เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกโรงกดดัน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยการชี้ว่า รอบตัดเชือก คาร์ลิ่ง คัพ มีความสำคัญสำหรับอริร่วมเมืองมากกว่า ทำให้พวกเขากดดันมากกว่าเยอะ หลังจากไม่ได้เข้าชิงชนะเลิศรายการใดมานาน


เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดผู้จัดการทีมเลือดสกอตต์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย ใช้สงครามจิตวิทยาออกมาบีบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนมีคิวไปเยือน ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม เพื่อทำศึก คาร์ลิ่ง คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่ถูกเลื่อนมาเพราะสภาพอากาศ ในวันอังคารนี้

"เฟอร์กี้" ชี้ว่า รอบนี้มีความสำคัญต่อ "เรือใบสีฟ้า" มากกว่า "ปีศาจแดง" เพราะ ซิตี้ ไม่ได้เข้าชิงชนะเลิศรายการใหญ่ๆ มาตั้งแต่ปี 1981 และ ไม่ได้ชูโทรฟี่ตั้งแต่คว้าแชมป์ ลีก คัพ เมื่อปี 1976 ซึ่งตรงข้ามกับที่เขาพา ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีก 11 สมัย, ยูโรเปี้ยน คัพ 2 สมัย และ เอฟเอ คัพ 5 สมัย ในบรรดาหลายรายการตั้งแต่มาคุมทีมเมื่อ 24 ปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังของ ซิตี้ เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณนับตั้งแต่ อาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป มาเทคโอเวอร์ เมื่อปี 2008 และ หวังจะสอดแทรกขึ้นไปแย่งอันดับ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลนี้ เป็นอย่างน้อย โดย เฟอร์กูสัน กล่าวว่า "รอบรองชนะเลิศกับ ยูไนเต็ด ขณะที่พวกเขาไม่ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศมานาน ถือเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญที่สุดที่ ซิตี้ อาจมีในฤดูกาลนี้ เกมนี้จึงใหญ่และสำคัญต่อพวกเขามากกว่าเรา นี่เป็นเกมสำหรับแฟนๆ และ อารมณ์ความรู้สึกของพวกเขา"

พร้อมกันนี้ กุนซือวัย 68 ปี ยืนกรานว่าเขาจริงจังกับรอบนี้ และ ตั้งใจให้ทีมช่วงชิงความได้เปรียบก่อนกลับไปเล่นนัด 2 ในบ้านตัวเอง "คุณไม่ประมาทสิ่งเหล่านี้ และ ผมจะใส่ใจตรงนี้เป็นพิเศษ เมื่อไรที่คุณได้เข้ามาถึงรอบตัดเชือก คุณก็อยากเข้าไปเล่นรอบชิงชนะเลิศ เราอยากอยู่ในสถานะที่ดี เมื่อกลับมาเล่นนัด 2 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด"

ขณะที่ ไนเจล เดอ ยองก์ มิดฟิลด์ดัตช์ของ ซิตี้ หวังว่า ความกระหายของ คาร์ลอส เตเวซ ที่อยากพิสูจน์ว่า เฟอร์กูสัน คิดผิด ที่ปล่อยตัวเขา จนไปเซ็นสัญญากับ ทีมคู่อริ จะเป็นประโยชน์ต่อทีมเจ้าบ้าน "นักเตะทุกคนต้องการเป็นที่รัก ผมไม่รู้ว่าสถานการณ์ของ คาร์ลอส ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นยังไง ผมแค่ดีใจที่เขามาอยู่ที่นี่"

ฤดูกาลนี้ 2 ทีมเคยยิงกันระเบิดถึง 7 ลูกในศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เมื่อเดือนกันยายน ที่แชมป์เก่าชนะไป 4-3 จากประตูชัยของ ไมเคิ่ล โอเว่น ซึ่ง อดีตแข้ง ฮัมบูร์ก กล่าวต่อว่า "ผู้คนยังพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในลีกอยู่เลย แต่เกมนั้นผ่านไปแล้ว เราไม่อยากมองย้อนกลับไปอีก เกมนี้เป็นเกมใหม่ เราอยากมองไปสู่อนาคตมากกว่า"

ในทางตรงข้าม เดอ ยองก์ มองว่า การที่ ยูไนเต็ด พ่าย ลีดส์ ยูไนเต็ด ตกรอบ เอฟเอ คัพ ไปแบบสุดพลิกล็อกจะมีผลต่อรอบตัดเชือกนี้มากกว่า "ผมไม่รู้ว่าผู้จัดการทีมพวกเขาจะส่งทีมชุดใหญ่ หรือ ทีมสำรองหลังจากที่พวกเขาตกรอบ เอฟเอ คัพ! เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ เฟอร์กูสัน เขาเป็นผู้จัดการทีม และ เขารู้จักทีมของเขาดีที่สุด"

"ผมไม่คิดว่ามันเป็นการดูถูก ถ้าเขาไม่ได้เลือกทีมที่แข็งแกร่งที่สุด เขาบอกชัดเจนตั้งแต่เริ่ม คาร์ลิ่ง คัพ แล้วว่า เขาจะพักนักเตะ เพราะรายการอื่นสำคัญกว่า แต่นี่เป็นรอบรองชนะเลิศ และ พวกเขากำลังจะเล่นเกมดาร์บี้กับคู่แข่งที่สำคัญที่สุด มันเป็นรอบตัดเชือก เป็นเกมสำคัญที่สุดนัดหนึ่งของ ซิตี้ ในรอบ 2-3 ปี เพราะฉะนั้นเราจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อเข้ารอบชิง ไม่ว่าคู่แข่งเป็นใครก็ตาม"