวจ์ส...

อย่างแรก...ความเหนียวแน่นในเกมรับ แม้ว่าคู่แข่งล่าสุดทั้ง 2 ทีมของซิตี้ จะไม่ได้เป็นทีมที่มีวรรณะสูงส่งอะไรนัก แต่จากสถิติในฤดูกาลนี้ ที่เคยเล่นในบ้านกับทีมที่มีสถิตินอกบ้านสุดอนาถาอย่าง เบิร์นลี่ย์ แล้วยังกล้าๆโดนบุกมาตีเสมอไป 3-3 ก็คงเห็นได้ว่า หลังบ้านของซิตี้นั้น มีการขันเกลียวน็อตที่หนาแน่นขึ้นขนาดไหน ทั้งที่ตัวผู้เล่นก็ยังหน้าเดิมๆแท้ๆ จนตัวนักเตะอาจงงกันได้ ว่าทำไมอยู่ดีๆ ตรูเหนียวขึ้นมาทันตาเห็นเลยฟระ!

อย่างที่สอง...การปรับแท็กติกระหว่างเกม พี่มาร์ค (ฮิวจ์ส) นั้นอาจเป็นกุนซือที่ทำผลงานได้ดีในลีกอังกฤษกับทีมกลางๆ อย่างแบล็คเบิร์น แต่จุดอ่อนที่สำคัญก็คือแท็กติกรูปแบบเกม ที่ไม่มีความหลากหลายมากนัก แต่เมื่อมาถึงยุคของมันชินี่ ก็เห็นได้ว่ามีการปรับเกมกันมากมาย ทั้งในเกมรุก ที่มีการสลับตำแหน่งไปมา และการขึ้นเกม กองกลางก็มีบทบาทที่แน่ชัดของตัวเอง ส่วนในเกมรับ ก็มีการปรับตำแหน่งได้หลากหลายมากขึ้นด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยเจอเลยในยุคกุนซือคนที่แล้ว

อย่างที่สาม...การเลือกนักเตะลงเล่น จะเห็นได้ว่า มันชินี่ ได้ให้โอกาสกับนักเตะหลายคน ที่แม้จะไม่ได้มีชื่อชั้นมากเท่าบรรดาสตาร์ค่าตัวสูงปรี๊ดทั้งหลาย แต่ก็ยังเล่นได้ดีตามแท็กติกลงสนาม นักเตะหลายคนที่โดนดองอยู่บ่อยครั้งในยุคของฮิวจ์สอย่างเช่น มาร์ติน เปตรอฟ ที่จี๊ดจ๊าดได้ดีเหลือเกิน, ฆาเบียร์ การ์ริโด้ แบ็กซ้ายกระทิง ที่โดนดองเค็ม จนที่ว่าการอำเภอแทบจะลงรายชื่อเป็นบุคคลสาปสูญ ก็ได้โอกาสลงสนามมายิงฟรีคิกสุดสวยไปแล้ว 1 ลูก รวมทั้ง แว็งซ็องต์ ก็องปานี ที่ยืนเซ็นเตอร์ได้ดีจน โจเลออน เลสค็อตต์ กองหลังค่าตัว 24 ล้านปอนด์ คงได้หนาวๆร้อนๆกันบ้างเมื่อหายจากอาการบาดเจ็บกลับมา

อย่างไรก็ตาม ก็อย่าลืมว่า ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่มันชินี่อาจจะพบ ก็คือความต้องการความสำเร็จแบบฟาสต์ฟู้ดของซิตี้ ที่ต้องการทุนที่ลงไป กลับมาให้ได้แบบเร่งด่วน ซึ่งหากผลงานที่เขาทำ มีอะไรสะดุดไปบ้างแล้ว โอกาสและเวลาที่มีอยู่ที่สโมสรนี้ จะต้องน้อยกว่าอยู่กับสโมสรอื่นๆอย่างแน่นอน ซึ่งก็เป็นความท้าทายครั้งใหม่ ที่เขาจะต้องรับมือพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง เพราะอย่าลืมว่า ณ สโมสรแห่งนี้ "เวลาเท่าไหร่ ก็ไม่เคยพอ"

แต่ก่อนอื่น อย่างน้อยในเวลานี้ เชื่อว่าแฟนบอลของลีกเมืองผู้ดี ก็จะได้พบกับสีสันที่สนุกสนานเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ในการติดตามการทำงานของ โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือมากฝีมืออีกคนของวงการ

Welcome to England...Muncho!


-พีรภัทร บุญศรีโรจน์-


http://www.siamsport.co.th/Column/091231_085.html