ราชันแห่งแมนเชสเตอร์
เรียบร้อยโรงเรียนโอลด์แทร์ฟฟอร์ดกันไปหลังเจ้าหมูเวย์
นศิษย์เฟอร์กี้โขกจมเรือเต็มกบาลในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเกมคาร์ลิ่งคัพรอบรองฯ
เลกที่สอง
เป็นอีกครั้งที่แมนซิตี้คู่ปรับร่วมเมือง 'แผ่วปลาย'
ไม่ผิดเพี้ยนไปจากวินาทีสังหารจากปลายตีน 'เบบี้โกล์' ไมเคิ่ล
โอเว่นเมื่อปีกลาย แม้ขวบปีได้เปลี่ยนผันจาก 2009 เข้าสู่ 2010,
โีรแบร์โ้ต้ มันชินี่ก้าวเข้ามาคุมหางเสือแทนมาร์ค
ฮิวจส์พร้อมความหวังของชนชาวซิติเซนส์
จนแล้วจนรอดลำพังแค่องค์
ประกอบดังกล่าวก็ยังไม่เพียงพอต่อการผ่านแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดของท่านเซอร์
อเล็กซ์ เฟอร์กูสันผู้ชนะสิบทิศแห่งเกาะอังกฤษไปได้
คาร์ลอส
เตเวซเกือบจะสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นราชันแห่งแมนเชสเตอร์ประจำศักราชนี้ได้
สำเร็จเมื่อ 3 ลูกจาก 2
เลกที่เรือใบสีฟ้าทำได้เป็นผลงานของหอกอาร์เจนไตน์ล้วน ๆ
และยังเกือบจะเป็นการล้างแค้นที่สมบูรณ์แบบ
แต่ในท้ายที่สุดแค้นของอดีตหอก(ข้างแคร่)ยูไนเต็ดได้รับการชำระเพียงครึ่ง
เดียว
หากถามหาอีกครึ่งหนึ่งที่ขาดหายคงหนีไม่พ้นความหวังเหยียบหญ้าสังเวียนเวมบ
ลี้ที่สูญสลายไปนั่นเอง
ทางด้านมันชินี่กุนซืออิมพอร์ตได้เข้ามาทำ
ให้เรือใบลำนี้แล่นฉิวกว่าเดิมด้วยระบบแนวรับอันเหนียวแน่นยิ่งขึ้นและเกือบ
นำความสำเร็จสู่ถิ่นซิตี้ออฟแมนเชสเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อจอดป้ายแค่รอบเซมิไฟน่อลก็เหลือลุ้นเพียงโควต้า CL
กับถ้วยเอฟเอคัพสุดขลัง
โทรฟี่โคปป้า
อิตาเลียที่กุนซือจอมห้าวคว้ามาครองเมื่อครั้งคุมฟิออเรนติน่าช่วงต้นทศวรรษ
เป็นแชมป์แรกในเส้นทางคุมทีมของอดีตกุนซืออินเตอร์
มิลานทั้งที่เข้ามาเป็นชาวม่วงได้เพียงไม่กี่เดือน
น่าเสียดายไม่น้อยที่ค่ำคืนแห่งแมนเชสเตอร์ดาร์บี้เวอร์ชั่นคาร์ลิ่งคัพขัด
ขวางเส้นทางไปสู่การซ้ำรอยประวัติศาสตร์
คงเร็วเกินไปที่จะประเมิน
มาตรฐานการทำงานของ 'มันโช่' ตั้งแต่เวลานี้ว่าจะรุ่งหรือจะร่วงกับเรือใบ
อย่างไรก็ดีจากผลงานที่ช่วยฉุดฟอร์มทีมกระเตื้องขึ้นมานั้นก็พอบ่งบอกได้ว่า
เรือใบสีฟ้ายุคนี้ดูมีราศีกว่าช่วงก่อนมากนัก
ถึงกระนั้นรูปเกมส่วน
ใหญ่ที่โรงละครแห่งความฝันยังคงตกอยู่ใต้คอนโทรลของเจ้าบ้านเป็นส่วนใหญ่
อยู่ดี แต่ทรงบอลของแมนซิตี้ที่กล้าเล่นกันในพื้นที่จำกัด
ไม่ตื่นตระหนกเมื่อเจอเกมเพรสซิ่งของเหล่าอสูรแดงชี้ให้เห็นว่าทีมได้ยก
