ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ 2009-10 วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2553 คู่แรก เชลซี เปิดบ้านพ่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4:2 (เตเบซ, เบลลามี่, แลมพาร์ด ซัดเบิ้ล)
 

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์ (ผู้ชม 41,841 คน)
ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน
เวลาเตะ : เวลา 19.45 น. / สดทรูสปอร์ต 1(101)
ผู้ทำประตู : แลมพาร์ด น.42, เตเบซ น.45+, เบลลามี่ น.51, เตเบซ (จุดโทษ) น.76, เบลลามี่ น.87, แลมพาร์ด น.90+


      ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ 2009-10 วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2553 คู่แรก เชลซี ทีมจ่าฝูงเปิดบ้านรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไฮไลท์สำคัญคือจะเป็นการพบกันของ จอห์น เทอร์รี่ และ เวย์น บริดจ์ 2 แข้งคู่กรณีข่าวฉาวกิ๊กบรรลือโลก โดยจะเป็นการเผชิญหน้าของทั้งคู่ครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดข่าวฉาวดังกล่าวขึ้น เกมนี้เจ้าถิ่น จะไม่มีชื่อของ ปีเตอร์ เช็ก ผู้รักษาประตูมือหนึ่งที่เจ็บจากเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ เฮนริเก้ ฮิลาริโอ น่าจะได้รับโอกาสให้ลงเฝ้าเสาแทนคู่หน้าจะยังเป็น นิโกล่าส์ อเนลก้า จับคู่กับ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

      ขณะที่ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะหมดโอกาสใช้งาน เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ กองหน้าตัวเก่งที่ติดโทษแบน รวมทั้งในรายของ ปาทริค วิเอร่า ข่าวดีคือ คาร์ลอส เตเบซ เดินทางกลับมาจากเฝ้าภรรยาที่คลอดบุตรจะได้ลงเล่นอีกครั้ง โดยจะจับคู่ลงล่าตาข่ายกับ เคร็ก เบลลามี่

      ครึ่งแรก
      ก่อนเริ่มเกมมีการเดินจับมือทักทายระหว่างผู้เล่นทั้ง 2 ทีม! เวย์น บริดจ์ ไม่จับมือกับ จอห์น เทอร์รี่ หลังผิดใจกันจากเรื่องส่วนตัวตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ เชลซี เป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่น บุกจากขวาไปซ้าย

      นาที่ที่ 5 เชลซี ได้ลุ้นจากจังหวะขึ้นเกมบุกมาบอลเข้าเท้า แลมพาร์ด ได้ส่องไกลจากนอกกรอบแต่กดไม่ลงข้ามคานไปไกล

      นาทีที่ 14 เชลซีได้ลูกฟรีคิกบริเวณเส้นเขตโทษทางซ้าย ดร็อกบา หลอกจ่ายตบเข้ากลางให้ แลมพาร์ด ซัดติดบล็อก โจลีออน เลสค็อตต์

      แมนซิตี้ ได้ลุ้นบ้างในนาทีที่ 17 จากจังหวะลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษเยื้องออกมาทางขวา จอห์นสัน รับหน้าที่สังหารซัดบอลผ่านกำแพง ตกพื้นหนึ่งจังหวะเข้าซอง เฮนริเก้ ฮิลาริโอ

      นาทีที่ 25 เชลซี ขึ้นเกมมาทางขวา อิวาโนวิช ผ่านบอลเข้ามาในเขตโทษ ดร็อกบา โขกโดนใต้ลูกออกหลัง

      ผ่านมากว่าครึ่งชั่วโมง เป็นเชลซี ที่ทำเกมได้ค่อข้างเหนือกว่า นาทีที่ 37 จากการบุกขึ้นทางขวา อิวาโนวิช เลี้ยงวนได้จังหวะเปิดมากลางประตู กอมปานี โขกสกัดเข้าทาง แลมพาร์ด ยิงปลิ้นเข้าทาง ดร็อกบา ซัดอีกครั้ง ข้ามคาน

      นาทีที่ 42 เชลซีได้ประตู ขึ้นนำ 1:0 จากการต่อบอลกันกลางสนาม โจ โคล จ่ายตัดแผงหลังแมนซิตี้ ทะลุเข้าไปในเขตโทษ แลมพาร์ด แลบขึ้นมาเอาบอลตวัดยิงด้วยขวาบอลชนโคนเสาสองเด้งเข้าประตู

      แมนซิตี้แก้คืนได้ทันควัน!! ช่วงทดเจ็บบอลสาดยาวจากแดนของ แมนซิตี้ ขึ้นหน้า เตเบซ ฉกบอลได้ก่อนพาเข้ามาในเขตโทษเอาชนะ คาร์วัลโญ่ กับ เทอร์รี่ ที่ตามประกบ ได้จังหวะตวัดยิงเหมือนโดนไม่ดีทว่า ฮิลาริโอ เสียจังหวะบอลผ่านมือไหลเข้าประตูไป แมนซิตี้ ตีเสมอเป็น 1:1 ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว

      ครึ่งหลัง
      นาทีที่ 47 อดัม จอห์นสัน ลากจากขวาตัดเข้าใน ก่อนจะโดน เทอร์รี่ รวบล้มลงหน้าเขตโทษ ผู้ตัดสินให้ แมนซิตี้ ได้ฟรีคิก บริดจ์ ซัดติดกำแพง

      กลายเป็นแมนซิตี้ ที่พลิกขึ้นนำ 2:1 จากจังหวะสวนกลับ บอลผ่านออกซ้าย เบลลามี่ อาศัยความเร็วลากจี้เข้าเขตโทษ แตะหนี มิเกล ซึ่งความเร็วเป็นรอง เข้าไปซัดมุมแคบด้วยซ้าย ฮิลาริโอ ล้มตัวเซฟได้ช้า บอลผ่านมือเสียบตาข่ายเสาไกล

      นาทีที่ 54 เชลซี ได้ลูกฟรีคิก! หน้าเขตโทษเยื้องออกมาทางซ้าย ดร็อกบา รับหน้าที่สังหารซัดด้วยขวา บอลแฉลบกำแพงออกหลัง

      เกมเริ่มเดือด!! นาทีที่ 62 คาร์ลอส เตเบซ หวิดฟาดปากกับ จอห์น เทอร์รี่ หลังปะทะกันในจังหวะเข้าแย่งบอล ผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน ต้องเรียกทั้งคู่มาเตือน

      นาทีที่ 71 แมนซิตี้ ได้ลุ้น!! แบรี่ ตัดบอลได้ทางขวาของสนาม ก่อนจะผ่านเข้ากลางมาให้ เบลลามี่ ยิงจากนอกกรอบ ติดเซฟ ฮิลาริโอ

      นาทีที่ 75 แบรี่ เบียดแย่งบอลได้จาก เบลเล็ตติ พาเข้าไปในเขตโทษก่อนจะโดนชนข้างหลังล้มลง! ผู้ตัดสินชี้ไปที่จุดโทษ พร้อมกับให้ใบแดงไล่ เบลเล็ตติ ออกจากสนาม เตเบซ รับหน้าที่สังหารซัดเข้าไปไม่มีเหลือ แมนซิตี้ ขึ้นนำ 3:1

     เชลซีเหลือผูเล่น 9 คน!! นาทีที่ 81 บัลลัค ซึ่งได้ใบเหลืองมาแล้วก่อนหน้า เข้าบอลหนักฟาวล์ใส่ เตเบซ ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ บัลลัค ออกจากสนาม

      นาทีที่ 85 เชลซี ได้ลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษเยื้องออกมาทางซ้าย ดร็อกบา ซัดบอลพุ่งแรงข้ามกำแพงตรงตัว กิฟเว่น

      ดับสนิท!! เชลซี ซึ่งเหลือผู้เล่น 9 คนมาโดนประตูที่ 4 ในนาทีที่ 87 จากจังหวะทำเกมสวนกลับเร็ว ไรท์-ฟิลิปส์ อาศัยความเร็วพาบอลขึ้นมาทางขวา เข้าไปในเขตโทษผ่านเลยมาเสาไกล เบลลามี่ แปโล่งๆ ส่งบอลกองก้นตาข่าย แมนซิตี้ นำห่าง 4:1

     เข้าสู่ช่วงทดเจ็บ เชลซี มาได้ลูกจุดโทษบ้าง จากจังหวะที่ อเนลก้า โดนรวบล้มลง! แลมพาร์ด รับหน้าที่สังหารซัดไม่พลาด เชลซี ไล่มาเป็น 2:4


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

เชลซี: ระบบ 4-3-3
ผู้รักษาประตู : เฮนริเก้ ฮิลาริโอ
กองหลัง : บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ (โซโลมง กาลู น.70), จอห์น เทอร์รี่, ฟลอร็องต์ มาลูด้า
กองกลาง : จอห์น โอบี มิเกล (ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ น.60), มิชาเอล บัลลัค, แฟร้งค์ แลมพาร์ด,
กองหน้า : นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา, โจ โคล ( ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ น.61)
สำรอง : เปาโล เฟอร์ไรร่า, โซโลมง กาลู, รอสส์ เทิร์นบูลล์, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, เนมานย่า มาติช, อเล็กซ์, ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ระบบ 4-3-3
ผู้รักษาประตู : เชย์ กิฟเว่น
กองหลัง : ไมกาห์ ริชาร์ดส์, โจลีออน เลสค็อตต์, เวย์น บริดจ์ (โรเก้ ซานตา ครูซ น.78), วิลซอง กอมปานี
กองกลาง : แกเร็ธ เแบรี่, ไนเจล เด ยอง, พาโบล ซาบาเลต้า
กองหน้า : คาร์ลอส เตเบซ, เคร็ก เบลลามี่, อดัม จอห์นสัน (ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ น.60)
สำรอง : เนดุม โอนูฮา, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, สจ๊วร์ต เทย์เลอร์, โรเก้ ซานตา ครูซ, ซิลวินโญ่, โคโล่ ตูเร่, อิบราฮิม

ไม่ต้องมีคำบรรยาย สำหรับภาพ บริดจ์ ไม่จับมือ เจที

ที่มา.rakball.net