เยอรมัน เล่นสมกับได้ฉายาว่ายอดทีมทัวร์นาเมนต์ แม้ว่าเกมล่าสุดในฟุตบอลโลก 2010 รอบ
8 ทีมสุดท้าย จะต้องเจอกับอีกหนึ่งสุดยอดฟุตบอลอย่าง อาร์เจนตินา แต่ว่า อินทรีเหล็ก ยิ่ง
เล่นกลับยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ จัดการไล่ถลุง ฟ้า-ขาว แบบไม่ไว้หน้า 4-0 ซึ่ง โคลเซ่ ยิงคนเดียวสอง
ประตู ส่งเยอรมันผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเป็นทีมที่สาม รอพบผู้ชนะระหว่าง สเปน กับ
ปารากวัย ต่อไป
ฟุตบอลโลก 2010
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม 2553
อาร์เจนตินา 0 - 4 เยอรมัน
สนาม : กรีน พอยท์ สเตเดี้ยม, เคปทาวน์
- เกมคู่หยุดโลกอีกหนึ่งคู่ในรอบแปดทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2010 เป็นการพบกันของสองอดีตแชมป์โลก ระหว่าง เยอรมัน เจ้าของดีกรีแชมป์โลก 3 สมัย ลงสนามปะทะ อาร์เจนตินา เจ้าของแชมป์โลก 2 สมัย ซึ่งการพบกันของสองทีมนี้ในศึกฟุตบอลโลกสองครั้งล่าสุด ชัยชนะตกเป็นของ "อินทรีเหล็ก" สองเกมรวด ทั้งในนัดชิงชนะเลิศปี 1990 ที่อินทรีเหล็กชนะไป 1-0 และครั้งล่าสุดในปี 2006 ที่ เยอรมัน ดวลจุดโทษชนะ "ฟ้า-ขาว" ในรอบแปดทีมสุดท้าย แถมหลังเกมยังมีเหตุการณ์ชุลมุนตะลุมบอนกันอีกด้วย
- ดีเอโก้ มาราโดน่า กุนซือทีมชาติอาร์เจนตินาที่อยู่ในทีมชุดแพ้ในนัดชิงดำปี 1990 ด้วย ใช้นักเตะชุดเดิมจากเกมที่แล้วทั้งหมด นำมาโดยสามประสานแดนหน้าตัวอันตรายอย่าง ลิโอเนล เมสซี่, คาร์ลอส เตเวซ และ กอนซาโล่ อิกวาอิน
- ด้าน โยอัคคิม เลิฟ บุนเดสเทรนเนอร์อินทรีเหล็กไม่มีการเปลี่ยนแปลงนักเตะจากในเกมนัดล่าสุดที่ ถลกหนังทีมชาติอังกฤษไป 4-1 วางระบบ 4-2-3-1 ใช้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ เป็นกองหน้าตัวเป้า และมี เมซุต โอซิล เป็นจอมทัพ ซึ่งในเกมนี้ อังเกล่า แมร์เคิ่ล นายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมันมานั่งชมเกมในสนามให้กำลังใจนักเตะอินทรีเหล็ก ด้วย
- ก่อนเขี่ยลูกเริ่มเกมนักเตะทั้งสองทีมได้มีการรณรงค์ต่อต้านการ เหยียดสีผิวเหมือนในเกม 2 คู่แรกของเมื่อวาน และผู้ตัดสิน ราฟชาน เอียร์มาตอฟ เป่านกหวีดเริ่มเกมมาได้ 3 นาที เยอรมันมาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จากลูกฟรีคิกที่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เปิดเข้ามาให้ โธมัส มุลเลอร์ สอดขึ้นมาโขกบอลไปถูก เซร์คิโอ โรเมโร่ ผู้รักษาประตู ฟ้า-ขาว นิดหนึ่งก่อนเข้าประตูไป เยอรมันออกนำแต่หัววัน 1-0 เป็นลูกที่ 4 ของมุลเลอร์ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ และเป็นประตูที่ 200 ของเยอรมันในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