ระดับขึ้นมาใกล้เคียงบิ๊กโฟร์มากขึ้น
มองในเชิงระบบการเล่นของเรือ
ใบสไตล์อิตาเลี่ยนจัดว่าผ่าน
เหลือทางด้านความผิดพลาดส่วนบุึคคลและประสบการณ์ของผู้เล่นเท่านั้นที่ยัง
ต้องติวเข้มกันต่อไป
แม้ไนเจล เด
ยองมีความแข็งแกร่งในจังหวะเข้าปะทะและเข้าตัดบอลได้อย่างว่องไวแต่ก็ยังมี
จุดอ่อนตรงการจ่ายบอลในช็อตคับขัน
ชัดเจนว่าห้องเครื่องดัตช์แมนจ่ายบอลเสียบ่อยมากเกินกว่าที่ควรจะเป็นโดย
เฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งแรก
โดยสไตล์และหน้าที่ของเด
ยองไม่ใช่คนที่เปลี่ยนบอลจากรับเป็นรุกได้ก็จริง แต่เมื่อบอลง่าย ๆ
ยังจ่ายพลาดก็ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องอื่นกันแล้วล่ะ
เวลาที่แมนซิตี้
ได้บอลสวนกลับขึ้นไปมักเกิดจากการลงมาล้วงบอลของบรรดาแนวรุกเสื้อฟ้า เตเวซ,
เบลลามี่,
ไรท์-ฟิลลิปส์ผลัดกันลงมา้เชื่อมเกมได้อย่างน่าดูชมแต่ที่ได้ผลและเล่นงาน
แนวรับยูไนเต็ดชนิดได้น้ำได้เนื้อมีเพียงฝั่งซ้ายที่เบลลามี่ดวลกับราฟาเอ
ลซึ่งอ่อนประสบการณ์เท่านั้น
จุดโทษที่แมนซิตี้ได้ในเลกแรกเป็นมุกเจาะทางราฟาเอลและจวบจนเกมนี้ซิตี้ก็
ยังใช้ิวิธีเดิมเข้าโจมตี
ประตูเดียวในเกมนี้ของซิตี้และจังหวะเข้าทำหลายครั้งถูกสร้างขึ้นมาจากเบลลา
มี่ ส่วนทางฝั่งขวาเจ้าไรท์จิ๋วตกเป็นรองเอวร่าแทบทุกกระบวนท่า
แต่
ก็ใช่ว่าแนวรุกยูไนเต็ดจะเจองานง่าย ไรอัน
กิ๊กส์ในวัยใกล้ปลดระวางดวลตัวตัวกับไมก้า
ริชาร์ดส์ทีไรก็ไปไม่เป็นบ่อยครั้งแต่สิ่งที่กิ๊กส์มีมาทดแทนคือ
'ความเยือกเย็น' และเมื่อเอวร่าดันขึ้นเติมเป็นออปชั่นเสริม
ความเชื่องช้าของกิ๊กส์จึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าเจาะทางกราบขวาของซิตี้
เท่าไร
การทำเกมริมเส้นแบบใช้ปีกซ้อนแบ็ค, แบ็คซ้อนปีก,
ปีกดึงจังหวะรอแบ็ค
ตลอดจนการเล่นชิ่งกันแค่ทีสองทีก็สามารถหลุดถึงเส้นหลังโดยอาศัยการเคลื่อน
ที่อันชาญฉลาดของผู้เล่นเป็นแนวทางที่เฟอร์กูสันชำนาญและใช้มาช้านานซึ่งก็
ยังได้ผลจนถึงทุกวันนี้
สิ่งนี้เป็นอาวุธสำคัญของยูไนเต็ดมาตลอดยุคท่านเซอร์อเล็กซ์
ด้าน
กราบขวาที่มีนานี่ประจำการนั้นวูบวาบและเป็นความวูบวาบที่เคลือบแฝงไปด้วย
ประสิทธิภาพ ไม่ใช่ความวูบวาบที่ดีแต่โชว์อย่างที่เคยเป็นมา
เล่นบอลน้อยจังหวะลงไม่หวงบอลเท่าที่เคย
มีลูกเปิดแบบได้เสียกดดันแนวรับทีมเยือนหลายครั้ง
แต่ขึ้นชื่อว่านานี่แล้วคำที่เหมาะที่สุดยังไงก็ต้องเป็นคำว่า 'ดูกันยาว ๆ'
