ความพ่ายแพ้ของ ลิเวอร์พูล ส่งผลให้เกมกลางสัปดาห์เปรียบดั่งกับคู่ชิงชนะเลิศไปโดยปริยายระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าภาพปะทะ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ใครจะได้ตั๋วใบสุดท้ายที่มีมูลค่ามหาศาลในแง่ของตารางรวมถึงอนาคตข้างหน้าด้วย

อย่างที่ทราบกันดีว่าบทบัญญัติบิ๊กโฟร์จำกัดไว้เฉพาะแค่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,อาร์เซนอล ,เชลซี และ ลิเวอร์พูล เท่านั้น

ทว่านับตั้งแต่ท่านชีคห์เข้ามาเทคโอเวอร์ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อฤดูกาลก่อนส่งผลกระทบต่อกลุ่มบิ๊กโฟร์ต้องสั่นสะเทือนเพราะเป้าหมายสูงสุดของมหาศาลเศรษฐีชาวอาหรับก็คือกลายเป็นทีมอันดับหนึ่งของเกาะอังกฤษให้ได้

แต่ภายใต้บังเหียนของ มาร์ค ฮิวจ์ส แม้ทุ่มเงินมหาศาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้ โรบินโญ่ ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติบราซิลเข้ามาก็ไม่ได้ช่วยให้ยกระดับของทีมดีขึ้นเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม ฮิวจ์ส ยังได้รับโอกาสพร้อมกับระดมทุนกว้านซื้อผู้เล่นเกรดบีบวกอย่าง คาร์ลอส เตเบซ,เอ็มมานูเอล อเดยอร์,แกร์เร็ธ แบร์รี่และโรเก้ ซานตา ครูซ

แต่ผลงานไม่กระเตื้อง สุดท้ายกุนซือเลือดเวลส์ไปไม่รอดตกงานกลางคันจนได้ก่อนโยนเผือกร้อนๆให้ โรแบร์โต้ มันชินี่ที่มีดีกรีแชมป์สคูเด็ตโต้สามสมัยซ้อนกับ อินเตอร์ มิลาน เข้ามาสานต่อ

แน่นอนแรงกดดันมหาศาลจึงตกมาอยู่กับกุนซืออิตาเลี่ยนอย่างไม่ต้องสงสัย

เกมวันพุธนี้เท่ากับเดิมพันอนาคตของทีมเรือใบสีฟ้า

ดูจากสถานการณ์ปัจุบัน

สเปอร์ส ลงแข่ง 36 นัด 67 แต้ม ผลต่างได้-เสีย +27

ซิตี้ ลงแข่ง 36 นัด 66 แต้ม ผลต่างได้-เสีย +29

ทางเลือกเดียวของ "มันโช่" ก็คือชนะให้ได้ เพื่อการันตีโควต้า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า

หากทำไม่สำเร็จ ผู้เล่นเก่งระดับ เตเบซ , อเดบายอร์,เบลลามี่,ซานตา ครูซ ตัวใครตัวมันคงแยกย้ายไปตายเอาดาบหน้า

ความหวังพาทีมก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของเกาะอังกฤษคงปิดตายไปด้วย

แต่ถ้าได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก แน่นอนย่อมดึงดูดผู้เล่นระดับโลกย่อมหันมามองเรือใบสีฟ้าโอ่อ่าหรูหราขึ้นมาทันที

แข้งเทพๆอาทิเช่น เฟร์นานโด ตอร์เรส,ฟรองค์ ริเบรี่,ดาวิด บีญ่า,จานลุยจิ บุฟฟ่อน ที่เคยตกเป็นข่าวจะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป

ดังนั้นเกมวันพุธนี้เดิมพันความเสี่ยงสูงสำหรับ "มันโช่" และอนาคตอันยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า



ลูกกลมกลม