- อินทรีเหล็กยังคึกจัดเดินหน้าเข้าใส่คู่แข่งตลอด และมาเรียกใบเหลืองแรกให้แก่ ฟ้า-ขาว ได้ จากการที่ นิโกลัส โอตาเมนดี้ เข้าไปสอย อาร์เน่ ฟรีดริช
- เกมค่อนข้างเดือดทีเดียว นาทีที่ 15 ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กัปตันทีมอาร์เจนตินามารอดพ้นการถูกใบเหลืองเป็นคนที่สองของเกมอย่างหวุด หวิด เมื่อเข้าไปทำฟาวล์ชไวน์สไตเกอร์น่าเกลียด แต่ผู้ตัดสินเอียร์มาตอฟยังใจดีไม่ยอมควัก
- เมสซี่เกือบแผลงฤทธิ์ช่วยให้ ฟ้า-ขาว ตีเสมอได้ เมื่อจ่ายบอลทะลุกองหลังอินทรีเหล็กสวย หวังให้เตเวซหลุดไปยิง แต่ มานูเอล นอยเออร์ ออกมาตะครุบบอลได้ทันก่อนที่เตเวซจะเข้าถึงก่อน
- นาทีที่ 24 มุลเลอร์ที่ทัวร์นาเมนต์นี้แจ้งเกิดเต็มตัว โชว์การลากบอลหนีกองหลังอาร์เจนตินามาได้ก่อนเปิดใส่พานเข้ากลางมาให้โคลเซ่ ที่ทำเสียของยิงข้ามคานไปอย่างหน้าตาเฉย
- ผ่านมาครึ่งชั่วโมงพอดี เมสซี่มามีโอกาสยิงเป็นครั้งแรกของเกม จากลูกฟรีคิกนอกรอบเขตโทษด้านขวา แต่ทำได้ไม่ดีพอลูกเหินข้ามคานออกไป
- ถัดมาอีก 2 นาที นักเตะ ฟ้า-ขาว มามีโอกาสยิงเข้ากรอบเป็นครั้งแรกของเกม จากการเลี้ยงขึ้นมาของ อังเคล ดิ มาเรีย ที่โยกหลอก เยโรม บัวเต็ง
นิดหนึ่งก่อนยิงเรียดเข้าเสาแรกไปติดมือนอยเออร์
- มุลเลอร์มาพลาดมหันต์ เมื่อไปทำแฮนด์บอลจนโดนใบเหลืองไปเป็นคนแรกของเยอรมัน และจะทำให้ไม่สามารถลงเล่นในเกมรอบตัดเชือกได้ หากเยอรมันผ่านเข้ารอบไป
- และจากลูกฟรีคิกจังหวะนี้ อาร์เจนตินาก็มาส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้สำเร็จจากการแปโล่งๆ ของอิกวาอินที่ เตเวซ เป็นคนไหลมาให้ ทว่าเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อนแล้วอย่างชัดเจน ทำให้ ฟ้า-ขาว ยังตามตีเสมอไม่สำเร็จ
- นาทีที่ 39 ลูคัส โพดอลสกี้ ลองตั้งป้อมยิงไกลนอกกรอบ บอลพุ่งเป็นจรวดหลุดออกเสาสองไปนิดเดียว
- ช่วงท้ายครึ่งแรก ลาห์มเติมเกมบุกมาเปิดบอลเข้ากลางให้มุลเลอร์จับบอลหนึ่งจังหวะและจิ้มไปติด นิโกลัส บูร์ดิสโซ่ กระเด้งออกหลังไป จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ เยอรมัน นำ อาร์เจนตินา 1-0
กลับลงมาบู๊ในครึ่งหลังกันต่อทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัว 11 คนแรก และ
นาทีที่ 48 ดิ มาเรีย มายิงไกลบอลพุ่งออกเสาสองไปอย่างน่าเสียดาย
- มาส เคราโน่ มาอัด ชไวน์สไตเกอร์ โจทก์เก่าในครึ่งแรกเต็มๆ อีกครั้งในนาทีที่ 52 แต่ผู้ตัดสินยังใจแข็งไม่ยอมควักใบเหลืองให้แก่กัปตันทีม ฟ้า-ขาว