อยู่ร่ำไป
พอล สโคลส์กับไมเคิ่ล
คาร์ริคสองจอมทัพผีแดงต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไหลลื่นแถมยังมีชื่อ
เป็นผู้ทำประตูกันทั้งคู่อีกต่างหาก
นับเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ยูไนเต็ดเป็นฝ่ายได้รับชัยและสมควรได้เครดิตไม่
แพ้ประตูชัยของรูนี่ย์
ความทุ่มเท, ดุดันและแข็งแกร่งของดาร์เรน
เฟล็ตเชอร์คอยเป็นแบ็คอัพชั้นยอดแก่สโคลส์กับคาร์ริครวมถึงแบ่งเบาภาระ
เพื่อนร่วมทีมตำแหน่งอื่นอีกด้วย
ที่สำคัญยังทำให้แผงกลางแมนซิตี้ที่ต่อบอลกันไม่เนียนอยู่แล้วเล่นกันยาก
ยิ่งขึ้นไปอีก
นาทีนี้เรือใบยังไม่
แกร่งพอที่จะก้าวขึ้นมาเทียบชั้นปีศาจแดงได้อย่างเต็มตัวแม้เกมนี้มีจังหวะ
กระชากอารมณ์เล็กน้อยช่วงที่เจ้าหมูเวย์นสะดุดยอดหญ้าพลาดท่าปิดบัญชีด้วย
การทิ้งห่าง 3-0
ตั้งแต่กลางครึ่งหลังทำให้ต้องออกแรงเหนื่อยยิ่งขึ้นกว่าจะคว้าตั๋วชิงชัย
อีกใบมาได้เป็นผลสำเร็จ
โมเมนตัมเหมือนจะ้เทไปอยู่ฝั่งซิตี้ทันที
ที่เตเวซส่งบอลเข้าไปกองที่ก้นตาข่าย
แต่ยูไนเต็ดเป็นทีมที่มีทีเด็ดและคุณภาพเหนือกว่าคู่ปรับร่วมเมืองกอปรกับ
ผู้เล่นคนที่ 12 ซึ่งส่งเสียงเชียร์กึกก้องทั่วโรงละครแห่งความฝัน
ต่อให้เกมยืดเยื้อลากยาวถึง 120
นาทีก็ตามปีศาจแดงก็ยังมีภาษีดีกว่าไม่แปรเปลี่ยน
เหรียญเจ้ากรรม
จากกองเชียร์ผีมือบอนที่พุ่งเข้าใส่กบาลเคร็ก
เบลลามี่เต็มรักตอนที่เรือใบได้เตะมุมคงจะกลายเป็นปัญหาที่แชมป์เก่าต้อง
เผชิญบทลงโทษจากทางเอฟเอ
แต่มันก็ไม่กระทบกระเทือนต่อเส้นทางสู่เวมบลี้ของกลุ่มคนเสื้อแดง
ดัง
ที่กล่าวไว้ช่วงต้นบทความว่าเตเวซซึ่งเป็นไฮไลท์ในศึกครั้งนี้ 'เกือบ'
จะสถาปนาตัวเองขึ้นเป็น 'ราชันแห่งแมนเชสเตอร์'
ได้อยู่แล้วเชียวหากล้มทีมเก่าพาเรือใบเข้าชิงได้
แถมยังเคยคว้าแชมป์สมัยอยู่ผีแดงไปไม่น้อย คริสติอาโน่
โรนัลโด้ที่สร้างผลงานเลื่องชื่อเอาไว้ก็ได้กลายเป็นอดีตหลังจากหนีไปสวมชุด
ขาว
ดังนั้นตำแหน่งราชันแห่งแมนเชสเตอร์ฤดูกาลปัจจุบันคงไม่อาจหนีพ้นชายคนนี้ไป
ได้
ผลงานซัด 19
ตุงนำดาวซัลโวพรีเมียร์ชิพอยู่ในขณะนี้แถมเพิ่งโชว์ฟอร์มอำมหิตกดฮัลล์
ซิตี้คนเดียวซะ 4 เม็ด
อีกทั้งยังเป็นคนที่มีความสำคัญต่อปีศาจแดงอย่างยิ่งชนิดถ้าขาดไปรับรองว่า
ต้องขาดใจตาย
เวย์น รูนี่ย์
เจ้าของประตูชัยแย่งซีนเตเวซนั่นแล... ยาวมาก...จาก
http://sport.teenee.com/sport/51229.html
Tags:
-
▶ Reply to This