- อาร์เจนตินา เกือบมาได้ลูกตีเสมอ จากลูกครอสเข้ามาที่เสาสองของ มักซี่ โรดริเกซ ให้ อิกวาอิน แตะบอลด้วยอกกลับมาให้ เตเวซ วอลเลย์ทันที ทว่าบอลไปถูกหัวของ แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ที่พุ่งเข้ามาบล็อกเอาไว้ได้ทัน
- อาร์เจนตินา ใส่เกียร์ห้าเดินหน้าบุกเต็มที่แล้ว และมามีลุ้นติดๆ กันสองจังหวะ ครั้งแรก เตเวซ ตั้งป้อมอัดไกลระยะ 30 หลาบอลไปตรงตัว นอยเออร์
และอีกครั้งเป็น อิกวาอิน ที่หลุดไปยิงมุมแคบเสาแรกไปติดการป้องกันของ นอยเออร์ เช่นเดิม
- จนกระทั่งนาทีที่ 68 หลังจากที่ ฟ้า-ขาว มีโอกาสแล้วทำไม่ได้ ก็มาโดน เยอรมัน มาทิ้งห่าง จากลูกที่ โพดอลสกี้ หลุดไปโล่งๆ ในเขตโทษ ก่อนดึงจังหวะรอนิดนึงและบรรจงผ่านเรียดให้ โคลเซ่ จับบอลหนึ่งจังหวะและยิงเข้าประตูไปง่ายๆ เยอรมัน นำห่าง 2-0 และเป็นประตูที่ 3 ของ โคลเซ่ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้
- มาราโดน่า อยู่เฉยไม่ได้ ต้องถอด โอตาเมนดี้ ออกมาลงส่งตัวรุกอย่าง ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ กองกลางดาวรุ่งมาแทนที่
- แต่ในนาทีที่ 74 อินทรีเหล็ก ก็มาฝัง อาร์เจนตินา ลงหลุมสนิท เมื่อ ชไวน์สไตเกอร์ ลากบอลจากริมเส้นหลบนักเตะ ฟ้า-ขาว มาทั้งยวงก่อนปาดเรียดมาให้ มานูเอล ฟรีดริช แปเข้าไปสบายแฮ ส่งผล เยอรมัน ทิ้งไกลเป็น 3-0 ทำเอาท่านนายกรัฐมนตรีหญิงแห่งเยอรมนี แมร์เคิ่ล ชูมือเฮด้วยความดีใจ
- ไฟในตัวนักเตะ อาร์เจนตินา มอดไปหมดแล้ว ไม่มีโอกาสเข้าไปสร้างความอันตราย และนาทีที่ 89 โคลเซ่ ก็มายิงประตู 4-0 ให้ เยอรมนี จากการหยอดเข้ามาของ โอซิล และเป็นการทำสถิติยิงในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเท่า แกร์ด มุลเลอร์ ตำนานดาวยิง อินทรีเหล็ก และตามหลัง โรนัลโด้ อดีตดาวยิงทีมชาติบราซิลที่ยิงไป 15 ลูกอีกแค่เม็ดเดียว
- จบเกม เยอรมนี ย้ำแค้นถล่ม อาร์เจนตินา ไปเละเทะ 4-0 เข้ารอบตัดเชือกไปรอพบทีมชนะระหว่าง สเปน กับ ปารากวัย ที่จะแข่งเป็นคู่ถัดไป ในวันที่ 7 ก.ค. ที่จะถึง
|
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
- อาร์เจนตินา: เซรคิโอ โรเมโร่, นิโกลัส บูร์ดิสโซ่, มาร์ติน เดมิเคลิส, นิโกลัส โอตาเมนดี้, กาเบรียล ไอน์เซ่, มักซี่ โรดริเกซ, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, อังเคล ดิ มาเรีย, กอนซาโล่ อิกวาอิน, ลิโอเนล
เมสซี่, คาร์ลอส เตเวซ
- เยอรมัน : มานูเอล นอยเออร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม, แพร์ แมร์เตซัคเคอร์, อาร์เน่ ฟรีดริช, เยโรม บัวเต็ง, ซามี่ เคดิร่า, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, โธมัส มุลเลอร์, เมซุต
โอซิล, ลูคัส โพดอลสกี้, มิโรสลาฟ โคลเซ่
- ผู้ตัดสิน : อิมาตอฟ ราฟชาน (อุซเบกิสถาน)
|
Tags:
-
▶ Reply to This